พบผลลัพธ์ทั้งหมด 191 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2748/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุมเมื่อระบุความสัมพันธ์ของจำเลยกับผู้กระทำละเมิด และการรับช่วงสิทธิในสัญญาประกันภัย
โจทก์ได้บรรยายมาในคำฟ้องแล้วว่าจำเลยที่1เป็นเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน80-5080สมุทรสาครโดยเป็นนายจ้างหรือเป็นตัวการได้ใช้จ้างวานให้ผู้ขับซึ่งเป็นลูกจ้างในทางการที่จ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่1เพื่อประโยชน์ของจำเลยที่1ในฐานะเป็นตัวการแล้วผู้ขับดังกล่าวได้กระทำละเมิดชนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายดังนี้คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายโดยชัดแจ้งว่าประการแรกผู้ขับขี่เป็นทั้งลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่1และประการที่สองเป็นตัวแทนซึ่งขับรถโดยมีจำเลยที่1เป็นตัวการเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่1ในฐานะตัวการเพื่อให้จำเลยที่1รับผิดทั้งสองประการจึงเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสองคำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา862วรรคสองผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยซึ่งระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์อาจเป็นคนละคนกับผู้ที่ส่งเบี้ยประกันภัยแต่ความหมายของผู้เอาประกันภัยตามกฎหมายต้องเป็นผู้ที่ส่งเบี้ยประกันภัยเท่านั้นดังนั้นเมื่อส. เป็นผู้ส่งเบี้ยประกันภัยจึงเป็นผู้เอาประกันภัยส่วนที่ตามกรมธรรม์ประกันภัยระบุชื่อช.บุตรส. ช.จึงเป็นเพียงผู้รับประโยชน์และเมื่อคดีนี้มิได้พิพาทกันเองระหว่างคู่สัญญาตามกรมธรรม์ประกันภัยแต่เป็นกรณีที่โจทก์ผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันและผู้รับประโยชน์ไปแล้วโดยรับช่วงสิทธิมาเนื่องจากรถยนต์ซึ่งเอาประกันภัยไว้เกิดวินาศภัยขึ้นการที่โจทก์ระบุในคำฟ้องว่าส.เป็นผู้เอาประกันภัยแต่ตามตารางกรมธรรม์มีชื่อช.ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบต่างกับคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2580/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องเคลือบคลุมในคดีประกันภัย จำเป็นต้องระบุความสัมพันธ์ของผู้เอาประกันภัยกับความรับผิด
จำเลยผู้รับประกันวินาศภัยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ก่อวินาศภัยอันจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุการณ์นั้น แต่เมื่อคำฟ้องบรรยายเพียงว่าจำเลยเป็นผู้รับประกันภัยรถบรรทุกทั้งสองคันที่ไปก่อนเหตุวินาศภัยขึ้นโดยมิได้บรรยายถึงบุคคลผู้เอาประกันที่ต้องผูกพันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในเบื้องต้นอันเป็นนิติสัมพันธ์ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่จะเป็นเหตุให้จำเลยต้องร่วมรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายเช่นนี้ เป็นคำฟ้องที่มิได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้น จึงเป็นคำฟ้องเคลือบคลุม โจทก์เพียงแต่ขอให้ย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่มิได้ขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดี จึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และฎีกาเพียงศาลละ 200 บาท ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตาราง 1 ข้อ 2(ข)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา: การมีอยู่ของความสัมพันธ์โดยชอบด้วยกฎหมายเป็นสำคัญ
หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อขึ้นในระหว่างสมรสซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1490บัญญัติให้ถือเป็นหนี้ร่วมนั้นหมายถึงการเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ข้อความในหนังสือรับสภาพหนี้จะระบุว่าจำเลยทั้งสองยอมรับผิดชำระหนี้จำนวน800,000บาทพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายให้แก่ศ. แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่2ได้ลงชื่อในหนังสือดังกล่าวหรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยคงมีจำเลยที่1เพียงผู้เดียวที่ลงชื่อไว้ในฐานะลูกหนี้อีกทั้งในช่วงระยะเวลาที่จำเลยที่1ก่อหนี้ขึ้นและทำหนังสือรับสภาพหนี้จำเลยที่2มิได้มีฐานะเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่1แต่อย่างใดหนี้ที่จำเลยที่1ก่อขึ้นตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวจึงไม่เป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยที่1กับจำเลยที่2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9215/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: ความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยและผู้ทรงคนปัจจุบันมีผลต่อความรับผิด
เมื่อวินิจฉัยว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทจากจำเลยที่ 2 โดยมิได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่ 1 แล้ว คดีก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่ามีหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระแก่จำเลยที่ 2 ตามเช็คพิพาทหรือไม่ เพราะเป็นข้อต่อสู้ที่อาศัยความเกี่ยวพันกันระหว่างจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ทรงคนก่อน จำเลยที่ 1 หาอาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงคนปัจจุบันได้ไม่ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 916ประกอบด้วยมาตรา 989 จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5762/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายสัมพันธ์กับคำฟ้องเดิม การพิจารณาความเสียหายต้องพิจารณาจากหน้าที่ชอบหรือไม่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยตั้งคณะกรรมการสอบสวนโจทก์และลงโทษโจทก์โดยมิชอบเพราะโจทก์มิได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจำเลยให้การว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยจำเลยจึงตั้งกรรมการสอบสวนโจทก์แล้วลงโทษโจทก์เป็นการปฏิบัติโดยชอบและฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายเนื่องจากการกระทำดังกล่าวของโจทก์การพิจารณาว่าจำเลยได้รับความเสียหายตามฟ้องแย้งหรือไม่จำนวนเท่าใดย่อมเป็นผลมาจากการวินิจฉัยประเด็นตามคำฟ้องเดิมที่ว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่ชอบหรือไม่ถือว่าฟ้องแย้งเป็นเรื่องเดียวกันกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5038/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์: ความสัมพันธ์ผู้ดูแลตามกฎหมายและการใช้อำนาจปกครอง
คำว่า"ผู้ปกครอง"ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา319หมายถึงผู้ใช้อำนาจปกครองอย่างบิดามารดาผู้เสียหายเป็นผู้ปกครองและดูแลผู้เยาว์ทั้งในฐานะน้าและนายจ้างโดยได้รับมอบหมายจากบิดามารดาของผู้เยาว์จึงเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองการที่จำเลยพาผู้เยาว์ไปจากผู้เสียหายโดยปราศจากเหตุอันสมควรเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา319วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมผู้รับประกันภัย: ขาดการระบุความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับผู้เอาประกันภัย ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 2 มิได้ให้การต่อสู้ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เคลือบคลุมด้วยจึงไม่ชอบถือว่าเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่าง ต้องห้ามมิให้ฎีกา ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคแรก แต่เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะเป็นผู้รับประกันภัยตาม ป.พ.พ. มาตรา 887 ซึ่งผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดต่อเมื่อเป็นวินาศภัย ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ เมื่อโจทก์ไม่บรรยายฟ้องให้ปรากฏว่าใครเป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัย และนาย ค.ผู้ขับรถยนต์คันนี้มีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของนาย ค. ด้วย คำฟ้องของโจทก์จึงขาดสาระสำคัญอันเป็นประเด็นแห่งคดีที่พึงกระทำให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิด และศาลจะพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีจำเลยที่ 2 โดยไม่อาศัยคำฟ้องไม่ได้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ตามมาตรา 887 และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5)ประกอบมาตรา 246 และ 247
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุน แต่มิได้บรรยายฟ้องว่า นาย ว. ผู้ขับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 รับประกันภัยนั้นขับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะใด หรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันนั้น อันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของนาย ว. เมื่อโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดแล้ว จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนซึ่งจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อเป็นวินาศภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ จึงไม่ต้องรับผิดด้วย คำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุน แต่มิได้บรรยายฟ้องว่า นาย ว. ผู้ขับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 รับประกันภัยนั้นขับรถยนต์คันดังกล่าวในฐานะใด หรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันนั้น อันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของนาย ว. เมื่อโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดแล้ว จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนซึ่งจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อเป็นวินาศภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ จึงไม่ต้องรับผิดด้วย คำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมของผู้รับประกันภัยค้ำจุน: จำเป็นต้องระบุความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับ ผู้เอาประกันภัย และผู้รับประกันภัย
เฉพาะจำเลยที่1ที่ให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโดยจำเลยที่2มิได้ยกเรื่องดังกล่าวขึ้นต่อสู้ด้วยการที่ศาลวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่2เคลือบคลุมด้วยจึงไม่ชอบถือว่าเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างต้องห้ามมิให้ฎีกาแต่เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่2รับผิดในฐานะเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนโดยมิได้บรรยายฟ้องว่าใครเป็นผู้เอาประกันภัยรถคันที่จำเลยที่2เป็นผู้รับประกันภัยและมิได้บรรยายฟ้องว่าผู้ขับรถคันนี้มีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดด้วยฟ้องโจทก์จึงขาดสาระสำคัญที่ทำให้จำเลยที่2ต้องรับผิดและเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ส่วนจำเลยที่1ซึ่งโจทก์ก็ฟ้องให้รับผิดฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนเช่นกันแต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าผู้ขับรถคันดังกล่าวขับรถคันนั้นในฐานะใดหรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยรถคันนั้นอันเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดด้วยฟ้องโจทก์ย่อมทำให้จำเลยที่1ไม่อาจต่อสู้คดีได้จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1287/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องแสดงความสัมพันธ์ของผู้เอาประกันภัยกับผู้ขับขี่ เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทน
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1 (3) ฟ้องแย้งก็เป็นคำฟ้องอย่างหนึ่งดังนั้นการบรรยายฟ้องแย้งก็ต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ตามป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสองด้วย แต่ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองมิได้บรรยายให้เห็นว่า ผู้ใดเป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่โจทก์ และผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยอันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดด้วย เมื่อฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองมิได้บรรยายถึงเหตุที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดแล้ว โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนซึ่งจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อเป็นวินาศภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ จึงไม่ต้องรับผิดด้วย คำฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองจึงเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1287/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องระบุความสัมพันธ์ของผู้เอาประกันภัยกับผู้ขับขี่ มิเช่นนั้นถือเป็นฟ้องแย้งที่เคลือบคลุม
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา1(3)ฟ้องแย้งก็เป็นคำฟ้องอย่างหนึ่งดังนั้นการบรรยายฟ้องแย้งก็ต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสองด้วยแต่ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองมิได้บรรยายให้เห็นว่าผู้ใดเป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่โจทก์และผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยอันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดด้วยเมื่อฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองมิได้บรรยายถึงเหตุที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดแล้วโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนซึ่งจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่อเป็นวินาศภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบจึงไม่ต้องรับผิดด้วยคำฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองจึงเคลือบคลุม