พบผลลัพธ์ทั้งหมด 92 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3489/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งดบังคับคดี: ข้อพิพาทสิทธิในทรัพย์มรดกต้องพิสูจน์ในคดีอื่น
ในชั้นบังคับคดี จำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่ง หากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีจำเลยทั้งสี่ก็ไม่ต้องออกไปจากบ้านพิพาท การที่ผู้ร้องขอให้บังคับคดีต่อไปโดยอ้างว่าจำเลยทั้งสี่ไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของโจทก์ เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิสูจน์กันในอีกคดีหนึ่งนั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วในขณะที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดี ส่วนข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าศาลชั้นต้นได้จำหน่ายคดีอีกคดีหนึ่งดังกล่าวแล้วเพราะจำเลยที่ 1 มิได้ชำระค่าขึ้นศาลภายในกำหนดตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีแล้ว และเป็นผลของคดีซึ่งผู้ร้องจะต้องนำไปแถลงต่อศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินการต่อไปตามเงื่อนไขของคำสั่งศาลชั้นต้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในขณะที่ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องของจำเลยที่ 1 ในการขอให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดี ศาลชั้นต้นจึงมีเหตุอันสมควรที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ในขณะมีคำสั่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2446/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการบังคับคดี: ไม่จำต้องรอผลคดีอื่น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านโจทก์ชั้นบังคับคดีผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเป็นเจ้าของที่ดินและบ้านที่โจทก์บังคับคดีร่วมกับจำเลย จำเลยได้ปลอมลายมือชื่อ ผู้ร้องนำที่ดินพร้อมบ้านไปขายฝากแก่โจทก์ ผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์และกรมที่ดินเป็นจำเลยขอให้เพิกถอน การที่จำเลยขายฝากที่ดินพร้อมบ้านให้แก่โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีนี้ไว้เพื่อรอฟังผลคดีดังกล่าวก่อนเช่นนี้ การที่ศาลชั้นต้นจะรอฟังผลของคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องดังกล่าวหรือไม่ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลชั้นต้น ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายบังคับให้ศาลชั้นต้นจำต้องรอฟังผลของคดีอื่นก่อนแต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจพิพากษาคดีไปโดยไม่ต้องรอฟังผลของคดีดังกล่าวจึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3278/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการบังคับคดีและการส่งมอบโฉนดที่ดิน แม้มีคดีอื่นเกี่ยวข้อง ศาลมีอำนาจสั่งให้ส่งมอบโฉนดเพื่อบังคับคดีได้
โจทก์มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้เก็บโฉนดที่ดินพิพาทไว้ส่งมอบโฉนดที่ดินนั้นต่อศาลเพื่อดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาได้ คำสั่งของศาลเช่นว่านี้ย่อมไม่ทำให้ผู้เก็บโฉนดที่ดินพิพาทสูญเสียสิทธิในฐานะผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท และโฉนดที่ดินพิพาทที่ส่งมอบต่อศาลก็เพื่อไปดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาเท่านั้น มิใช่เอาไปเสียจากการยึดถือครอบครองของผู้เก็บโฉนดที่ดิน การที่ผู้เก็บโฉนดที่ดินพิพาทฟ้องจำเลยให้โอนที่ดินพิพาทแก่ตนก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ และฟ้องโจทก์จำเลยคดีนี้ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งนั้น มิใช่เหตุที่ศาลจะงดการบังคับคดีนี้ไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งให้นับโทษต่อจากคดีอื่น แม้คดีนั้นจะพิพากษาในชั้นฎีกา
โจทก์บรรยายฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษคดีอื่นของศาลชั้นต้น จำเลยรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ ขอให้นับโทษต่อ แม้ขณะที่คดีนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ คดีดังกล่าวจะยังไม่ได้พิพากษาเพิ่งจะมีคำพิพากษาเมื่อคดีนี้อยู่ในชั้นฎีกา โดยโจทก์ได้ยื่นคำแถลงให้ศาลทราบแล้ว เช่นนี้ เป็นอำนาจของศาลฎีกาที่จะสั่งให้นับโทษต่อได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานและการรับฟังคำเบิกความเดิมในคดีอื่นเพื่อประกอบการพิจารณาเรื่องทางภาระจำยอม
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 หากโจทก์เห็นว่าการงดสืบพยานไม่ถูกต้อง โจทก์จะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ เมื่อโต้แย้งแล้วจึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ภายในหนึ่งเดือนนับแต่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) เมื่อนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวจนถึงวันนัดฟังคำพิพากษานานประมาณ 45 วัน มีเวลาที่โจทก์จะโต้แย้งได้ ก็หาโต้แย้งไม่ และที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์โจทก์ไว้ซึ่งมีประเด็นที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์รวมอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้ประเด็นที่ไม่มีสิทธิอุทธรณ์กลับเป็นมีสิทธิอุทธรณ์ขึ้นได้ โจทก์จึงฎีกาปัญหาข้อนี้ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 242(1) และมาตรา 247
โจทก์เคยเบิกความเกี่ยวกับเรื่องทางพิพาทในคดีอื่นยอมรับว่าถ้าจะใช้ทางพิพาทจะต้องขออนุญาตจาก ส. เจ้าของที่ดินเดิมก่อนเป็นการยอมรับในสิทธิของทางพิพาทว่าเป็นของส. และในวันชี้สองสถานโจทก์ยอมรับว่าโจทก์ได้เบิกความไว้จริง โจทก์ก็มิได้กล่าวอ้างว่าคำเบิกความของตนไม่ถูกต้องทั้งมิได้คัดค้านการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานเพื่อขอนำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น คำเบิกความของโจทก์ในคดีดังกล่าวจึงนำมารับฟังในคดีนี้ได้ว่า โจทก์ต้องขออนุญาตใช้ทางพิพาทจากบุคคลอื่นเมื่อทางพิพาทเปลี่ยนกรรมสิทธิ์มาเป็นของจำเลย จำเลยย่อมได้รับประโยชน์นั้นด้วยแม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทนานเท่าใด ก็อ้างสิทธิเป็นทางภาระจำยอมหาได้ไม่.
โจทก์เคยเบิกความเกี่ยวกับเรื่องทางพิพาทในคดีอื่นยอมรับว่าถ้าจะใช้ทางพิพาทจะต้องขออนุญาตจาก ส. เจ้าของที่ดินเดิมก่อนเป็นการยอมรับในสิทธิของทางพิพาทว่าเป็นของส. และในวันชี้สองสถานโจทก์ยอมรับว่าโจทก์ได้เบิกความไว้จริง โจทก์ก็มิได้กล่าวอ้างว่าคำเบิกความของตนไม่ถูกต้องทั้งมิได้คัดค้านการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานเพื่อขอนำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น คำเบิกความของโจทก์ในคดีดังกล่าวจึงนำมารับฟังในคดีนี้ได้ว่า โจทก์ต้องขออนุญาตใช้ทางพิพาทจากบุคคลอื่นเมื่อทางพิพาทเปลี่ยนกรรมสิทธิ์มาเป็นของจำเลย จำเลยย่อมได้รับประโยชน์นั้นด้วยแม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทนานเท่าใด ก็อ้างสิทธิเป็นทางภาระจำยอมหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาฟ้องคดีเด็กและเยาวชน: การจับกุมในคดีอื่นมิอาจนำมาใช้นับระยะเวลาในคดีปัจจุบันได้
จำเลยเป็นเยาวชนถูกจับกุมและควบคุมในคดีอื่น ต่อมาพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาคดีนี้ให้จำเลยทราบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกจับกุมและควบคุมในคดีนี้ การนับระยะเวลาตามมาตรา 24 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 ยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นการฟ้องคดีนี้จึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 24 จัตวา แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2530)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2530)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาฟ้องคดีเด็กและเยาวชน ต้องเริ่มเมื่อมีการจับกุมในคดีนั้นจริง แม้ถูกควบคุมในคดีอื่นก่อน
จำเลยเป็นเยาวชนถูกจับกุมและควบคุมในคดีอื่น ต่อมาพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาคดีนี้ให้จำเลยทราบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกจับกุมและควบคุมในคดีนี้ การนับระยะเวลาตามมาตรา24 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494ยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นการฟ้องคดีนี้จึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 24 จัตวา แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว (ประชุมใหญ่ครั้งที่2/2530).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระยะเวลาแจ้งฟ้องคดีเด็กและเยาวชน เริ่มนับเมื่อมีการจับกุมในคดีนั้น หากถูกจับกุมในคดีอื่นก่อน ระยะเวลาดังกล่าวจึงยังไม่เริ่ม
จำเลยเป็นเยาวชนถูกจับกุมในคดีอื่น ภายหลังพนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาในคดีนี้ให้จำเลยทราบ โดยจำเลยถูกควบคุมตัวระหว่างสอบสวนในคดีอื่นมาโดยตลอด ดังนี้ การคำนวณระยะเวลาในการให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนภายใน 30 วัน มิฉะนั้นต้องขอผัดฟ้องต่อศาลในคดีนี้จึงยังไม่เริ่มต้นนับ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาฟ้องคดีเด็กและเยาวชนเมื่อถูกจับในคดีอื่น
จำเลยเป็นเยาวชนถูกจับกุมในคดีอื่น ภายหลังพนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาในคดีนี้ให้จำเลยทราบ โดยจำเลยถูกควบคุมตัวระหว่างสอบสวนในคดีอื่นมาโดยตลอด ดังนี้ การคำนวณระยะเวลาในการให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนภายใน 30 วัน มิฉะนั้นต้องขอผัดฟ้องต่อศาลในคดีนี้จึงยังไม่เริ่มต้นนับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3669/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักวันต้องคุมขังก่อนพิพากษา แม้มีคดีอื่นอยู่แล้ว ศาลต้องระบุชัดเจนหากไม่หัก
ศาลลงโทษจำคุกจำเลยโดยให้นับโทษต่อกับโทษของจำเลยในคดีอาญาอื่นอีก 2 คดี โดยที่ในระหว่างสอบสวนคดีนี้ จำเลยไม่ถูกควบคุมตัวแต่ถูกคุมขังในระหว่างพิจารณา ดังนี้ แม้จำเลยจะถูกคุมขังในคดีนี้พร้อมกับคดีอื่นอีกหลายคดี และศาลหักวันต้องคุมขังในคดีอื่น ๆ แล้วก็ตาม หากคดีนี้ศาลไม่ประสงค์ให้หักวันต้องคุมขังให้อีก ก็ต้องระบุไว้ให้ชัดแจ้งในคำพิพากษา เมื่อคำพิพากษาไมระบุก็ต้องหักวันต้องคุมขังให้แก่จำเลย.