คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าระวาง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 28 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องคดีหลีกเลี่ยงค่าระวางรถไฟ เนื่องจากการไม่ระบุบทกฎหมายที่จำเลยผิดในฎีกา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์โดยความผิดของจำเลยไม่ต้องด้วยบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง โจทก์มิได้แสดงไว้โดยชัดแจ้งในฎีกาว่า จำเลยควรมีผิดตามบทกฎหมายใด เพราะเหตุใด ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าระวางพาหนะเมื่อส่งของไม่ถึงปลายทาง: ผู้ขนส่งมีสิทธิได้รับค่าระวางตามส่วน
ผู้ขนส่ง ๆ ของให้ถึงตำบลที่กำหนดให้ส่งไม่ได้เพราะมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น ผู้ขนส่งชอบที่จะได้รับเงินค่าระวางพาหนะตามส่วนของระยะทาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10488/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขนส่งทางทะเล กรณีส่งมอบสินค้าล่าช้า ผู้ขนส่งต้องรับผิดไม่เกินค่าระวาง
แม้การระบุถึงวันที่สินค้าพิพาทจะถึงท่าเรือปลายทาง ระบุคำว่า อีทีเอ 24.11.10 ซึ่งหมายถึง กำหนดวันโดยประมาณที่เรือจะเดินทางไปถึงท่าเรือปลายทางวันที่ 24 พฤศจิกายน 2553 อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในการขนส่งสินค้าทางทะเลที่ผู้ขนส่งไม่สามารถยืนยันวันส่งมอบสินค้าที่ท่าเรือปลายทางหรือวันที่เรือเดินทางไปถึงท่าเรือปลายทางที่แน่นอนได้ แต่หากตัวแทนของจำเลยไม่ขนถ่ายสินค้าของโจทก์ลงเรือผิดลำ สินค้าของโจทก์ย่อมไปถึงท่าเรือปลายทางตามกำหนดวันที่ประมาณการไว้ เหตุที่สินค้าของโจทก์ไปถึงท่าเรือปลายทางในวันที่ 2 ธันวาคม 2553 มิใช่เหตุล่าช้าในการเดินเรือซึ่งตามปกติย่อมเกิดขึ้นได้ แต่เกิดขึ้นเพราะความบกพร่องและความประมาทเลินเล่อของผู้ขนส่ง กรณีจึงเป็นการส่งมอบที่ชักช้ากว่าระยะเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะผู้ซื้อยกเลิกสัญญาซื้อขาย
การขนส่งสินค้าทางทะเล ผู้ขนส่งมีหน้าที่ขนส่งสินค้าจากท่าเรือต้นทางไปถึงท่าเรือปลายทางตามกำหนดเวลาที่ตกลงกับผู้ส่งสินค้า การเปลี่ยนถ่ายสินค้าจากเรือเดินทะเลลำหนึ่งไปบรรทุกลงเรือเดินทะเลอีกลำหนึ่งหรือกว่านั้น ย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติเพื่อให้สินค้าถูกขนส่งไปถึงท่าเรือปลายทางโดยไม่เกิดความเสียหายและภายในกำหนดเวลาที่ประมาณการไว้ การขนถ่ายสินค้าลงเรือเดินทะเลผิดลำ จึงเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะสินค้าของโจทก์ถูกบรรจุภายในตู้คอนเทนเนอร์ร่วมกับสินค้าของผู้อื่น เป็นเรื่องการจัดการผิดพลาด แม้จะมิได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ผู้ขนส่งสามารถนำสินค้าของโจทก์ไปถึงท่าเรือปลายทางในวันที่ 2 ธันวาคม 2553 ช้ากว่าเวลาที่ประมาณการไว้ 8 วัน จึงยังไม่พอฟังได้ว่า การส่งมอบชักช้าดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้ขนส่ง
การที่จำเลยไม่สามารถนำสินค้าของโจทก์ไปถึงท่าเรือปลายทางได้ภายในเวลาที่ตกลงกัน ทำให้ผู้ซื้อสินค้าของโจทก์ยกเลิกการซื้อขาย ปฏิเสธไม่ยอมรับสินค้า ทำให้โจทก์เสียหายสิ้นเชิงเพราะสินค้าดังกล่าวไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่ายให้แก่บุคคลได้ แต่เมื่อโจทก์ผู้ส่งสินค้าไม่ได้แจ้งราคาสินค้าที่ขนส่งให้ผู้ขนส่งทราบ ทั้งไม่ปรากฏผู้ขนส่งมีเจตนาจะให้เกิดการส่งมอบสินค้าล่าช้า หรือเป็นการละเลยไม่เอาใจใส่ ทั้งที่รู้ว่าการส่งมอบชักช้านั้นอาจเกิดขึ้นได้ ความรับผิดของจำเลยในการส่งมอบชักช้า จึงอยู่ในบังคับของ พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 58 วรรคสาม คือ รับผิดไม่เกินค่าระวางทั้งหมดตามสัญญารับขนของทางทะเลที่จำเลยทำไว้กับโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11732/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าระวางขนส่ง: ไม่ใช่หนี้จากสัญญาจ้างทำของ แต่เป็นค่าระวางที่อายุความ 2 ปี
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ขนส่งสินค้าประเภทผลไม้แช่แข็ง โดยนำรถยนต์บรรทุกลากตู้คอนเทนเนอร์เปล่าจากกรุงเทพมหานครไปที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อบรรจุสินค้าลงตู้คอนเทนเนอร์ และลากตู้คอนเทนเนอร์นำไปส่งให้แก่ลูกค้าของจำเลยที่กรุงเทพมหานคร แล้วจำเลยผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าขนส่งให้แก่โจทก์ กรณีจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะผู้ขนส่งสิ่งของเรียกเอาค่าขนส่งพร้อมค่ายกตู้และค่าผ่านท่าจากจำเลย ถือได้ว่าเป็นการเรียกเอาค่าระวาง มิใช่หนี้ที่เกิดจากการผิดสัญญาจ้างแรงงานจ้างทำของและมิใช่หนี้ที่เรียกร้องเกี่ยวกับข้อความรับผิดของผู้ขนส่งในการที่สูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้าด้วย จึงอยู่ในบังคับอายุความสองปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5338/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดความรับผิดสัญญาขนส่ง: การสำแดงมูลค่าสินค้า, ความสัมพันธ์ค่าระวาง, และความเป็นธรรมตาม พ.ร.บ. ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
พ.ร.บ. ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมฯ มาตรา 4 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ข้อตกลงในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้าหรือวิชาชีพ หรือในสัญญาสำเร็จรูป หรือสัญญาขายฝากที่ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้าหรือวิชาชีพหรือผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป หรือผู้ซื้อฝากได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควรเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น และวรรคสาม (1) กำหนดให้ข้อตกลงยกเว้นหรือข้อจำกัดความรับผิดที่เกิดจากการผิดสัญญาที่มีลักษณะหรือมีผลให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติหรือรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ เป็นข้อตกลงที่อาจถือได้ว่าทำให้ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น การจะพิจารณาว่าข้อจำกัดความผิดของจำเลยทั้งสองตามใบรับขนของทางอากาศเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ จึงต้องพิจารณาว่าข้อจำกัดความรับผิดนั้นเป็นผลให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขและข้อจำกัดความรับผิดได้เปรียบผู้ส่งซึ่งเป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควรหรือไม่ เห็นว่า สัญญารับขนของทางอากาศระหว่างผู้ส่งกับจำเลยทั้งสองมีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งคู่สัญญาต่างมีหนี้ที่จะต้องชำระตอบแทนกัน โดยหนี้ที่ผูกพันฝ่ายหนึ่งเป็นมูลฐานของการชำระหนี้ของอีกฝ่ายหนึ่ง จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ขนส่งมีหน้าที่ที่จะต้องขนส่งสินค้าไปส่งให้แก่ผู้รับตราส่ง หากสินค้าสูญหายหรือเสียหายอันเกิดขึ้นจากการผิดสัญญาก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนผู้ส่งก็มีหน้าที่ที่ต้องชำระค่าระวางขนส่งตามอัตราที่ตกลงกัน ซึ่งจากเงื่อนไขการขนส่งที่กล่าวมาเห็นได้ชัดเจนว่า อัตราค่าระวางที่ผู้ส่งต้องรับภาระจะสัมพันธ์โดยตรงกับมูลค่าสินค้าที่สำแดงเพื่อการขนส่งเช่นเดียวกับจำนวนความรับผิดกรณีสินค้าสูญหายหรือเสียหายโดยเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามกันหากสำแดงราคาสินค้าไว้สูง ผู้ส่งก็จะต้องเสียค่าขนส่งเพิ่มขึ้นแต่หากสินค้าสูญหายหรือเสียหายก็จะได้รับการชดใช้ตามมูลค่าที่สำแดงไว้ แต่ไม่เกินจำนวนที่กำหนดเท่านั้น ดังนั้น มูลค่าสินค้าเพื่อการขนส่งที่ระบุจึงเป็นเกณฑ์ในการคำนวณราคาค่าระวางขนส่งและจำนวนความรับผิด การที่ผู้ขนส่งคิดค่าระวางเพิ่มขึ้นก็เนื่องมาจากมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มภาระในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หนี้ที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องชำระตอบแทนกันในส่วนนี้ จึงถือเป็นหนี้ที่มีความสำคัญขนาดเดียวกัน หากผู้ส่งต้องการค่าสินไหมทดแทนที่มากขึ้นก็ต้องยอมจ่ายค่าระวางขนส่งสูงขึ้นจึงจะเป็นธรรมแก่คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย พิเคราะห์จากข้อเท็จจริงที่ว่าสินค้าที่ผู้ส่งจ้างให้จำเลยทั้งสองขนส่งมีมูลค่าเกินกว่าจำนวนสูงสุดที่จำเลยที่ 2 อนุญาตให้สำแดงได้ไปมาก ประกอบพฤติการณ์ที่ผู้ส่งซึ่งเป็นลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสินค้าของจำเลยที่ 2 ไปต่างประเทศอยู่เป็นประจำย่อมทราบดีถึงเงื่อนไขการขนส่งและข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 แต่สมัครใจเข้าทำสัญญารับขนของทางอากาศกับจำเลยที่ 2 และไม่ได้แจ้งหรือระบุมูลค่าสินค้าเพื่อการขนส่งไว้ ทั้งยังได้ทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงภัยจากการสูญหายหรือเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่งกับโจทก์เต็มมูลค่าของสินค้าโดยยอมเสียเบี้ยประกันภัยอันเป็นทางเลือกอย่างอื่น แสดงให้เห็นชัดถึงเจตนาที่จะเข้าเอาประโยชน์จากการที่จะไม่ต้องเสียค่าระวางเพิ่มและหากสินค้าสูญหายหรือเสียหายผู้ส่งยังได้รับชดใช้ตามกรมธรรม์ประกันภัย ดังนั้น เมื่อพิจารณาตามพฤติการณ์ ทางเลือกและทางได้เสียทุกอย่างของผู้ส่งกับจำเลยทั้งสอง เห็นว่า เงื่อนไขการขนส่งและข้อจำกัดความผิดตามใบรับขนของทางอากาศดังกล่าวมิได้มีผลให้ผู้ส่งซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ หรือทำให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ขนส่งได้เปรียบผู้เอาประกันภัยเกินสมควรแต่อย่างใด ข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 จึงมิใช่ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและบังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2329/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทค่าระวางขนส่งสินค้า ศาลพิจารณาหลักฐานเอกสารและการโต้แย้งของจำเลยเพื่อพิพากษาตัดสิน
พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 3 ให้คำจำกัดความของคำว่า "อุปกรณ์แห่งค่าระวาง" ว่า "ค่าใช้จ่ายอย่างใดที่ผู้ขนส่งได้เสียไปโดยควรในระหว่างขนส่ง ซึ่งตามประเพณีในการขนส่งทางทะเลถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าระวาง..." ดังนั้น ค่าระวางและอุปกรณ์แห่งค่าระวางซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าระวางจึงมีอายุความเป็นอย่างเดียวกัน ในกรณีนี้ พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มิได้กำหนดอายุความของสิทธิเรียกร้องค่าระวางไว้ แต่ใน ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (3) บัญญัติไว้ว่า "สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความสองปี...(3)...ค่าระวาง..." อายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องค่าระวางจึงมีกำหนด 2 ปี ตามบทมาตราดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2329/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าระวางทางทะเล, การแก้ไขฟ้องหลังชี้สองสถาน, และผลกระทบต่ออายุความ
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องโดยเพิ่มจำนวนเงินค่าระวางและอุปกรณ์แห่งค่าระวางที่เรียกร้องให้จำเลยชำระ จากฟ้องเดิมตามใบเรียกเก็บเงิน 178 ฉบับ จำนวน 87,038.03 ดอลลาร์สหรัฐ ขอเพิ่มเติมอีก 102 ฉบับนั้น โจทก์ย่อมทราบดีอยู่แล้วว่ามีหนี้จำนวนนั้นที่จำเลยค้างชำระอยู่ตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้องคดี ถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนวันชี้สองสถาน
โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระค่าระวางและอุปกรณ์แห่งค่าระวาง ซึ่งตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 3 ให้คำนิยามของอุปกรณ์แห่งค่าระวางโดยถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าระวาง ดังนั้น ค่าระวางและอุปกรณ์แห่งค่าระวางจึงมีอายุความเป็นอย่างเดียวกัน เมื่อ พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มิได้กำหนดอายุความของสิทธิเรียกร้องค่าระวางไว้ จึงต้องใช้อายุความตามที่กำหนดไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (3) กำหนดไว้ว่าสิทธิเรียกร้องค่าระวางมีกำหนด 2 ปี โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2545 และหนี้ตามใบแจ้งหนี้จำนวน 178 ฉบับ ล้วนเป็นใบแจ้งหนี้ที่ครบกำหนดชำระหลังวันที่ 25 ตุลาคม 2543 เมื่อนับถึงวันฟ้อง จึงยังไม่เกิน 2 ปี ฟ้องโจทก์สำหรับหนี้ตามใบแจ้งหนี้ในส่วนนี้ จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของบริษัทรถไฟต่อความเสียหายสินค้า แม้ไม่ได้ทำประกันค่าระวาง
ป.พ.พ. มาตรา 609 บัญญัติว่า "การรับขนของหรือคนโดยสารในหน้าที่ของกรมการรถไฟหลวงแห่งกรุงสยาม... ท่านให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับสำหรับทบวงการนั้นๆ" ส่วน พ.ร.บ.จัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 มาตรา 50 บัญญัติว่า "ข้อที่กรมรถไฟแผ่นดินจะต้องรับผิดชอบในการที่ผู้โดยสารต้องบาดเจ็บเสียหายก็ดี ฤๅว่าครุภาระ ห่อวัตถุ ฤๅสินค้า ซึ่งรับบรรทุกนั้นแตกหักสูญหายก็ดี... ท่านให้ใช้บังคับตามพระราชกำหนดกฎหมายส่วนแพ่งว่าด้วยการบรรทุกส่ง เว้นไว้แต่จะต้องด้วยบทมาตราดังกล่าวต่อไปในพระราชบัญญัตินี้ จึงให้บทมาตรานั้นๆ บังคับ" มาตรา 51 บัญญัติว่า "กรมรถไฟแผ่นดินไม่ต้องรับผิดชอบในการที่ครุภาระ ห่อวัตถุ ฤๅสินค้าที่บรรทุกส่งไปฤๅมอบฝากไว้กับรถไฟนั้นแตกหักบุบสลาย...เว้นไว้แต่พนักงานรถไฟจะได้รับของนั้นลงบัญชีประกันและได้ออกใบรับให้ไปเป็นสำคัญ" แสดงว่าบทบัญญัติดังกล่าวให้คุ้มครองแก่จำเลยเฉพาะความรับผิดทางสัญญาไม่รวมถึงกรณีละเมิด เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิด จำเลยจะยกกฎหมายดังกล่าวมาปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่ ดังนั้น แม้โจทก์มิได้ประกันค่าระวางสินค้าก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยได้
of 3