คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำพิพากษาเดิม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1802/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผูกพันคำพิพากษาเดิม การรับรองใบมอบอำนาจ และการเปลี่ยนแปลงตัวผู้รับมอบอำนาจ
ใบมอบอำนาจทำในเมืองต่างประเทศ ลงชื่อผู้มอบและผู้รับมอบกับมีสามีโจทก์ผู้มอบลงชื่ออนุญาตยินยอมในการนี้และมีพยานลงชื่อรับรอง ทั้งมีกงสุลรักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ไทยเมืองเจด่าห์ลงชื่อรับรองว่า ตัวโจทก์ผู้มอบอำนาจได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าตนโดยมีตราตำแหน่งกงสุลประทับ แม้จำเลยต่อสู้เกี่ยวกับใบมอบอำนาจว่าจำเลยไม่รับรองและอาจจะไม่เป็นดังนั้น ดังนี้ และว่าประเทศอาหรับไม่มีกงสุลสยามและไม่มีบุคคลตามที่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 บัญญัติไว้ลงชื่อเป็นพยาน เช่นนี้ศาลเห็นได้เองว่าไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะไม่ใช่ใบมอบอำนาจอันแท้จริง
เมื่อจำเลยคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนนั้นด้วยไม่ได้คัดค้านความแท้จริงของคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนซึ่งวินิจฉัยเกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันกับคดีใหม่นี้ และคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนก็ได้อ่านและจำเลยก็ทราบแล้ว จำเลยจะมาอ้างในคดีใหม่นี้ว่าผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนได้มรณะ และโจทก์ยังไม่ได้มอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินคดีแทนเช่นนี้ หาได้ไม่ เพราะเรื่องเช่นว่านั้นเป็นเรื่องของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับจำเลย คำพิพากษาฎีกาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย หาตกเป็นโมฆะไม่
ตัวโจทก์จำเลยในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคู่ความคู่กันคดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ คำพิพากษาในคดีก่อนย่อมผูกพันจำเลยในคดีใหม่นี้ในส่วนที่เกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันนั้นด้วย จำเลยจะมาอ้างเหตุว่าผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนกับในคดีใหม่นี้เป็นคนละคนกัน จะเอาคำพิพากษาคดีก่อนมาใช้กับคดีใหม่นี้ ไม่ได้นั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะโจทก์ในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคนเดียวกัน เป็นแต่ผู้รับมอบอำนาจต่างคนกันเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยคดีมรดกโดยอาศัยคำพิพากษาเดิมที่ผูกมัดคู่ความ และการไม่ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องมรดกที่ดินต่างอ้างถึงสำนวนคดีแดงอีกเรื่องหนึ่งเมื่อศาลเห็นว่าตามคำฟ้องคำให้การประกอบกับสำนวนเรื่องนั้นก็พอวินิจฉัยคดีได้ แล้ว ศาลก็อาจงดสืบพยานเสียแล้วนำสำนวนคดีนั้นมาวินิจฉัยประกอบได้เองโดยโจทก์จำเลยไม่ต้องขอระบุอ้าง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทคำพิพากษาถึงที่สุดวินิจฉัยว่าที่พิพาทโจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิและปกครองร่วมกัน ข้อเท็จจริงอันนี้ย่อมผูกมัดโจทก์จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันด้วย และคดีหลังนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่พิพาทเป็นคนละประเด็นไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยคดีมรดกโดยอ้างอิงคำพิพากษาเดิมและประเด็นฟ้องซ้ำ
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องมรดกที่ดินต่างอ้างถึงสำนวนคดีแดงอีกเรื่องหนึ่งเมื่อศาลเห็นว่าตามคำฟ้องคำให้การประกอบกับสำนวนเรื่องนั้นก็พอวินิจฉัยคดีได้แล้วศาลก็อาจงดสืบพยานเสียแล้วนำสำนวนคดีนั้นมาวินิจฉัยประกอบได้เองโดยโจทก์จำเลยไม่ต้องขอระบุอ้าง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทคำพิพากษาถึงที่สุดวินิจฉัยว่าที่พิพาทโจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิและปกครองร่วมกันข้อเท็จจริงอันนี้ย่อมผูกมัดโจทก์จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันด้วยและคดีหลังนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่พิพาทจึงเป็นคนละประเด็นไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาเดิม และขอบเขตการฟ้องร้องใหม่ เมื่อสิทธิยังไม่ถูกโต้แย้ง
จำเลยเคยเป็นโจทก์ในคดีก่อนฟ้องขับไล่โจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยโจทก์ให้การต่อสู้กรรมสิทธิที่ดินที่พิพาท (แต่ไม่ได้ฟ้องแย้ง) ในที่สุดศาลพิพากษาให้ยกฟ้องของจำเลยเสีย โจทก์จะมาฟ้องขอให้แสดงว่าโจทก์มีกรรมสิทธิในที่รายเดียวกันนั้นอีกไม่ได้ โจทก์ย่อมอาศัยคำพิพากษาในคดีก่อนนั้น ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดให้ได้ ยังไม่มีเหตุขัดข้องหรือโต้แย้งสิทธิ ซึ่งจะต้องฟ้องเป็นคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาเดิม และขอบเขตการฟ้องร้องใหม่เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดิน
จำเลยเคยเป็นโจทก์ในคดีก่อนฟ้องขับไล่โจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลย โจทก์ให้การต่อสู้กรรมสิทธิที่ดินที่พิพาท(แต่ไม่ได้ฟ้องแย้ง) ในที่สุดศาลพิพากษาให้ยกฟ้องของจำเลยเสีย โจทก์จะมาฟ้องขอให้แสดงว่าโจทก์มีกรรมสิทธิในที่รายเดียวกันนั้นอีกไม่ได้ โจทก์ย่อมอาศัยคำพิพากษาในคดีก่อนนั้น ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดให้ได้ยังไม่มีเหตุขัดข้องหรือโต้แย้งสิทธิ ซึ่งจะต้องฟ้องเป็นคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลยึดตามคำพิพากษาเดิมเรื่องดอกเบี้ย แม้ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะค่าทดแทน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนพร้อมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จให้โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะค่าทดแทน โดยมิได้กล่าวถึงดอกเบี้ยนั้น ย่อมหมายความว่า ศาลอุทธรณ์มิได้แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีดอกเบี้ยค่าทดแทน: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิมหากศาลอุทธรณ์ไม่ได้แก้ไข
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนพร้อมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จให้โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะค่าทดแทน โดยมิได้กล่าวถึงดอกเบี้ยนั้น ย่อมหมายความว่า ศาลอุทธรณ์มิได้แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีที่ดิน: การพิจารณาผลของคำพิพากษาเดิมและการแก้ไขสัญญาซื้อขาย
โจทก์จำเลยตกลงปราณีประนอมยอมความกันต่อศาล และศาลพิพากษาตามยอมว่าที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายด้านกว้างยาวและทิศติดต่อปรากฎตามหนังสือสัญญาซื้อขายตามบัญชีท้ายคำร้องรวมเป็นเนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 45 วา เป็นกรรมสิทธิของโจทก์ เหลือที่ดินนอกสัญญาซื้อขายให้เป็นกรรมสิทธิกับจำเลยต่อไป แต่มิได้มีการทำแผนที่ในคดีไปตามข้อตกลงของคู่ความ หาได้พิพากษาแสดงกรรมสิทธิของจำเลยว่ามีอยู่แค่ไหนเพียงไรไม่ ฉะนั้นเมื่อปรากฎว่าเนื้อที่ตามสัญญาซื้อขายที่ยอมความกันนั้น เจ้าพนักงานลงเนื้อที่ผิดไป โจทก์ได้ขอให้แก้เสียใหม่ให้ถูกต้องเป็นเนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน 46 วา แล้วโจทก์ได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มาจากมารดาจำเลย แล้วสามีโจทก์กับโจทก์ได้ปกครองที่แปลงนี้ ต่อมาจำเลยมาขัดขวางสิทธิโดยไปร้องขอจัดการมรดกมารดาจำเลย ขอให้แสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ซึ่งปรากฎในคดีก่อนนั้นเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินพิพาทนี้ เป็นมรดกของสามีโจทก์ตกเป็นของโจทก์และบุตร ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาคู่กรณีสำคัญกว่าคำพิพากษาเดิมในการพิจารณาว่าสัญญาเช่าอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าหรือไม่
สัญญาเช่าจะตกอยู่ในความควบคุมแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ รือไม่ อีกนัยหนึ่งสถานที่เช่านั้นจะเป็น " เคหะ " หรือไม่นั้น มีหลักการวินิจฉัยอยู่ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1099-1147/2481 ซึ่งมีความสำคัญอยู่ว่า จะต้องพิจารณาเจตนาของคู่กรณีในเวลาทำสัญญาประกอบกับเหตุผลแวดล้อมอื่น ๆ เช่น สภาพของสิ่งปลูกสร้าง อัตราค่าเช่า ทำเลที่ตั้งและการปฎิบัติของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายเหล่านี้ รวมกันว่า การเช่าสิ่งปลูกสร้างนั้นเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือมิใช่
ภรรยโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากตึกเช่า ศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยใช้เป็นที่อยู่อาศัย ถือว่าเป็นเคหะจึงพิพากษายกฟ้อง ฟังคำพิพากษาแล้ว 4 วัน โจทก์กับจำเลยทำสัญญาเช่าขึ้นใหม่มีข้อความมีกำหนดเวลาเช่า 2 เดือน พอครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาใหม่ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย ๆ ต่อสู้คดีว่าอยู่อาศัยอย่างเดิมดังนี้ ศาลจะงดสืบพะยานโดยถือเอาผลคำพิพากษาในคดีเดิมมาเป็นเครื่องชี้ขาดว่าเป็นเคหะไม่ได้ ต้องให้สืบพะยานเพื่อจะได้วินิจฉัยตามหลักที่วางไว้ในฎีกาที่+

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 894/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและสิทธิในมรดก: ศาลพิพากษาให้แบ่งทรัพย์สินตามสิทธิที่ปรากฏในคำพิพากษาเดิม
โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาครั้งหนึ่งขอให้ห้ามจำเลยอย่าให้เข้ามาเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาท ศาลพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้อง คดีถึงที่สุด โจทก์จึงมาฟ้องขอแบ่งที่ดินพิพาทแปลงนั้น ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีเป็นคนละประเด็น
ตามคำพิพากษาของศาลในคดีก่อนอันถึงที่สุดแล้วว่า โจทก์มีสิทธิในที่พิพาทร่วมกับจำเลย โดยโจทก์สืบสิทธิมาจากผู้รับมฤดกอีก 3 คน สิทธิของโจทก์ในที่พิพาทจะเป็นเพียงสิทธิครอบครอง หรือกรรมสิทธิ จึงไม่เป็นประเด็นจะต้องวินิจฉัย ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งได้ตามสิทธิในทรัพย์สินนั้น.
of 4