พบผลลัพธ์ทั้งหมด 78 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองผู้เยาว์: พิจารณาความผูกพันทางจิตใจและผลประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์
บิดามิได้ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้ายตาม ป.พ.พ. มาตรา 1582 เพียงแต่ไม่สามารถปกครองดูแลผู้เยาว์ให้ได้รับความผาสุก อันอาจเป็นเหตุให้สุขภาพจิตของผู้เยาว์เสื่อมลงเท่านั้นกรณีจึงไม่มีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของบิดา แต่ตามพฤติการณ์ของคดีได้ความว่าความผูกพันทางจิตใจของมารดาที่มีต่อผู้เยาว์จะแนบแน่นมากกว่าผู้เป็นบิดา แม้มารดาได้มีโอกาสปกครองดูแลผู้เยาว์บ้างเป็นครั้งคราวชั่วระยะเวลาอันสั้น ผู้เยาว์กลับประสงค์จะอยู่กับมารดา แสดงว่าผู้เยาว์ขาดความอบอุ่นทางจิตใจขณะอยู่กับบิดาเมื่อผู้เยาว์มีความผูกพันกับมารดามากกว่าบิดา การที่ผู้เยาว์อยู่กับมารดาจะมีผลดีต่อสุขภาพจิตของผู้เยาว์ จึงเห็นสมควรให้การใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์อยู่กับมารดาฝ่ายเดียวตาม ป.พ.พ. มาตรา 1566 (5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตร การพิจารณาประโยชน์สูงสุดของผู้เยาว์ ความผูกพันทางจิตใจ และความสามารถในการเลี้ยงดู
เมื่อโจทก์มิได้ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582เพียงแต่ไม่สามารถปกครองดูแลผู้เยาว์ให้ได้รับความผาสุกอันอาจเป็นเหตุให้สุขภาพจิตของผู้เยาว์เสื่อมลงเท่านั้น กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของโจทก์ได้ แต่เมื่อผู้เยาว์มีความผูกพันกับจำเลยมากกว่าโจทก์ การที่ผู้เยาว์อยู่กับจำเลยจะมีผลดีต่อสุขภาพจิตของผู้เยาว์ จำเลยประกอบอาชีพมั่นคงพอที่จะเลี้ยงดูผู้เยาว์ได้ ทั้งมีตาและยายของผู้เยาว์คอยจุนเจือช่วยเหลือสามารถดูแลผู้เยาว์ได้ใกล้ชิด ประกอบกับผู้เยาว์ซึ่งมีอายุ 8 ปีแล้วประสงค์จะอยู่กับจำเลยด้วย เพื่อให้เป็นไปตามความสมัครใจของผู้เยาว์จึงสมควรให้จำเลยซึ่งเป็นมารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ฝ่ายเดียวตามบทบัญญัติ มาตรา 1566(5) แห่ง ป.พ.พ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3313/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาทำสัญญาซื้อขายลดเช็ค แม้ผู้จัดการทำแทนโดยมิชอบ ผู้ซื้อยังผูกพันตามสัญญาได้ หากไม่มีเจตนาซ่อน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 80 เดิม(มาตรา 74 ที่แก้ไขใหม่) บัญญัติไว้ความว่า ในการอันใดถ้าประโยชน์ทางได้เสียของนิติบุคคลฝ่ายหนึ่งกับของตัวผู้จัดการอีกฝ่ายหนึ่งเป็นปฏิปักษ์แก่กันในการอันนั้น ผู้จัดการเป็นอันไม่มีอำนาจเป็นผู้แทนได้ การที่ ส.ผู้จัดการโจทก์สาขาลอง กับ ป. ต้องการขายลดเช็คให้โจทก์เอง โดยให้จำเลยทั้งสามออกหน้าเป็นผู้ขายลดเช็คนั้นส.ผู้จัดการโจทก์จึงไม่มีอำนาจเป็นผู้แทนโจทก์ตามมาตรา 80 เดิม(มาตรา 74 ที่แก้ไขใหม่) และความรู้ของ ส. ผู้จัดการโจทก์ดังกล่าวจะถือเป็นความรู้ของโจทก์ด้วยไม่ได้ การที่จำเลยทั้งสามร่วมกับ ส. ผู้จัดการโจทก์และ ป. ขายลดเช็คให้โจทก์ จำเลยทั้งสามต้องผูกพันต่อโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็คที่จำเลยทั้งสามแสดงเจตนาต่อโจทก์ด้วย อายุความฟ้องร้องตามสัญญาขายลดเช็ค ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 เดิม (มาตรา 193/30 ที่แก้ไขใหม่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2230/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง และขอบเขตความรับผิดของตัวการ-ผู้กระทำละเมิดต่อผู้เสียหายแต่ละราย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 3 และที่ 4 กับโจทก์ที่ 1แล้ว โจทก์ที่ 7 และที่ 8 มิได้อุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนนี้จึงยุติสำหรับโจทก์ที่ 7 และที่ 8 การที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 2 วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมารับฟังไม่ได้ จำเลยที่ 1 จึงไม่ประมาทตามฟ้องโจทก์นั้นเป็นการวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 มิได้ประมาทแล้วย่อมผูกพันโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 9 ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีที่อัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 2 ฟ้องจำเลยที่ 1 ดังกล่าว แม้โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 9 จะมิได้เข้าเป็นคู่ความก็ต้องถือว่าอัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 2 ฟ้องแทนโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 9 จำเลยที่ 1 จึงมิได้กระทำละเมิดและไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 9 จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการจึงไม่ต้องรับผิดด้วย แต่โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุจึงไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ผลของคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ที่ 1 ต้องฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในคดีใหม่ซึ่งเมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาท จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการจึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด: สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันจำเลย แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นบริษัทจำกัดโดยจำเลยที่ 3 เป็นบริษัทรับประกันวินาศภัยจากจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 ได้ตอกเสาเข็มฐานรากอาคารของจำเลยที่ 1 ทำให้บ้านโจทก์ได้รับความเสียหาย ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้เชิดจำเลยที่ 2จำเลยที่ 3 ได้เชิดจำเลยที่ 4 ให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 800,000 บาท ได้ชำระไปบางส่วนยังค้างชำระอยู่ 320,000 บาท ขอให้จำเลยทั้งสี่ชำระค่าเสียหายที่ค้างชำระดังกล่าว เป็นคำฟ้องที่บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาพร้อมคำขอบังคับทั้งได้อ้างอิงสิทธิซึ่งเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ไม่จำเป็นต้องบรรยายถึงพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 3ได้เชิดจำเลยที่ 4 อย่างไร เพราะข้อเท็จจริงดังกล่าวสามารถนำสืบในชั้นพิจารณาคดีได้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม จำเลยที่ 1 กับที่ 3 มิได้ตั้งจำเลยที่ 2 กับที่ 4 เป็นตัวแทนไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ตามปกติ แต่เป็นเรื่องตัวแทนเชิด จึงไม่จำต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้กระทำแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแชร์: ความผูกพันระหว่างลูกวง และอำนาจฟ้องคืนเงินเมื่อนายวงแชร์หลบหนี
การเล่นแชร์เป็นสัญญาชนิดหนึ่งเกิดขึ้นจากความตกลงระหว่างผู้เล่น จำเลยทั้งสองและโจทก์ทั้งสิบเอ็ดต่างเป็นลูกวงแชร์ ต่างมีความผูกพันต้องส่งเงินตามที่ตกลงกันในการเล่นและย่อมมีสิทธิในการเข้าประมูลระหว่างลูกวงแชร์ด้วยกัน จึงต้องมีความผูกพันต่อกันหาใช่จะผูกพันเฉพาะแต่นายวงแชร์ไม่ เมื่อจำเลยทั้งสองเป็นผู้ประมูลได้และรับเงินไปแล้ว จำเลยทั้งสองจะอ้างว่าไม่มีความผูกพันกับโจทก์ทั้งสิบเอ็ดไม่ได้ การที่นายวงแชร์หลบหนีสัญญาแชร์จึงเลิกเล่นกันก่อนที่จะมีการประมูลกันในงวดต่อไป คู่กรณีจึงกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยทั้งสองต้องส่งเงินที่รับไปคืนโจทก์ทั้งสิบเอ็ด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3571/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฝากเงินโดยนิติบุคคล และความผูกพันของกรรมการต่อการกระทำของบริษัท
การที่พนักงานของบริษัทจำเลยที่ 1 นำเช็คของโจทก์ไปเข้าฝากในบัญชีเงินฝากที่มีชื่อจำเลยที่ 2 ม. และ ก. เป็นเจ้าของบัญชีนั้น แม้จะไม่มีชื่อจำเลยที่ 1 ก็ตามแต่ก็เป็นการกระทำโดยจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ และกรรมการคนอื่น จึงถือว่าจำเลยที่ 2ได้เปิดบัญชีเงินฝาก แทนจำเลยที่ 1 อันเป็นกิจการภายในของจำเลยที่ 1 ไม่จำต้องประทับตราของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 ได้รับเงินจากโจทก์ไปแล้ว จึงมีหน้าที่คืนเงินให้โจทก์ จำเลยที่ 1 จะยกเอาเหตุที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้แก่โจทก์โดยไม่ได้ประทับตราของจำเลยที่ 1 มาเป็นข้อแก้ตัวให้หลุดพ้นจากความรับผิดไม่ได้ การที่โจทก์จ่ายเงินให้จำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 เดือน แล้วรับเช็คมาเป็นการชำระหนี้คืนจากจำเลยที่ 1 โดยไม่มีสมุดคู่ฝากและจำเลยที่ 1 รับเช็คจากโจทก์แล้วนำไปฝากเข้าบัญชีของธนาคารพาณิชย์เอง โจทก์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีเงินฝาก จึงไม่ใช่เป็นการฝากเงินในกิจการของธนาคารพาณิชย์ แต่เป็นการกู้ยืมเงินหรือรับเงินจากประชาชนในการประกอบกิจการเงินทุนเพื่อการพัฒนาหรือเพื่อเคหะตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 โดยตรง การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงผูกพันจำเลยที่ 1 ที่จะต้องชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยคืนโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงสภาพการจ้างมีผลผูกพันคู่กรณี แม้ผลเจรจาไม่เป็นที่พอใจ การเลิกจ้างระหว่างข้อตกลงมีผลใช้บังคับเป็นการกระทำไม่เป็นธรรม
เมื่อมีการยื่นข้อเรียกร้องและมีการเจรจาตกลงกันแล้ว ไม่ว่าผลการเจรจาจะตกลงกันเป็นประการใด คู่กรณีทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้องถือปฏิบัติไปตามที่ได้ตกลงกัน การที่โจทก์เลิกจ้าง อ. กับพวกลูกจ้างในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้นยังมีผลใช้บังคับ ย่อมเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123 เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4677/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผูกพันของสัญญาจำนองและค้ำประกันต่อจำเลยจากการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์และการยินยอมให้ผู้อื่นลงนาม
จำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ข้อกิจการจำนองเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2521 ต่อมาอีก 3 วัน คือวันที่ 29 พฤษภาคม2521 จำเลยที่ 2 ได้มาทำสัญญาจำนองเครื่องจักรเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 แก่โจทก์ แสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาจดทะเบียนเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ข้อกิจการจำนองเพื่อมาทำสัญญาจำนองเครื่องจักรแก่โจทก์ตามฟ้อง ดังนี้ เมื่อต่อมาภายหลังคือวันที่ 1 มิถุนายน 2521นายทะเบียนรับจดทะเบียนเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ข้อกิจการจำนองให้ตามที่จำเลยที่ 2 ขอจดทะเบียนแล้ว แม้วัตถุประสงค์ข้อกิจการจำนองนั้น ยังไม่ได้ลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษาก็ตามฝ่ายโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกก็อาจถือเอาประโยชน์จากการขอจดทะเบียนเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ในข้อกิจการจำนองของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวได้แล้ว ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1023 สัญญาจำนองผูกพันจำเลยที่ 2 ได้. สัญญาค้ำประกันที่จำเลยที่ 2 ทำไว้แก่โจทก์ มีจำเลยที่ 4ลงชื่อและประทับตราห้างจำเลยที่ 2 ในขณะทำสัญญานั้น จำเลยที่ 2จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงตัวหุ้นส่วนผู้จัดการจากจำเลยที่ 4 เป็นจำเลยที่ 3 แล้ว แสดงว่าหลังจากจำเลยที่ 3 เข้าเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการสืบต่อจากจำเลยที่ 4 แล้ว จำเลยที่ 3 ยังคงยอมให้จำเลยที่ 4 ครอบครองตราของห้างอยู่ และเมื่อจะทำสัญญาค้ำประกันไว้แก่โจทก์ก็ยินยอมให้จำเลยที่ 4 เป็นผู้ดำเนินการเสมือนยังเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการตามเดิม โดยจำเลยที่ 3 มิได้ทักท้วงว่ากล่าวหรือแจ้งให้โจทก์ทราบพฤติการณ์บ่งชัดว่าจำเลยที่ 3 เชิดจำเลยที่ 4 ให้แสดงออกเป็นตัวแทนของตนในการทำสัญญาค้ำประกันในนามห้างจำเลยที่ 2ซึ่งโจทก์มิได้ล่วงรู้ข้อความจริงจำเลยที่ 2 จึงจำต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองและสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจึงต้องรับผิดในหนี้ของห้างต่อโจทก์ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3244/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาทุนรัฐบาล: ความผูกพันชดใช้ทุนแม้มีการเปลี่ยนแปลงงานราชการ - การรับผิดตามสัญญา
มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ออกจากราชการสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 1 ทำบันทึกแจ้งความประสงค์จะออกจากราชการไปเป็นพนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย จำเลยที่ 1 จะอ้างว่ามหาวิทยาลัยได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการตามความในข้อ 10 และข้อ 24แห่งกฎทบวง ฉบับที่ 2(พ.ศ. 2519) ออกตามความใน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2507 ประกอบด้วยมาตรา 96(2) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518ซึ่งเป็นกรณีสั่งให้ออกจากราชการเมื่อข้าราชการผู้นั้นสมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการเพื่อให้จำเลยที่ 1พ้นจากความรับผิดที่มีต่อโจทก์ตามสัญญาการรับทุนหาได้ไม่ จำเลยที่ 1ยังคงมีความผูกพันตามสัญญาการรับทุนเมื่อจำเลยที่ 1 รับราชการไม่ครบกำหนดเวลาตามที่ตกลงไว้ จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดใช้ทุน ก.พ. ที่โจทก์จ่ายไปแล้ว.