คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความร่วมมือ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 142 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2388/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษี การลดเบี้ยปรับ และความร่วมมือในการตรวจสอบของโจทก์
การเสียเงินเพิ่มเนื่องจากผู้เสียภาษีไม่เสียหรือนำส่งภาษีภายในกำหนดนั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 27 กำหนดไว้แน่นอนโดยไม่มีข้อยกเว้นให้งดเก็บแต่อย่างใด และจะลดได้ก็จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ศาลจึงไม่อาจพิจารณางดหรือลดเงินเพิ่มให้โจทก์ได้ ส่วนปัญหาการงดหรือลดเบี้ยปรับนั้น โจทก์ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลพร้อมเอกสารรายงานผู้สอบบัญชีงบดุลของโจทก์รายละเอียดสินค้าคงเหลือ หมายเหตุประกอบงบดุลและรายการแสดงรายได้รายจ่ายและโจทก์ได้จัดส่งบัญชีและเอกสารพร้อมทั้งหลักฐานต่าง ๆ อีกทั้งมอบให้ ส.และท.ไปให้การต่อเจ้าพนักงานประเมิน 3 ครั้ง และรับทราบผลของการวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เช่นนี้ พอฟังได้ว่าโจทก์มิได้มีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงภาษีแต่ได้ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบไต่สวนของเจ้าพนักงานด้วยดีพอสมควร เพราะมิฉะนั้นแล้วเจ้าพนักงานประเมินคงจะไม่สามารถประเมินรายได้ของโจทก์ได้ แม้ว่าโจทก์จะไม่ได้มาหรือรับเอกสารของเจ้าพนักงานทุกครั้ง ก็อาจเป็นกรณีมีความจำเป็นหรือไม่ทราบก็อาจเป็นได้ จึงยังไม่พอฟังว่าโจทก์ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบสมควรลดเบี้ยปรับให้โจทก์กึ่งหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2004/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มจากความผิดพลาดในการยื่นแบบแสดงรายการ ศาลลดเบี้ยปรับเมื่อให้ความร่วมมือและไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย
ในเดือนกรกฎาคม2535โจทก์มียอดซื้อเพียง19,562.69บาทและมีภาษีซื้อ1,369.38บาทโดยยอดซื้อดังกล่าวมียอดซื้อที่เกี่ยวกับกิจการของโจทก์เพียง2,144.87บาทขอภาษีคืนตามกฎหมายได้เพียง150.13บาทแต่โจทก์ได้ยื่นแบบภ.พ.30แสดงรายการภาษีไว้ผิดพลาดไม่ถูกต้องโดยแสดงตัวเลขยอดซื้อไว้เป็น19,562,069บาทยอดภาษีซื้อ1,369,344.83บาทภาษีขายไม่มีและขอภาษีคืนเป็นจำนวนเงิน1,369,344.83บาทดังนั้นการยื่นแบบแสดงรายการของโจทก์จึงเป็นเหตุให้จำนวนภาษีซื้อในเดือนภาษีที่แสดงไว้คลาดเคลื่อนไปโจทก์จึงต้องเสียเบี้ยปรับอีกหนึ่งเท่าของจำนวนภาษีซื้อที่แสดงไว้เกินตามประมวลรัษฎากรมาตรา89(4)แม้จะเป็นการกระทำไปโดยมีเจตนาหรือไม่โจทก์ก็ยังคงต้องรับผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวแต่เมื่อโจทก์ตรวจพบข้อผิดพลาดแล้วโจทก์ได้ทำหนังสือแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่เกี่ยวข้องทราบและได้ให้ความร่วมมือกับจำเลยด้วยดีทั้งข้อผิดพลาดของโจทก์ก็ยังมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยจึงสมควรลดเบี้ยปรับให้โจทก์ลงอีกร้อยละ25

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9412/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานก่อนฟ้องในคดีอาญาเมื่อจำเลยไม่ต้องการทนายความ และประเด็นความร่วมมือในการกระทำความผิด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 237 ทวิที่ให้ศาลซักถามพยานนั้น ต้องเป็นกรณีที่ผู้ต้องหาต้องการทนายความและศาลเห็นว่าไม่สามารถตั้งทนายความหรือผู้ต้องหาไม่อาจตั้งทนายความได้ทัน เมื่อจำเลยทั้งสามไม่ต้องการทนายความ หากแม้ศาลจะมิได้ซักถามพยานนั้นให้แทนจำเลยทั้งสาม การสืบพยานก็ชอบ และรับฟังคำเบิกความของพยานในการพิจารณาคดีเมื่อจำเลยทั้งสามถูกฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6951/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: การพิสูจน์ความผิดของจำเลยที่ให้ความช่วยเหลือและหลบหนี
จำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ว่าจ้างผู้เสียหายขับรถยนต์รับจ้างไปส่งที่เกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 3ซึ่งนั่งรวมอยู่กับจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ด้านหลังลงมาช่วยจำเลยที่ 1และที่ 2 ปลดทรัพย์ผู้เสียหายหลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ได้ ในลักษณะที่ตัวจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7เปรอะเปื้อนและเปียก ส่วนจำเลยที่ 4 ตามจับได้ตามคำซัดทอดของผู้ถูกจับได้ก่อน ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ไม่ห้ามปรามจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ทั้งยังแยกย้ายกันหลบหนี พยานหลักฐานโจทก์ฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งหมดฟังได้ว่าจำเลยที่ 4ถึงที่ 7 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6951/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: การพิสูจน์ความผิดของจำเลยที่รู้เห็นและสนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยที่4ถึงที่7ร่วมกับจำเลยที่1ถึงที่3ว่าจ้างผู้เสียหายขับรถยนต์รับจ้างไปส่งที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุจำเลยที่3ซึ่งนั่งรวมอยู่กับจำเลยที่4ถึงที่7ด้านหลังลงมาช่วยจำเลยที่1และที่2ปลดทรัพย์ผู้เสียหายหลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่5ถึงที่7ได้ในลักษณะที่ตัวจำเลยที่5ถึงที่7เปรอะเปื้อนและเปียกส่วนจำเลยที่4ตามจับได้ตามคำซัดทอดของผู้ถูกจับได้ก่อนขณะเกิดเหตุจำเลยที่4ถึงที่7ไม่ห้ามปรามจำเลยที่1ถึงที่3ทั้งยังแยกย้ายกันหลบหนีพยานหลักฐานโจทก์ฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งหมดฟังได้ว่าจำเลยที่4ถึงที่7ร่วมกับจำเลยที่1ถึงที่3ปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6951/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: การกระทำที่สนับสนุนและร่วมกระทำความผิด
จำเลยที่4ถึงที่7ร่วมกับจำเลยที่1ถึงที่3ว่าจ้างผู้เสียหายขับรถยนต์รับจ้างไปส่งที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุจำเลยที่3ซึ่งนั่งรวมอยู่กับจำเลยที่4ถึงที่7ด้านหลังลงมาช่วยจำเลยที่1และที่2ปลดทรัพย์ผู้เสียหายหลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่5ถึงที่7ได้ในลักษณะที่ตัวจำเลยที่5ถึงที่7เปรอะเปื้อนและเปียกส่วนจำเลยที่4ตามจับได้ตามคำซัดทอดของผู้ถูกจับได้ก่อนขณะเกิดเหตุจำเลยที่4ถึงที่7ไม่ห้ามปรามจำเลยที่1ถึงที่3ทั้งยังแยกย้ายกันหลบหนีพยานหลักฐานโจทก์ฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งหมดฟังได้ว่าจำเลยที่4ถึงที่7ร่วมกับจำเลยที่1ถึงที่3ปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ศาลเชื่อพยานหลักฐานสอดคล้องและพฤติการณ์บ่งชี้ความร่วมมือ
พยานโจทก์ทั้งสี่ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองจำเลยที่1มาก่อนไม่มีเหตุที่จะเบิกความปรักปรำจำเลยที่1ทั้งเบิกความได้สอดคล้องเชื่อมโยงกันเชื่อได้ว่าพยานโจทก์ทั้งสี่เบิกความตามความเป็นจริงฟังได้ว่าจำเลยที่1เดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้วมาพักอยู่กับจำเลยที่2และที่3ตลอดจนไปไหนมาไหนด้วยกันโดยจำเลยที่1เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายค่าอาหารกับค่าบริการต่างๆให้จำเลยที่2และที่3ด้วยเป็นการชี้ให้เห็นว่าจำเลยที่1เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่2และที่3ตรงตามที่พยานโจทก์ได้ทราบจากสายลับก่อนแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1816/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือค้ายาเสพติด: ตัวการหรือผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 1 และ บ.เป็นผู้ค้ายาเสพติดให้โทษ จำเลยที่ 3กับพวกนัดพบกันหลายครั้งและจำเลยที่ 3 รับเงินจาก บ.นำไปมอบให้แก่จำเลยที่ 1เพื่อเป็นค่าจ้างและค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดหาลักลอบขนยาเสพติดให้โทษ มีการบรรทุกกระสอบซึ่งบรรจุตะเกียบไปส่งที่บ้านพักของจำเลยที่ 1 กับที่ตึกแถวที่จำเลยที่ 1เช่า และมีการขนถ่ายสินค้าไปเก็บที่ตึกแถวที่เช่า มีคนงานบรรจุตะเกียบลงกล่องกระดาษและขนกล่องกระดาษใส่ตู้คอนเทนเนอร์ไปยังท่าเรือคลองเตย เจ้าพนักงาน-ตำรวจติดตามไปและได้ตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว พบเฮโรอีนของกลางอยู่ในกล่องกระดาษ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิด จำเลยที่ 3 ต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการ หาใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดไม่การลดโทษประหารชีวิตให้กึ่งหนึ่ง ศาลจะลดเหลือจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกตั้งแต่25 ถึง 50 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 52 (2) ย่อมเป็นดุลพินิจของศาลโดยพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ความร้ายแรงแห่งคดีเป็นเรื่อง ๆ ไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการครอบครองยาเสพติด แม้ไม่ได้ถูกจับพร้อมกัน
จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จากจังหวัดภูเก็ต มาจังหวัดสงขลาด้วยรถยนต์กระบะแล้วเข้าพักในโรงแรมเดียวกันจำเลยที่ 3 เป็นผู้ถือกระเป๋าสีดำเข้าไปในโรงแรม ต่อมาจำเลยที่ 1 หิ้วกระเป๋าออกจากโรงแรมขับรถออกไปพร้อมกับจำเลยที่ 2 และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุพร้อมเฮโรอีนที่บรรจุในกระเป๋าสีดำ ดังนี้ แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 แต่ตามพฤติการณ์ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในคดียาเสพติด: การพิสูจน์ความผิดจากพฤติการณ์ร่วมเดินทางและครอบครองกระเป๋า
จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 และที่ 2จากจังหวัดภูเก็ต มาจังหวัดสงขลาด้วยรถยนต์กระบะแล้วเข้าพักในโรงแรมเดียวกันจำเลยที่ 3 เป็นผู้ถือกระเป๋าสีดำเข้าไปในโรงแรม ต่อมาจำเลยที่ 1 หิ้วกระเป๋าออกจากโรงแรมขับรถออกไปพร้อมกับจำเลยที่ 2 และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุพร้อมเฮโรอีนที่บรรจุในกระเป๋าสีดำ ดังนี้แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2แต่ตามพฤติการณ์ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1และที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง
of 15