พบผลลัพธ์ทั้งหมด 24 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1888/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงคืนรถยนต์พร้อมชำระหนี้ส่วนที่เหลือ ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ แต่เป็นการแปลงหนี้
โจทก์ขายรถยนต์ให้แก่จำเลย แล้วจำเลยไม่ชำระราคาให้โจทก์ครบตามกำหนดที่ตกลงกันไว้ โจทก์ทวงถาม โจทก์กับจำเลยจึงตกลงกันว่า จำเลยยอมคืนรถยนต์ที่ซื้อมาให้โจทก์และยอมชำระเงินที่ค้าง 26,000 บาทให้โจทก์ด้วยข้อตกลงเช่นนี้ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะไม่ใช่สัญญาระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน แต่เป็นเพียงการแปลงหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1888/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงคืนรถยนต์พร้อมชำระหนี้ที่ค้าง ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ แต่เป็นการแปลงหนี้
โจทก์ขายรถยนต์ให้แก่จำเลย แล้วจำเลยไม่ชำระราคาให้โจทก์ครบตามกำหนดที่ตกลงกันไว้ โจทก์ทวงถาม โจทก์กับจำเลยจึงตกลงกันว่า จำเลยยอมคืนรถยนต์ที่ซื้อมาให้โจทก์และยอมชำระเงินที่ค้าง 26,000 บาทให้โจทก์ด้วยข้อตกลงเช่นนี้ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะไม่ใช่สัญญาระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน แต่เป็นเพียงการแปลงหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18217/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอคืนรถยนต์ของกลางของผู้ให้เช่าซื้อที่ไม่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ
ผู้ร้องเป็นผู้ให้เช่าซื้อรถยนต์ของกลาง แม้ผู้ร้องมิได้นำสืบให้เห็นว่า ฉ. ผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้ร้องแล้วกี่งวด เป็นเงินจำนวนเท่าใดและยังค้างชำระอยู่จำนวนเท่าใด ก็มิใช่ข้อที่แสดงให้เห็นว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3 และการที่ผู้ร้องรับชำระค่าเช่าซื้อหลังจากที่รถยนต์ของกลางถูกยึดแล้ว ก็มิใช่เป็นการบ่งชี้ว่าผู้ให้เช่าซื้อกระทำโดยไม่สุจริตเสมอไป เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมานำสืบหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงฟังได้ว่าผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด และผู้ร้องจะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อกี่ครั้งหรือเมื่อบอกเลิกสัญญาแล้วผู้ร้องจะดำเนินคดีทางแพ่งเรียกค่าเสียหายตามสัญญาเช่าซื้อจาก ฉ. หรือไม่ ย่อมเป็นสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ร้องจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ เมื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางย่อมมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินของกลางที่ให้เช่าซื้อคืนได้ การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางจึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้ร้องโดยตรง พฤติการณ์แห่งคดียังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เมื่อผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงต้องคืนรถยนต์ของกลางให้ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5671/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของผู้ให้เช่าซื้อในการขอคืนรถยนต์ที่ถูกใช้ในความผิด ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครอง
หลังจากที่ผู้ร้องทราบว่าเจ้าพนักงานยึดรถยนต์ของกลางเนื่องจากเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดแล้วอันเป็นเหตุที่ผู้ร้องอาจใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้ตามข้อ 3. ของสัญญาเช่าซื้อ แต่ผู้ร้องก็ไม่ได้ใช้สิทธิดังกล่าว ยังคงรับชำระค่าเช่าซื้อต่อไป โดยผู้ร้องก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นข้อเท็จจริงว่าผู้เช่าซื้อไม่ได้ร่วมหรือเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดหรือยินยอมให้จำเลยที่ 1 กับพวกนำรถยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด ผู้ร้องจึงไม่อาจบอกเลิกสัญญาได้ การที่ผู้ร้องยังคงรับชำระค่าเช่าซื้อโดยไม่บอกเลิกสัญญา และมาขอคืนรถยนต์ของกลาง ซึ่งหากศาลมีคำสั่งคืนรถยนต์ของกลางตามคำร้องของผู้ร้องและผู้เช่าซื้อได้ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วน รถยนต์ของกลางย่อมตกเป็นของผู้เช่าซื้อ พฤติกรรมของผู้ร้องมีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้อโดยต้องการได้แต่ค่าเช่าซื้อเท่านั้น ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตในการขอคืนของกลาง เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนของกลาง ผู้ร้องย่อมมีภาระการพิสูจน์ว่าตนไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 กับพวก แต่ตามพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบมากลับปรากฏพฤติการณ์การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของผู้ร้อง จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 กับพวก