พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับรองการชำระหนี้เมื่อขายที่ดิน ไม่ใช่เงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หนี้ตามเอกสารหมาย จ.1 มีความที่จำเลยเขียนไว้ว่า.'ได้รับยืมเงินคุณพระ (โจทก์)60,000บาท จะใช้คืนทั้งหมดในเมื่อรับเงินขายที่ 24 ไร่ได้ จะคืนคุณพระหมด'.หนี้ตามเอกสารหมาย จ.3 มีความว่า'ขอกวนใจช่วยอีก 20,000 บาทเท่ากับให้ผมยืมก่อน และเวลาขายที่นาของผมได้ ผมก็จะอนุญาตให้คุณพระหักไปเลย'. ดังนี้ข้อความที่จำเลยเขียนระบุไว้นั้น เป็นเพียงคำปรารภหรือคำกล่าวอ้างของจำเลยในเวลายืมรับรองว่าจะชำระหนี้คืน. เมื่อจำเลยขายที่ดินของจำเลยได้ เนื่องจากจำเลยยังมีที่ดินพอจะขายเอาเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ได้เท่านั้น. คำรับรองดังกล่าวหาใช่เงื่อนไขในการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา144 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองตั๋วแลกเงิน: เฉพาะผู้จ่ายเท่านั้นที่มีหน้าที่ผูกพันตามคำรับรอง
การรับรองตั๋วแลกเงินจะมีได้เฉพาะตัวผู้จ่าย จึงจะมีความผูกพันต้องจ่ายเงินตามเนื้อความแห่งคำรับรอง บุคคลที่มิได้เป็นผู้จ่าย แม้เข้ามารับรองตั๋วแลกเงิน บุคคลนั้นก็ไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับรองธนาคาร: โจทก์ต้องพิสูจน์การส่งเอกสารตามเงื่อนไขเลตเตอร์ออฟเครดิต เพื่อให้ธนาคารรับผิด
โจทก์ได้นำหนังสือ (เครดิต) ของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีถึงธนาคารให้จ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตแก่โจทก์ไปแสดงต่อธนาคารจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้ประทับตราในหนังสือนั้นมีข้อความว่า "ธนาคารได้ทราบแล้ว จะจ่ายเงินให้ในเมื่อได้ส่งเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต ดังกล่าวข้างบนแล้ว" เมื่อโจทก์ส่งสินค้าให้แก่จำเลขที่ 1 แล้วได้ให้ผู้แทนเอาหนังสือ (เครดิต) ที่ธนาคารได้ประทับตราไว้นั้นไปแลกเงิน แต่ไม่ได้นำเลตเตอร์ออฟเครดิตและเอกสารต่าง ๆ ไปแลกเปลี่ยนธนาคารจึงไม่จ่ายเงิน เช่นนี้ ธนาคารจำเลยที่ 2 ไม่เป็นฝ่ายผิดคำรับรอง โจทก์จะฟ้องบังคับให้ธนาคารจำเลยที่ 2 ชำระเงินหาได้ไม่
ในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างถึงเงื่อนไขในคำรับรอง แต่โจทก์ได้อ้างข้อความคำรับรองตามเอกสารท้ายฟ้อง เอกสารนี้ระบุว่าโจทก์จะต้องนำเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต ดังนี้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าโจทก์ได้ส่งเอกสารตามนัยแห่งเงื่อนไขครบถ้วนแล้ว
ในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างถึงเงื่อนไขในคำรับรอง แต่โจทก์ได้อ้างข้อความคำรับรองตามเอกสารท้ายฟ้อง เอกสารนี้ระบุว่าโจทก์จะต้องนำเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต ดังนี้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าโจทก์ได้ส่งเอกสารตามนัยแห่งเงื่อนไขครบถ้วนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารไม่ต้องรับผิดตามคำรับรอง หากโจทก์ไม่ส่งเอกสารครบถ้วนตามเงื่อนไขเลตเตอร์ออฟเครดิต
โจทก์ได้นำหนังสือ (เครดิต)ของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีถึงธนาคารให้จ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตแก่โจทก์ไปแสดงต่อธนาคารจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 ได้ประทับตราในหนังสือนั้นมีข้อความว่า 'ธนาคารได้ทราบแล้ว จะจ่ายเงินให้ในเมื่อได้ส่งเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต ดังกล่าวข้างบนแล้ว' เมื่อโจทก์ส่งสินค้าให้แก่จำเลยที่ 1 แล้วได้ให้ผู้แทนเอาหนังสือ(เครดิต)ที่ธนาคารได้ประทับตราไว้นั้นไปแลกเงิน แต่ไม่ได้นำเลตเตอร์ออฟเครดิตและเอกสารต่างๆ ไปแลกเปลี่ยนธนาคารจึงไม่จ่ายเงิน เช่นนี้ ธนาคารจำเลยที่ 2 ไม่เป็นฝ่ายผิดคำรับรองโจทก์จะฟ้องบังคับให้ธนาคารจำเลยที่2 ชำระเงินหาได้ไม่
ในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างถึงเงื่อนไขในคำรับรอง แต่โจทก์ได้อ้างข้อความคำรับรองตามเอกสารท้ายฟ้องเอกสารนี้ระบุว่าโจทก์จะต้องนำเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิตดังนี้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าโจทก์ได้ส่งเอกสารตามนัยแห่งเงื่อนไขนั้นครบถ้วนแล้ว
ในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างถึงเงื่อนไขในคำรับรอง แต่โจทก์ได้อ้างข้อความคำรับรองตามเอกสารท้ายฟ้องเอกสารนี้ระบุว่าโจทก์จะต้องนำเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิตดังนี้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าโจทก์ได้ส่งเอกสารตามนัยแห่งเงื่อนไขนั้นครบถ้วนแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับรองธนาคาร: โจทก์ต้องพิสูจน์การส่งเอกสารตามเงื่อนไขเลตเตอร์ออฟเครดิต เพื่อให้ธนาคารรับผิดตามสัญญา
โจทก์ได้นำหนังสือ (เครดิต)ของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีถึงธนาคารให้จ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตแก่โจทก์ไปแสดงต่อธนาคารจำเลยที่ 2. จำเลยที่ 2 ได้ประทับตราในหนังสือนั้นมีข้อความว่า 'ธนาคารได้ทราบแล้ว จะจ่ายเงินให้ในเมื่อได้ส่งเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต ดังกล่าวข้างบนแล้ว'. เมื่อโจทก์ส่งสินค้าให้แก่จำเลยที่ 1 แล้วได้ให้ผู้แทนเอาหนังสือ(เครดิต)ที่ธนาคารได้ประทับตราไว้นั้นไปแลกเงิน. แต่ไม่ได้นำเลตเตอร์ออฟเครดิตและเอกสารต่างๆ ไปแลกเปลี่ยนธนาคารจึงไม่จ่ายเงิน เช่นนี้. ธนาคารจำเลยที่ 2 ไม่เป็นฝ่ายผิดคำรับรอง. โจทก์จะฟ้องบังคับให้ธนาคารจำเลยที่2 ชำระเงินหาได้ไม่.
ในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างถึงเงื่อนไขในคำรับรอง. แต่โจทก์ได้อ้างข้อความคำรับรองตามเอกสารท้ายฟ้อง. เอกสารนี้ระบุว่าโจทก์จะต้องนำเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต. ดังนี้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าโจทก์ได้ส่งเอกสารตามนัยแห่งเงื่อนไขนั้นครบถ้วนแล้ว.
ในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างถึงเงื่อนไขในคำรับรอง. แต่โจทก์ได้อ้างข้อความคำรับรองตามเอกสารท้ายฟ้อง. เอกสารนี้ระบุว่าโจทก์จะต้องนำเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต. ดังนี้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าโจทก์ได้ส่งเอกสารตามนัยแห่งเงื่อนไขนั้นครบถ้วนแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินมือเปล่าต้องได้รับคำรับรองการทำประโยชน์จากนายอำเภอก่อน จึงจะจดทะเบียนได้
ศาลจะบังคับให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนโอนที่ดินมือเปล่าซึ่งยังมิได้รับคำรับรองจากนายอำเภอว่าได้ทำประโยชน์แล้วไม่ได้
ความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ.2497 ที่ยอมให้บุคคลที่ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินและผู้รับโอนที่ดินดังกล่าว มีสิทธิขอรับโฉนดที่ดินได้นั้น คำว่า "ผู้รับโอน"นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับโอนที่ดินมาโดยชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการออกโฉนดที่ดินโดยถูกต้องเสียก่อน แล้วผู้รับโอนนั้นจึงจะมีสิทธิมาขอรับโฉนดที่ดิน ฉะนั้น ที่ดินรายพิพาทซึ่งยังมิได้มีการโอนกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และยังเป็นที่ดินที่ไม่ได้รับคำรับรองจากนายอำเภอว่าได้ทำประโยชน์แล้ว จึงโอนกันมิได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 เพียงแต่บัญญัติรับรองสิทธิของผู้ซื้อโดยสุจริตจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลว่ามิเสียไป ถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันกับเรื่องขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม อันจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และประมวลกฎหมายที่ดิน(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2509)
ความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ.2497 ที่ยอมให้บุคคลที่ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินและผู้รับโอนที่ดินดังกล่าว มีสิทธิขอรับโฉนดที่ดินได้นั้น คำว่า "ผู้รับโอน"นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับโอนที่ดินมาโดยชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการออกโฉนดที่ดินโดยถูกต้องเสียก่อน แล้วผู้รับโอนนั้นจึงจะมีสิทธิมาขอรับโฉนดที่ดิน ฉะนั้น ที่ดินรายพิพาทซึ่งยังมิได้มีการโอนกันโดยชอบด้วยกฎหมาย และยังเป็นที่ดินที่ไม่ได้รับคำรับรองจากนายอำเภอว่าได้ทำประโยชน์แล้ว จึงโอนกันมิได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 เพียงแต่บัญญัติรับรองสิทธิของผู้ซื้อโดยสุจริตจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลว่ามิเสียไป ถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันกับเรื่องขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม อันจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และประมวลกฎหมายที่ดิน(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับรองการเช่าเป็นสัญญาผูกพัน หากไม่เป็นไปตามที่รับรอง ถือเป็นความผิดสัญญาและต้องชดใช้ค่าเสียหาย
ผู้เช่าเดิมได้เซ้งหรือโอนสิทธิการเช่าห้องให้แก่บุคคลอื่น โดยให้คำรับรองว่าจะเช่าอยู่ได้ 5 ปี อันเป็นวัตถุประสงค์สำคัญสำหรับการรับเซ้งและรับโอนการเช่านี้ เมื่อผู้รับโอนไม่ได้อยู่ในห้องตามระยะเวลาที่ผู้เช่าเดิมรับรองไว้ โดยถูกฟ้องขับไล่ ดังนี้ถือได้ว่าผู้เช่าเดิมผิดคำรับรองอันต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้รับโอน และกรณีไม่เข้าอยู่ในบทมาตรา 119 แห่ง ป.พ.พ.เพราะไม่ใช่เรื่องแสดงเจตนาอันทำด้วยสำคัญผิดแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาเซ้ง/โอนการเช่าห้อง: คำรับรองระยะเวลาเช่าเป็นสาระสำคัญของสัญญา
ผู้เช่าเดิมได้เซ้งหรือโอนสิทธิการเช่าห้องให้แก่บุคคลอื่น โดยให้คำรับรองว่าจะเช่าอยู่ได้ 5 ปี อันเป็นวัตถุประสงค์สำคัญสำหรับการรับเซ้งและรับโอนการเช่านี้ เมื่อผู้รับโอนไม่ได้อยู่ในห้องตามระยะเวลาที่ผู้เช่าเดิมรับรองไว้ โดยถูกฟ้องขับไล่ ดังนี้ถือได้ว่าผู้เช่าเดิมผิดคำรับรองอันต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้รับโอน และกรณีไม่เข้าอยู่ในบทมาตรา 119 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะไม่ใช่เรื่องแสดงเจตนาอันทำด้วยสำคัญผิดแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับชำระหนี้และผลผูกพันของคำรับรอง การรับรองเฉพาะตัว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ราคาที่ดินที่ค้างชำระและอ้างว่าจำเลยทำหนังสือแสดงการรับใช้เงินไว้ให้ แต่หนังสือนั้นกลับมีข้อความว่าจำเลยได้รับเงินจากโจทก์ดังนี้ โจทก์ต้องแพ้คดี
จำเลยคนหนึ่งแถลงรับตามฟ้องของโจทก์แต่จำเลยอื่นไม่ได้ยอมรับตามนั้นด้วย ดังนี้ คำแถลงรับนั้นไม่ผูกพันจำเลยอื่น
จำเลยคนหนึ่งแถลงรับตามฟ้องของโจทก์แต่จำเลยอื่นไม่ได้ยอมรับตามนั้นด้วย ดังนี้ คำแถลงรับนั้นไม่ผูกพันจำเลยอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกทรัพย์มรดก, คำรับรองด้วยวาจาไม่มีผลผูกพัน, การขยายอายุความเฉพาะผู้แทน
ฟ้องเรียกทรัพย์มฤดกเมื่อเกิน 1 ปีนับแต่เจ้ามฤดกตาย ย่อมขาดอายุความ,พูดรับรองจะแบ่งมฤดกให้ด้วยวาจามิได้ทำเป็นหนังสือ ย่อมไม่มีผลในกฎหมายแต่ประการใดเลย,การขยายอายุความตามประมวลแพ่ง ฯ ม.184 จะใช้ได้แต่ฉะเพาะในกรณีที่ผู้เยาว์หรืผู้วิกลจริตจะว่ากล่าวเป็นคดีแก่ผู้แทนโดยชอบธรรมของตนเองเท่านั้น