คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำวินิจฉัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 140 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5473/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การที่ไม่เปลี่ยนแปลงประเด็นข้อพิพาทเดิม ไม่ส่งผลต่อคำวินิจฉัยศาล
คำร้องขอแก้ไขคำให้การจำเลยเป็นการสรุปคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งแล้ว ไม่มีการเพิ่มเติมประเด็นข้อพิพาทระหว่างคู่ความขึ้นใหม่ให้แตกต่างไปจากคำให้การเดิม และไม่ติดใจบังคับตามฟ้องแย้งตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งแล้วแม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยแก้ไขคำให้การได้หรือไม่ ก็ไม่ทำให้ข้อเท็จจริงหรือในที่สุดผลของคดีซึ่งศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยตรงตามประเด็นข้อพิพาทตามที่จำเลยให้การต่อสู้แล้วเปลี่ยนแปลงไป ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งที่ให้ยกคำร้องขอแก้ไขคำให้การเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่เป็นสาระแก่คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4126/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อมูลสอบคัดเลือกไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เปิดเผยได้ ศาลยืนตามคำวินิจฉัยเดิม
คำว่า "ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล" ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 4 หมายถึง สิ่งที่แสดงถึงเรื่องราวความเป็นมาที่เกี่ยวพันกับชีวิตความเป็นอยู่ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดอันเป็นเรื่องราวเฉพาะตัวของบุคคลผู้นั้นซึ่งจำแนกให้เห็นความแตกต่างจากเรื่องราวของบุคคลอื่น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะบันทึกหรือทำให้ปรากฏในเอกสารหรือวัตถุใด ๆ
กระดาษคำตอบข้อสอบคัดเลือกเข้าเรียนในสถานศึกษาของทางราชการ เป็นเพียงเอกสารที่ผู้เข้าสอบแข่งขันจัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สถานศึกษากำหนดขึ้น เพื่อแสดงถึงภูมิความรู้และใช้เป็นเกณฑ์ชี้วัดความรู้ความสามารถของผู้เข้าสอบแข่งขันแต่ละคนโดยนำกระดาษคำตอบและบัญชีคะแนนของแต่ละคนไปพิจารณาเปรียบเทียบกันเพื่อสรรหาผู้ที่สามารถแสดงภูมิความรู้ได้ดีกว่าผู้อื่นเป็นผู้ผ่านการสอบแข่งขัน กระดาษคำตอบและบัญชีคะแนนของผู้เข้าสอบแข่งขันจึงมิใช่เรื่องราวความเป็นมาที่เกี่ยวพันกับชีวิตความเป็นอยู่อันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของโจทก์ จึงไม่เป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลอันได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไม่ให้เปิดเผย
ข้อเท็จจริงที่โจทก์ทั้งหนึ่งร้อยเก้าบรรยายมาในคำฟ้องเกี่ยวกับกระดาษคำตอบและบัญชีคะแนนของผู้เข้าสอบแข่งขันเข้าศึกษาในโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีรายละเอียดเพียงพอให้วินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายโดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐานของคู่ความ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 15,24
แม้ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540มาตรา 37 วรรคสอง ที่บัญญัติให้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลเป็นที่สุด แต่บทบัญญัติดังกล่าวมีความหมายเพียงว่าเมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร หรือไม่รับฟังคำคัดค้านมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเป็นประการใดแล้ว บุคคลผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องกับคำวินิจฉัยนั้นจะโต้แย้งคัดค้านคำวินิจฉัยนั้นต่อไปอีกไม่ได้ แต่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายห้ามคณะกรรมการชุดดังกล่าวพิจารณาทบทวนและเพิกถอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำวินิจฉัยนั้น คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเป็นคำสั่งทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 5ซึ่งตามมาตรา 49 บัญญัติว่า "เจ้าหน้าที่หรือผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่อาจเพิกถอนคำสั่งทางปกครองได้ตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 51 มาตรา 52และมาตรา 53" การที่คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารพิจารณาทบทวนคำวินิจฉัยเดิมและมีคำวินิจฉัยใหม่จึงเป็นการกระทำภายในกรอบของกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการฟ้องร้องค่าทดแทนเวนคืน: เจ้าหน้าที่เวนคืนไม่มีสิทธิฎีกาโต้แย้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี
พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้สิทธิแก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนที่ยังไม่พอใจในคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีตามมาตรา 25 วรรคหนึ่ง ฟ้องคดีต่อศาล โดยไม่ได้ให้สิทธิแก่ฝ่ายเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์โต้แย้งหรือไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี จำเลยทั้งสามฎีกาในทำนองไม่เห็นด้วยกับที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยวินิจฉัยให้จ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินในส่วนที่คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯ หักเอาไว้อันเนื่องจากมีความเห็นว่าที่ดินของโจทก์ที่เหลือจากการเวนคืนมีราคาสูงขึ้นแก่โจทก์ ซึ่งเท่ากับเป็นการฎีกาโต้แย้งเพื่อที่จะไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของตนเองหรือฝ่ายตนเอง จำเลยทั้งสามหามีสิทธิฎีกาเช่นนี้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1897/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินมรดก: ศาลไม่ผูกพันตามคำวินิจฉัยเดิม หากประเด็นกรรมสิทธิ์ไม่ได้ถูกวินิจฉัยโดยตรง
ในคดีก่อนซึ่งโจทก์ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกและจำเลยที่ 1ร้องคัดค้านนั้น มีประเด็นพิพาทกันเพียงว่า มีความจำเป็นต้องตั้งผู้จัดการมรดกและโจทก์สมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ส่วนทรัพย์มรดกของ อ. มีอะไรบ้าง เพียงใด ไม่ได้เป็นประเด็นข้อพิพาทในคดีโดยตรง แม้ศาลชั้นต้นได้มีคำวินิจฉัยถึงที่สุดว่าทรัพย์พิพาทตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องซึ่งรวมทั้งทรัพย์พิพาทในคดีนี้ได้มาระหว่างที่ อ. เป็นสามีภริยากับจำเลยที่ 1 จึงเป็นสินสมรสตามกฎหมาย ก็ถือไม่ได้ว่าศาลในคดีก่อนได้วินิจฉัยชี้ขาดถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์พิพาทว่าเป็นสินสมรสระหว่าง อ. กับจำเลยที่ 1 อันจะต้องผูกพันจำเลยที่ 1 ในคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา: การคัดค้านคำวินิจฉัยศาลต้องอุทธรณ์ ไม่ใช่ยื่นคำร้องใหม่
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขออนุญาตดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์แล้วมีคำสั่งยกคำร้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอสืบพยานเพิ่มเติมแต่ข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์เป็นการคัดค้านข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยโดยคำสั่งหลังเสร็จการไต่สวนแล้ว ข้อวินิจฉัยดังกล่าวหากโจทก์ไม่เห็นด้วยและประสงค์จะคัดค้าน โจทก์ชอบที่จะคัดค้านโดยการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น มิใช่โดยการยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่อีกครั้งหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเป็นจำเลยในคดีแพ่ง: การคัดค้านคำวินิจฉัยศาลชั้นต้นต้องทำโดยอุทธรณ์ ไม่ใช่คำร้องขอใหม่
โจทก์อ้างตามคำร้องขอว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ยังพอมีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลได้นั้น ความจริงโจทก์ไม่มีเงินดังกล่าวเนื่องจากที่ดินที่โจทก์มีอยู่ไม่สามารถนำไปจำนองหรือขายให้แก่ผู้ใดได้ กิจการอพาร์ตเมนต์ที่โจทก์มีอยู่ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยก็ขาดทุน และลูกหนี้โจทก์ที่มีอยู่ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยก็ยังไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์จึงขอสืบพยานเพิ่มเติม แต่ข้ออ้างของโจทก์เป็นการคัดค้านข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยโดยคำสั่งหลังเสร็จการไต่สวนแล้ว ข้อวินิจฉัยดังกล่าวหากโจทก์ไม่เห็นด้วยและประสงค์จะคัดค้าน โจทก์ชอบที่จะคัดค้านโดยการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น มิใช่โดยการยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอของโจทก์โดยไม่ไต่สวนจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3538/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีพิพาทกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เคยมีคำวินิจฉัยแล้ว แม้มีเหตุใหม่ก็ต้องห้ามฟ้องซ้ำ
คดีก่อนมีประเด็นพิพาทว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับ ส. จำนวนครึ่งหนึ่งในที่ดินพิพาททั้งหกแปลงและได้ยกที่ดินดังกล่าวให้จำเลยหรือไม่คู่ความตกลงท้ากันว่าให้ส่งลายพิมพ์นิ้วหัวแม่มือซ้ายของโจทก์ซึ่งพิมพ์ต่อหน้าศาลไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับลายพิมพ์นิ้วหัวแม่มือซ้ายตามที่ปรากฏในหนังสือคำยินยอมของคู่สมรสเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2ถ้าหากผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่าลายพิมพ์นิ้วมือตามเอกสารดังกล่าวใช่หรือน่าเชื่อว่าเป็นลายพิมพ์นิ้วหัวแม่มือซ้ายของโจทก์ โจทก์ยอมแพ้ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่า ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจเห็นว่าลายพิมพ์นิ้วหัวแม่มือซ้ายตามเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 เป็นลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ โจทก์จึงเป็นฝ่ายแพ้คดี คดีถึงที่สุดแล้ว การที่โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยขอให้เพิกถอนนิติกรรมการให้อีก โดยอ้างว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่งในที่ดินพิพาททั้งหกแปลง แม้คดีนี้โจทก์จะอ้างเหตุว่าจำเลยประพฤติเนรคุณรวมอยู่ด้วย แต่ประเด็นพิพาทในคดีก่อนและคดีนี้ยังคงเป็นเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาททั้งหกแปลงเช่นเดียวกันซึ่งได้รับการวินิจฉัยมาแล้วในคดีก่อน จึงเป็นกรณีคู่ความเดียวกันรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันเป็นฟ้องซ้ำ จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1594/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องความเสียหายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องเกิดจากการกระทำหรือคำวินิจฉัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายแล้ว
ที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการนำพื้นที่ลานจอดรถของอาคารซึ่งเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ออกให้บุคคลภายนอกเช่าเพื่อหาผลประโยชน์เข้ากองทรัพย์สินของลูกหนี้เท่านั้น แต่ขณะผู้ร้องยื่นคำร้องผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้ระงับในการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะนำพื้นที่จอดรถซึ่งผู้ร้องเช่าจากลูกหนี้ไปให้ พ. หรือผู้อื่นเช่าและหากมีการทำสัญญาเช่าไปแล้ว ขอให้เพิกถอนสัญญาเช่า แต่ตามคำร้อง ของ ผู้ร้องนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังมิได้ ดำเนินการอย่างใดตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้และยังไม่มีการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้อง ผู้ร้องย่อม ไม่ได้รับความเสียหาย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาล เพิกถอนการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1034/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดิน: อำนาจเจ้าหน้าที่, การปฏิบัติตามคำวินิจฉัย, และสิทธิในการฟ้องร้อง
การเวนคืนที่ดินเพื่อขยายทางหลวงสายนี้ อธิบดีกรมทางหลวงจำเลยที่ 2 ดำเนินการที่อยู่ในวัตถุประสงค์และขอบอำนาจหน้าที่ของกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 ทั้งการจ่ายเงินค่าทดแทนก็ต้องเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณแผ่นดินของกรมทางหลวง จึงถือได้ว่าการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของอธิบดีกรมทางหลวงจำเลยที่ 2 เป็นการดำเนินการในนามหรือแทนกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 ด้วย เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนยังไม่พอใจเงินค่าทดแทนที่ฝ่ายจำเลยกำหนดให้ และได้ดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 แล้วก็ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลตามมาตรา 26 ได้
พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 26 ไม่ได้บัญญัติให้สิทธิแก่เจ้าหน้าที่เวนคืนโต้แย้งหรือไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของรัฐมนตรี จำเลยทั้งสองจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เงินค่าทดแทนซึ่งรัฐมนตรีฯ เห็นชอบแล้ว จะฎีกาโต้แย้งในทำนองไม่เห็นด้วยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4022/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตคัดคำเบิกความพยานก่อนสืบพยานเสร็จสิ้น ศาลยังคงรับฟังได้หากไม่กระทบคำวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์คัดคำเบิกความพยานฝ่ายโจทก์ ขณะที่การสืบพยานฝ่ายโจทก์ยังไม่เสร็จสิ้น โดยไม่ปรากฏว่า มีพฤติการณ์พิเศษอย่างใดนั้นเป็นการไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 54(2) แต่ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้เป็นการเด็ดขาดมิให้ศาลรับฟังคำเบิกความ ของพยานที่นำมาสืบในภายหลัง และในบางกรณีกฎหมายก็ยัง ให้เป็นดุลพินิจของศาลในอันที่จะรับฟังคำเบิกความของพยาน ที่เบิกความโดยได้ฟังคำพยานคนก่อนเบิกความต่อหน้าตนมาแล้วได้ หากศาลเห็นว่า คำเบิกความเช่นว่านี้เป็นที่เชื่อฟังได้ หรือมิได้ เปลี่ยนแปลงไปโดยได้ฟังคำเบิกความของพยานคนก่อน หรือไม่ สามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเปลี่ยนแปลงไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 114 ดังนั้น ศาลจึง รับฟังคำพยานโจทก์ที่มาเบิกความหลังจากที่โจทก์คัดคำเบิกความพยานฝ่ายโจทก์แล้วได้เช่นกัน
of 14