คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดเดิม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 54 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษทางอาญาซ้ำ: ศาลพิจารณาโทษจำคุกในความผิดเดิมก่อนเพิ่มโทษตามกฎหมาย
คดีก่อน แม้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานแต่งกายโดยใช้เครื่องแต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 146 ด้วย แต่มิได้พิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มิได้กำหนดโทษตามมาตรา 146 ไว้หากไปลงโทษตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหารซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 1 ปี 6 เดือน ทั้งก็รู้ไม่ได้ว่าถ้าศาลจะกำหนดโทษจำคุกตามมาตรา 146 (ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี) ศาลจะกำหนดต่ำกว่า 6 เดือน หรือไม่ เหตุนี้จึงว่าจำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 146 มีโทษจำคุกกว่า 6 เดือนมาแล้วตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 ยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียว วาระเดียว: การฟ้องซ้ำในความผิดเดิม แม้มีประเด็นชีวิต/ความตาย สิทธิฟ้องระงับตามกฎหมาย
ที่โจทก์บรรยายฟ้องในคดีนี้ว่า จำเลยใช้ปืนสั้นยิงผู้เสียหายหนึ่งนัด อันเป็นความผิดฐานพยายามฆ่านั้น เป็นการกระทำกรรมเดียว วาระเดียวกับการกระทำของจำเลยซึ่งอัยการโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีแดงที่ 840/2507 โดยกล่าวหาแต่เพียงว่า จำเลยใช้ปืนสั้นยิงขู่ผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานให้ใช้อาวุธปืน ศาลพิพากษาลงโทษคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะเอาการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกันมาฟ้องอ้างว่า ศาลยังมิได้พิพากษาในความผิดที่เกี่ยวกับชีวิตซึ่งอัยการอาจฟ้องไปในคดีนั้นได้ แต่มิได้ฟ้องนั้น ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) ไม่ได้หมายถึงในฐานความผิด แต่หมายถึงการกระทำก่อให้เกิดความผิดนั้นๆ สิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ระงับไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1777/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การนำความผิดเดิมที่ศาลทหารตัดสินแล้วมาเป็นองค์ความผิดในคดีอาญาใหม่ ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามกฎหมาย
จำเลยถูกฟ้องยังศาลทหารฐานทำร้ายร่างกายและศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ต่อมาอัยการยังฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายอีก โดยเอาการทำร้ายร่างกายครั้งเดียวกันนั่นเองมาเป็นองค์ความผิดของคดีหลังนี้ด้วยดังนี้ ต้องถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลทหาร/ศาลพลเรือน: ห้ามฟ้องซ้ำในความผิดเดิมเมื่อมีคำพิพากษาเด็ดขาด
โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลทหารฐานร่วมกันพยายามฆ่าคน ศาลทหารพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1,3มิได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด ส่วนจำเลยที่ 2 ฟังว่าได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายบาดเจ็บ ซึ่งความผิดฐานนี้ไม่อยู่ในอำนาจศาลทหารพิจารณาพิพากษาได้จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยทั้งสามพ้นข้อหาไปโจทก์มาฟ้องจำเลยทั้งสามต่อศาลพลเรือนใหม่ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บดังนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 1,3 ถือว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้องไปแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) ศาลพลเรือนคงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาเฉพาะจำเลยที่ 2 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่างกรรมต่างกระทง ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจยกฟ้องความผิดเดิมที่ไม่อุทธรณ์
เมื่อโจทก์จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยคงอุทธรณ์คัดค้านเฉพาะในความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานเท่านั้นถือว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯลฯ เป็นอันยุติแล้วศาลอุทธรณ์ย่อมไม่มีอำนาจที่จะยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ เพราะเป็นความผิดต่างกรรมคนละกระทงคนละพระราชบัญญัติกับความผิดที่มีอุทธรณ์ขึ้นมา โจทก์อาจแยกฟ้องกระทงความผิดละสำนวนก็ได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่11/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในความผิดเดิม: ศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่สมบูรณ์ อัยการไม่มีสิทธิฟ้องซ้ำ
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคน ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องไม่สมบูรณ์ เพราะมิกล่าวเวลาและสถานที่ซึ่งจำเลยกระทำผิด ศาลให้โจทก์แก้ฟ้องเสียให้ถูกต้อง โจทก์ยืนยันไม่แก้ ศาลมีคำสั่งให้ยกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 161, 185 ดังนี้ อัยการจะฟ้องจำเลยคนเดียวกันฐานพยายามฆ่าคนอีกไม่ได้ เพราะศาลได้ยกฟ้องเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ฟ้องแล้ว ตามมาตรา 39 (4)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษทางอาญา: หลักฐานความผิดเดิมต้องชัดเจนและสอดคล้องกับคำรับของจำเลย
เกี่ยวกับฟ้องขอให้เพิ่มโทษจำเลยนั้น อัยการโจทก์บรรยายว่า " ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องโทษทำร้ายร่างกาย ถูกศาลจังหวัดชุมพรพิพากษาจำคุก 10 วันปรับ 25 บาทตามคดีหมายเลขแดงที่ 347/2495 จำเลยพ้นโทษยังไม่ครบ 5 ปี กลับมากระทำผิดในคดีนี้อีก หาเข็ดหลาบไม่ ขอให้ศาลเพิ่มโทษตาม มาตรา 72 อีกโสดหนึ่งด้วย"
ศาลสอบจำเลยจำเลยรับว่าเคยต้องโทษตามฟ้องโจทก์เป็นความจริง
และจำเลยเบิกความตามคำซักค้านของโจทก์ว่า " ข้าพเจ้าจำเลยเคยต้องโทษของศาลฐานทำร้ายร่างกายนายเปรื่องมีบาดเจ็บ "
ดังนี้ข้อเพิ่มโทษตามที่บรรยายในฟ้องของโจทก์โจทก์ระบุเพียงว่าจำเลยเคยต้องโทษฐานทำร้ายร่างกาย ซึ่ง กฎหมายอาญาระบุไว้ในส่วนที่ 7 หมวดที่ 2 ซึ่งกินความถึงความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บโดยเจตนา บาดเจ็บสาหัสโดยเจตนาบาดเจ็บโดยเจตนาและประมาทก็มี ระบุเป็นหัวข้อเรื่องลหุโทษตาม มาตรา338 ก็มีจึงไม่แน่ว่าตามที่โจทก์บรรยายมานั้นอยู่ในความผิดส่วนไหน เพราะอัตราโทษครั้งก่อนที่จำเลยรับโทษจำคุก 10 วันปรับ 25 บาทนั้นก็เบามีลักษณะเป็นได้ทั้งเจตนา ประมาทและลหุโทษ
จึงอาศัยแต่เพียงคำรับของจำเลยดังกล่าวมาเพิ่มโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้ ข้อเพิ่มโทษจึงต้องยกเสีย
อ้างฎีกาที่ 366/2499

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดเดิม และการพิจารณาองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุกและเสื่อมเสียอิสสระภาพ
เดิมโจทก์ผู้เดียวถูกฟ้องฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวงศาลปรับไปแล้วตามคดีแดงที่ 551/2497
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม ม.329,254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามที่คดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษตาม ม.74 ต้องเป็นความผิดในหมวดเดียวกันกับความผิดเดิม แม้ศาลลงโทษตามบทหนัก
ความผิดที่จะเป็นเหตุให้เพิ่มโทษเป็นทวีคูณคามความใน ม.74 นั้น จะต้องเป็นความผิดที่อยู่ในประเภท(หมวด) เดียวกับความผิดในครั้งก่อน
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์พ้นโทษแล้วมากระทำผิดครั้งนี้ขึ้นอีก คือ ลักทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกสินไถ่สำหรับความผิดครั้งนี้แม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม ม. 294 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์และ ม. 270 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ แต่เมื่อศาลให้ลงโทษจำเลยตาม ม.270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่มาตราเดียว ดังนี้ความผิดของจำเลยในครั้งนี้จึงเป็นความผิดซึงปรับอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพเท่านั้นและเป็นความผิดคนละหมวดกับผิดครั้งก่อนซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์ ดังนี้จะเพิ่มโทษจำเลยตาม ม. 74 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำความผิดเดิม: โจทก์ฟ้องคดีซ้ำหลังจากศาลพิพากษาคดีเดิมเสร็จเด็ดขาดแล้ว ถือเป็นการฟ้องซ้ำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมหนังสือ ศาลได้พิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่าฟ้องเคลือบคลุม โจทก์จึงฟ้องจำเลยหาว่า ปลอมหนังสืออันเป็นความผิดเรื่องเดียวกันในคดีก่อน ศาลสอบถามโจทก์ถึงข้อที่จำเลยคัดค้านเรื่องฟ้องเคลือบคลุมไม่ชัดแจ้ง โจทก์กลับยืนยันว่า ได้บรรยายฟ้องเพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว เท่ากับโจทก์ยืนยันขอให้วินิจฉัยคดีว่า จำเลยจะมีความผิดตามคำกล่าวในฟ้องของโจทก์หรือไม่ ศาลก็ได้วินิจฉัยข้อหาตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โจทก์จะรื้อฟื้นความผิดของจำเลยที่ได้ฟ้องจำเลยแล้วมาฟ้องอีกไม่ได้.
of 6