คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำสั่งไม่ชอบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1978/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลทหารและการขังเกินอำนาจ: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีขังเกินอำนาจโดยไม่ชอบ และการส่งสำนวนไม่ถูกต้อง
พนักงานสอบสวนขอฝากขังผู้ร้องต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านว่า พนักงานสอบสวนควบคุมผู้ร้องเกินอำนาจ เป็นการขังโดยผิดกฎหมายศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) ไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าการควบคุมของพนักงานสอบสวนชอบแล้ว จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ร้องได้ ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ศาลมณฑลทหารบกที่ 3 (ศาลจังหวัดชัยภูมิ) สั่งรับอุทธรณ์และส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้องโดยวินิจฉัยว่า ผู้ร้องไม่ได้ถูกควบคุมหรือขังในระหว่างสอบสวนแล้วจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าพนักงานสอบสวนควบคุมผู้ร้องไว้ชอบหรือไม่ ดังนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมไม่ชอบ เพราะคดีนี้ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลทหารในเวลาไม่ปกติ จึงอยู่ในเขตอำนาจของศาลทหาร และเมื่อผู้ร้องฎีกาต่อมาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยตามคำร้องของผู้ร้องศาลฎีกาจึงพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกฎีกาของผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไล่ลูกจ้างขัดระเบียบกระทรวงการคลัง: คำสั่งไล่ออกไม่ชอบด้วยกฎหมายและอายุความฟ้อง
ระเบียบของกระทรวงการคลังโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีวางระเบียบไว้ว่าลูกจ้างคนใดต้องหาคดีอาญาและถูกควบคุมตัว ก็ให้กรม กองเจ้าสังกัดต่าง ๆ สั่งพักงานลูกจ้างนั้นไว้ก่อน ไม่ให้ไล่ออกทันที ดังนี้ จำเลยซึ่งเป็นกรมเจ้าสังกัดจะต้องปฏิบัติตามระเบียบ ระเบียบเดิมของจำเลยที่ขัดกับระเบียบของกระทรวงการคลังเป็นอันถูกยกเลิกไปในตัว การที่จำเลยอุทธรณ์ระเบียบของจำเลยไปกระทรวงการคลังว่า ขัดกับระเบียบของจำเลย แต่กระทรวงการคลังได้ตอบยืนยันไม่ยอมให้ถือระเบียบของจำเลย การที่จำเลยมีคำสั่งในระหว่างอุทธรณ์ระเบียบให้ไล่โจทก์ออกย้อนไปถึงวันโจทก์ถูกกล่าวหาและถูกจับกุม จึงเป็นการไม่ชอบด้วยระเบียบ
เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทราบคำสั่งให้ไล่ออกของจำเลยนับถือวันฟ้องเกิน 1 ป คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตระบุพยานเพิ่มเติมโดยไม่พิจารณาเหตุผลตามกฎหมาย ทำให้คู่ความเสียเปรียบ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอระบุพยานเพิ่มเติม โดยอ้างว่าเข้าใจผิดว่าได้ระบุพยานนั้นไว้แล้ว ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตโดยมิได้วินิจฉัยถึงเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรค 3 เป็นการทำให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตระบุพยานเพิ่มเติมโดยไม่พิจารณาเหตุผลตามกฎหมาย ทำให้คู่ความเสียเปรียบเป็นคำสั่งไม่ชอบ
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอระบุพยานเพิ่มเติม โดยอ้างว่าเข้าใจผิดว่าได้ระบุพยานนั้นไว้แล้ว ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตโดยมิได้วินิจฉัยถึงเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรค 3เป็นการทำให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ คำสั่งของศาลชั้นต้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1089/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านไม่มีอำนาจจับกุมโดยไม่มีหมายจับ การกระทำตามคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กำนันไม่มีอำนาจสั่งให้ผู้ใหญ่บ้านจับคนไปส่งอำเภอในข้อหาว่า กระทำผิดคดีอาญา โดยไม่มีหมายจับ เมื่อผู้ใหญ่บ้านกระทำตามคำสั่งของกำนัน ย่อมมีผิดตามประมวลกฎหมาย มาตรา 310
(อ้างฎีกาที่ 75/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9480/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งภาพลักษณ์นักบินไม่ขัด กม.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์/รธน. และไม่เป็นการลดตำแหน่ง
คำสั่งสายปฏิบัติการที่ 009/2551 เรื่อง ภาพลักษณ์นักบิน ที่ระบุว่า 1. การไว้ผมต้องเรียบร้อยและชายผมต้องไม่เกินคอปกเสื้อ รวมถึงการย้อมสีผมต้องดูสุภาพและเหมาะสมเป็นธรรมชาติ 2. การไว้หนวดและจอนต้องให้เรียบร้อย โดยจอนต้องยาวไม่เกินติ่งหูและไม่อนุญาตให้ไว้เครา 3. การแต่งเครื่องแบบและส่วนประกอบของเครื่องแบบเมื่อปรากฏตัวต่อสาธารณชนเพื่อปฏิบัติการบินต้องครบถ้วนถูกต้องตามระเบียบนั้น เป็นการออกคำสั่งภายใต้ระเบียบของจำเลยที่ 1 ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลที่ระบุให้ผู้บังคับบัญชาผู้รับผิดชอบหน่วยงานกำหนดวิธีปฏิบัติหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในหน่วยงานได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม จึงเป็นคำสั่งที่ไม่อยู่ในความหมายของสภาพการจ้างตาม พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 มาตรา 6 โดยคำสั่งนี้ขยายความการปฏิบัติในเรื่องภาพลักษณ์ของนักบินตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน และในตอนท้ายของคำสั่งที่ระบุว่าหากนักบินยังมีเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามให้งดปฏิบัติการบินจนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องก็เป็นคำสั่งเพิ่มเติมจากที่มีอยู่เดิมและจำเป็นต้องมีมาตรการให้นักบินต้องปฏิบัติตาม มิใช่การลงโทษทางวินัยตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน การออกคำสั่งสายปฏิบัติการที่ 009/2551 จึงชอบด้วย พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 ทั้งเมื่อเป็นคำสั่งกำหนดแนวทางให้พนักงานในตำแหน่งนักบินทุกคนปฏิบัติเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์องค์กรจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติและประกอบธุรกิจด้านบริการ โดยมิได้สร้างภาระให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานของจำเลยที่ 1 ในตำแหน่งนักบินเกินสมควร หรือขัดต่อสภาพทางกาย สุขภาพ ความเชื่อทางศาสนาของโจทก์อันจะทำให้โจทก์ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 ได้ หรือเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของโจทก์อย่างไม่มีเหตุผลอันสมควร การออกคำสั่งสายปฏิบัติการที่ 009/2551 จึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของโจทก์หรือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อโจทก์อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง และมาตรา 32 วรรคหนึ่ง ที่ใช้บังคับในขณะเกิดเหตุ
การที่จำเลยที่ 1 ในฐานะนายจ้างโดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ผู้บังคับบัญชาของโจทก์ออกคำสั่งตามระเบียบของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ทำหน้าที่ผู้ช่วยนักบินหรือ Low Rank โดยโจทก์ยังคงได้รับเงินเดือนค่าตอบแทนตามตำแหน่งนักบินที่ 1 ตลอดมา ถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสี่กระทำผิดสัญญาจ้างแรงงานต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9529/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลบังคับคดีแทน: ศาลมีอำนาจไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นได้รับมอบหมายจากศาลแขวงพระโขนงให้ดำเนินการบังคับคดี ยึดทรัพย์และขายทอดตลาดแทน ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจพิจารณาและมีคำสั่งใด ๆ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดฉะเชิงเทรา ดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อตามคำร้องของโจทก์กล่าวอ้างว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ไม่ยึดทรัพย์ตามคำร้องขอของโจทก์ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ศาลชั้นต้นซึ่งดำเนินการบังคับคดีแทนและอยู่ใกล้ชิดพยานหลักฐานต่าง ๆ ย่อมมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนเสียได้ เพื่อให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามที่เห็นสมควร ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 16 วรรคสอง หาเป็นการขัดต่อมาตรา 302 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9542/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคัดค้านคำสั่งไม่ขยายเวลาอุทธรณ์ภาษีอากรภายใน 90 วัน ตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 30 บัญญัติว่า ในการอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรให้อุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน กรณีตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ใช่เรื่องอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้ประเมินไว้ให้โจทก์เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งไม่ขยายเวลาการยื่นอุทธรณ์ของจำเลยตาม มาตรา 3 อัฏฐ แห่ง ป.รัษฎากร ซึ่งตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 มาตรา 40 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "คำสั่งทางปกครองที่อาจอุทธรณ์หรือโต้แย้งต่อไปได้ให้ระบุกรณีที่อาจอุทธรณ์หรือโต้แย้ง การยื่นคำอุทธรณ์หรือคำโต้แย้ง และระยะเวลาสำหรับการอุทธรณ์หรือการโต้แย้งดังกล่าวไว้ด้วย" เมื่อพิจารณาคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตอนท้ายมีหมายเหตุระบุว่า หากท่านประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำวินิจฉัยนี้ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครอง... ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รับแจ้งหรือทราบคำวินิจฉัย ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้รับคำวินิจฉัยของจำเลยที่ยืนตามคำสั่งที่ไม่อนุมัติให้โจทก์ขยายกำหนดเวลาการอุทธรณ์การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินฉบับลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งโจทก์ได้รับหนังสือดังกล่าวในวันที่ 2 ธันวาคม 2552 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยในวันที่ 2 มีนาคม 2553 จึงเป็นการยื่นฟ้องภายในกำหนดเวลาตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่กล่าวมาข้างต้น ดังนั้น ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องโจทก์มานั้นจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12560/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมต้องพิจารณาจากสถานะผู้เสียหายตามฟ้อง การแก้ฟ้องไม่ย้อนหลังถึงคำสั่งอนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมที่ไม่ชอบ
ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. และ ธ. โดย ช. ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ แต่ขณะนั้นฟ้องโจทก์ระบุว่าบริษัท พ. โดย ธ. ผู้เสียหาย ดังนั้น ตามคำฟ้องของโจทก์ บริษัท พ. เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2 (4) ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. และ ธ. โดย ช. จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์ได้ แม้ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องในส่วนผู้เสียหายเป็นบริษัท พ. หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตก็ตาม แต่ก็ไม่มีผลทำให้คำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์และคำสั่งศาลที่อนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายกลายเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายได้ โจทก์ร่วมทั้งสองจึงไม่ใช่คู่ความที่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2561

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดทรัพย์สินต้องแจ้งให้เจ้าของทรัพย์สินทราบเพื่อชี้แจงก่อน หากไม่แจ้ง คำสั่งอายัดไม่ชอบ โจทก์มีสิทธิฟ้องเพิกถอนได้
พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มีบทบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินซึ่งสรุปใจความได้ดังนี้ มาตรา 21 คณะกรรมการหรือเลขาธิการอาจมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินแทน โดยให้ประกาศเพื่อผู้ซึ่งอาจอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินยื่นคำร้องพร้อมทั้งเอกสารหลักฐานต่อคณะกรรมการเพื่อขอรับทรัพย์สินคืนได้ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 22 วรรคหนึ่ง ถ้าผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินไม่สามารถแสดงหลักฐานได้ว่า ทรัพย์สินที่ถูกตรวจสอบไม่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือได้รับโอนทรัพย์สินนั้น มาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน หรือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี หรือในทางกุศลสาธารณ ให้คณะกรรมการสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นไว้จนกว่าจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีหรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องในคดีที่ต้องหานั้น บทบัญญัติดังกล่าวมีความหมายว่า ผู้ซึ่งอาจอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินต้องมีโอกาสชี้แจงแสดงหลักฐานเกี่ยวกับการได้มาซึ่งทรัพย์สินก่อน คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินหรือเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจึงจะพิจารณามีคำสั่งให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินได้ มิฉะนั้นคำสั่งให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินย่อมไม่ชอบ เพราะไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ได้ความจากคำเบิกความของว่าที่ร้อยตรี ป. ซึ่งเป็นพยานจำเลยเพียงปากเดียวว่า ได้มีหนังสือแจ้งคำสั่งอายัดที่ดินโฉนดเลขที่ 24302 แก่ ว. เพื่อให้มาให้ถ้อยคำและแสดงหลักฐานเกี่ยวกับการได้มาซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว โดยหนังสือดังกล่าวลงวันที่ 25 มิถุนายน 2547 อันเป็นช่วงก่อนครบกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายให้ถือว่า ว. ซึ่งเป็นคนสาบสูญตามคำสั่งศาลถึงแก่ความตาย แต่ว่าที่ร้อยตรี ป. เบิกความตอบคำถามค้านว่า ไม่ได้เป็นผู้ส่งหนังสือดังกล่าวและไม่มีหลักฐานการส่งหนังสือดังกล่าวด้วย ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่า ว. ทราบเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินที่เป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 24302 แล้ว ว. จึงไม่มีโอกาสชี้แจงแสดงหลักฐานเกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินดังกล่าว การที่ต่อมาคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินมีคำสั่งให้อายัดที่ดินโฉนดเลขที่ 24302 ไว้ทั้งที่ ว. ยังไม่มีโอกาสชี้แจงแสดงหลักฐานเกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินนั้น คำสั่งให้อายัดที่ดินโฉนดเลขที่ 24302 จึงไม่ชอบ เมื่อโจทก์เป็นทายาทและเป็นผู้จัดการมรดกของ ว. ตามคำสั่งศาลแต่ไม่สามารถจัดการมรดกเกี่ยวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 24302 เพราะคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินมีคำสั่งให้อายัดที่ดินดังกล่าว อันเป็นคำสั่งที่โต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งให้อายัดที่ดินดังกล่าวได้ และแม้คำสั่งให้อายัดที่ดินโฉนดเลขที่ 24302 เป็นคำสั่งของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินไม่ใช่คำสั่งของจำเลย แต่จำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบทรัพย์สินของ ว. มาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งมีการออกคำสั่งให้อายัดที่ดินโฉนดเลขที่ 24302 และคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ก็แสดงให้เห็นถึงความประสงค์ของโจทก์ว่าต้องการให้เพิกถอนคำสั่งให้อายัดที่ดินโฉนดเลขที่ 24302 ศาลจึงมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งให้อายัดที่ดินดังกล่าวได้
of 3