คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำร้องคัดค้าน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 45 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1864/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องคัดค้านการยึดทรัพย์เกินกำหนดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา
ผู้ประกันซึ่งผิดสัญญาประกันยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2532 ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของผู้ประกันโดยไม่ถูกต้อง ผู้ประกันจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการถอนการยึด พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้ประกันทราบเรื่องการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งแต่วันดังกล่าวการที่ผู้ประกันมายื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกเลิกคำสั่งยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2532จึงเป็นการยื่นเมื่อเกินกำหนด 8 วันแล้ว ผู้ประกันไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 249 (คดีนี้มิใช่เป็นเรื่องการบังคับตามสัญญาประกันโดยตรง แต่พิพาทกันในเรื่องค่าธรรมเนียมถอนการยึด คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงไม่เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119ผู้ประกันฎีกาได้).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1864/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องคัดค้านการยึดทรัพย์เกินกำหนดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา
ผู้ประกันซึ่งผิดสัญญาประกันยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2532 ว่า เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของผู้ประกันโดยไม่ถูกต้อง ผู้ประกันจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการถอนการยึด พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้ประกันทราบเรื่องการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีตั้งแต่วันดังกล่าวการที่ผู้ประกันมายื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกเลิกคำสั่งยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2532จึงเป็นการยื่นเมื่อเกินกำหนด 8 วันแล้ว ผู้ประกันไม่อาจยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 249(คดีนี้มิใช่เป็นเรื่องการบังคับตามสัญญาประกันโดยตรง แต่พิพาทกันในเรื่องค่าธรรมเนียมถอนการยึด คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงไม่เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119ผู้ประกันฎีกาได้).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2893/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดกต้องมีเหตุสมควร มิใช่เพียงโต้แย้งเรื่องทรัพย์สินเป็นของผู้คัดค้าน
คำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านมิได้คัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก หรือผู้ร้องเป็นบุคคลต้องห้ามที่จะเป็นผู้จัดการมรดก แต่อ้างเป็นทำนองว่า ไม่มีทรัพย์มรดกของผู้ตายที่จะต้องจัดการ เนื่องจากทรัพย์มรดกทั้งหมดคือที่ดิน 4 แปลงตามคำร้องเป็นของผู้คัดค้าน แต่ปรากฏตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ว่าผู้ตายเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินทั้ง 4 แปลงนั้น ทั้งผู้คัดค้านเคยฟ้องบุตรของผู้ตายรวมทั้งผู้ร้องให้โอนที่ดินดังกล่าวให้ผู้คัดค้าน แต่ศาลพิพากษายกฟ้อง และมิได้วินิจฉัยว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้คัดค้านดังที่ผู้คัดค้านอ้าง หลักฐานในคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านกลับแสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่า มีทรัพย์มรดกของผู้ตายที่จะต้องจัดการอันเป็นเหตุที่จะต้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดกดังที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอ ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ข้อพิพาทที่ว่าผู้คัดค้านหรือเจ้ามรดกเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว เป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านต้องไปว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะขอให้ศาลพิพากษาแสดงสิทธิในคดีขอตั้งผู้จัดการมรดกหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการบังคับคดี: ศาลชั้นต้น หรือ ศาลที่บังคับคดีแทน
คำร้องซึ่งอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลชั้นต้นที่ได้รับแต่ตั้งให้บังคับคดีแทนดำเนินการบังคับคดีโดยไม่ชอบนั้น ผู้ร้องมีสิทธิยื่นต่อศาลที่ชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นต้นได้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2529)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการบังคับคดี: ศาลชั้นต้นยังมีอำนาจ แม้จะมอบหมายให้ศาลอื่นบังคับคดีแทน
ศาลที่มีอำนาจรับบรรดาคำฟ้องและคำขอที่เสนอเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดีตามป.วิ.พ.มาตรา7(2)คือศาลตามป.วิ.พ.มาตรา302ซึ่งหมายถึงศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดคดีในชั้นต้นแม้ว่าศาลนั้นจะมอบให้ศาลอื่นบังคับคดีตามหมายบังคับคดีแทนและยังมิได้รับทรัพย์ที่ยึดได้หรือเงินที่ได้จากการขายทรัพย์นั้นซึ่งทำให้ศาลที่รับบังคับคดีแทนมีอำนาจรับวินิจฉัยคำร้องที่อ้างว่าการบังคับคดีปฏิบัติไปโดยมิชอบได้ก็ตามแต่ศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดคดีในชั้นต้นก็ยังมีอำนาจที่จะรับบรรดาคำร้องเช่นนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการบังคับคดี: ศาลชั้นต้นหรือศาลที่รับมอบหมาย
คำร้องซึ่งอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลชั้นต้นที่ได้รับแต่ตั้งให้บังคับคดีแทนดำเนินการบังคับคดีโดยไม่ชอบนั้นผู้ร้องมีสิทธิยื่นต่อศาลที่ชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นต้นได้. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่1/2529)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องแสดงข้อหาชัดเจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิฉะนั้นศาลไม่รับพิจารณา
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งจึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองด้วย เมื่อเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ศาลก็ไม่อาจรับไว้พิจารณาได้
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 73 ได้บัญญัติถึงบัตรเลือกตั้งที่ถือว่าเป็นบัตรเสียไว้ถึง 6 ประเภท หรือชนิด เมื่อผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านคลุม ๆ มาว่า คณะกรรมการตรวจคะแนนของหน่วยเลือกตั้งหลายหน่วยของอำเภอชุมพวงได้จงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ได้อ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความจริง โดยอ่านบัตรดีของผู้ร้องให้เป็นบัตรเสียอ่านบัตรเสียของผู้อื่นเป็นบัตรดี มิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่ากรรมการตรวจคะแนนอ่านบัตรดีให้เป็นบัตรเสียชนิดไหน และอ่านบัตรเสียชนิดไหนให้เป็นบัตรดี จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำร้องอ้างว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนทำรายงานการเลือกตั้งไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยมิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่ากรรมการคนใดกระทำการอย่างไรและไม่ตรงกับความเป็นจริงอย่างไร เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำร้องอ้างเหตุว่า คณะกรรมการอ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความจริงโดยมิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่ากรรมการผู้ใด ที่หน่วยเลือกตั้งใด และการอ่านเช่นนั้นเป็นเหตุให้คะแนนของผู้ร้องน้อยกว่าความจริงประมาณเท่าใด หากน้อยกว่าความจริงเพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ คำร้องข้อนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องแสดงข้อหาชัดเจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิเช่นนั้นศาลไม่รับพิจารณา
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งจึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองด้วย เมื่อเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ศาลก็ไม่อาจรับไว้พิจารณาได้
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 73 ได้บัญญัติถึงบัตรเลือกตั้งที่ถือว่าเป็นบัตรเสียไว้ถึง 6 ประเภท หรือชนิด เมื่อผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านคลุม ๆ มาว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนของหน่วยเลือกตั้งหลายหน่วยของอำเภอชุมพวงได้จงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ได้อ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความจริง โดยอ่านบัตรดีของผู้ร้องให้เป็นบัตรเสีย อ่านบัตรเสียของผู้อื่นเป็นบัตรดี มิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่ากรรมการตรวจคะแนนอ่านบัตรดีให้เป็นบัตรเสียชนิดไหน และอ่านบัตรเสียชนิดไหนให้เป็นบัตรดี จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำร้องอ้างว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนทำรายงานการเลือกตั้งไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยมิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่ากรรมการคนใดกระทำการอย่างไรและไม่ตรงกับความเป็นจริงอย่างไร เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำร้องอ้างเหตุว่า คณะกรรมการอ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความจริงโดยมิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่ากรรมการผู้ใด ที่หน่วยเลือกตั้งใด และการอ่านเช่นนั้นเป็นเหตุให้คะแนนของผู้ร้องน้อยกว่าความจริงประมาณเท่าใด หากน้อยกว่าความจริงเพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ คำร้องข้อนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด: ศาลพิจารณาเหตุผลเพียงพอหรือไม่
ผู้ร้องขอให้นำทรัพย์ที่โจทก์ยึดไว้ออกขายทอดตลาด ศาลอนุญาตและประกาศขายทอดตลาด ถึงวันขายโจทก์ผู้นำยึดยื่นคำร้องว่าผู้ร้องทำการฉ้อฉลเพื่อให้มีการขายทอดตลาดศาลให้งดการขาย และนัดไต่สวนคำร้อง ในวันที่โจทก์ยื่นคำร้องศาลสอบถามโจทก์จำเลยและผู้ร้อง แล้วสั่งว่าเหตุผลของโจทก์ยังไม่พอฟังที่จะให้งดการขายทอดตลาดได้ เช่นนี้แสดงว่าได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2812/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ไม่ชัดเจนข้อหาฝ่าฝืนมาตรา 26 พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ ศาลยกคำร้อง
ปัญหาว่า คำร้องของผู้ร้องชอบด้วยมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การคัดค้านการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดเขตเลือกตั้งหนึ่ง มาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯ ได้จำกัดประเภทของบุคคลผู้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านไว้ ได้แก่ผู้เลือกตั้ง ผู้สมัคร และพรรคการเมืองซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น โดยให้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ในกรณีที่เห็นว่าการเลือกตั้งหรือการที่บุคคลใดได้รับการเลือกตั้ง เป็นไปโดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26, 32, 34, 51 หรือมาตรา 52 ด้วย ซึ่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯ มาตรา 26 บัญญัติว่าห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งรู้อยู่แล้วตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเข้าสมัครรับเลือกตั้งและการฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 84 คำร้องของผู้ร้องมีใจความสำคัญเพียงว่า ในวันยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งผู้คัดค้านที่ 1 ผู้สมัครยังดำรงตำแหน่งกำนันตำบลอิสาณและนายทะเบียนตำบลอิสาณ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 96(7) ที่ว่าเป็นพนักงานของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ขอให้มีคำสั่งว่าการได้รับการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่เท่านั้น คำร้องมิได้แสดงโดยแจ้งชัดแห่งข้อหาว่า การที่ผู้คัดค้านที่ 1 ได้รับการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบนั้นเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26 ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 78 อย่างไร กล่าวคือมิได้บรรยายข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ได้รู้แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเพราะเป็นบุคคลต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 96(7) แล้วยังเข้าสมัครรับเลือกตั้งอีก ฉะนั้น คำร้องของผู้ร้องซึ่งบรรยายอ้างถึงแต่คุณสมบัติของบุคคลที่ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฯ แต่อย่างเดียว จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย มาตรา 78 ไม่มีเหตุที่จะรับไว้เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ชอบที่จะมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องเสีย
of 5