คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าไถ่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 54 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2848/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์, เอาตัวไปเรียกค่าไถ่, และการใช้บทลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 316 และ 340
เมื่อจำเลยกับพวกปล้นทรัพย์ผู้เสียหายแล้ว ได้คุมตัวผู้เสียหายไปเพื่อเรียกเงินค่าไถ่ ต่อมาอีกประมาณ 3ชั่วโมงจำเลยกับพวกได้ปล่อยตัวผู้เสียหาย เพราะทราบว่าตำรวจกำลังออกติดตาม แม้จำเลยกับพวกจะยังไม่ทันได้มาซึ่งเงินค่าไถ่ ก็เป็นความผิดฐานเอาตัวผู้เสียหายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่อันเป็นความผิดสำเร็จแล้วและเป็นความผิดคนละกระทงกันกับความผิดฐานปล้นทรัพย์แต่ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ถือได้ว่าจำเลยกับพวกได้จัดให้ผู้เสียหายได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ซึ่งกฎหมายให้ลงโทษน้อยกว่าที่กำหนดไว้แต่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งตามมาตรา 316 และการลดโทษตามมาตรานี้เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกา พิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 3 และที่ 5 ที่มิได้ฎีกาด้วย มาตรา 340 ตรี มุ่งหมายที่จะลงโทษให้หนักขึ้นเฉพาะ ผู้ที่มีหรือใช้อาวุธปืนเท่านั้น มิใช่ว่าผู้ที่ร่วมกระทำการปล้นทรัพย์รายเดียวกัน จะต้องระวางโทษหนักขึ้นทุกคน จำเลยทั้งห้าไม่ได้ใช้อาวุธปืนในขณะกระทำการปล้นทรัพย์ กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 340 ตรี จำเลยทั้งห้าคงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงตาม มาตรา 340 วรรคสี่เท่านั้น และศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 3 ที่ 5 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา225 ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ศาลชั้นต้นพิพากษา ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืน จำคุก 2 ปี ฐานพาอาวุธปืนจำคุก 1 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีจึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3805/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานจับตัวเรียกค่าไถ่ แม้เงินถูกส่งมอบให้หน่วยงานรัฐก็ยังถือเป็นความผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาจับคนไปเรียกค่าไถ่และข้อหากรรโชกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยข้อหาจับคนไปเรียกค่าไถ่ ยกฟ้องข้อหากรรโชก โจทก์มิได้อุทธรณ์ ข้อหากรรโชกจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัย พิพากษาลงโทษจำเลยได้อีก
จำเลยกับพวกเป็นทหารมีอาวุธเข้าไปพูดขู่บังคับให้ผู้เสียหายไปกับจำเลยกับพวก แล้วบอกให้คนในบ้านนำเงิน 3,000 บาท ไปไถ่ตัวผู้เสียหายหาไม่แล้วจะไม่ได้กลับนั้น ย่อมฟังได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนากระทำผิดและมีเจตนาเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ในการ เอาตัวผู้เสียหายไปโดยวิธีขู่เข็ญใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมและ ข่มขืนใจผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313(2) แล้ว
แม้จำเลยกับพวกจะมิได้เอาเงินค่าไถ่จำนวน 3,000 บาทไว้เป็นประโยชน์แก่ตนแต่ได้มอบให้แก่ทางราชการไปก็ตามก็เป็นการเอาไปจากผู้เสียหายโดยมิชอบ เงินจำนวนดังกล่าวจึงเป็นค่าไถ่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อเนื่องข่มขู่หน่วงเหนี่ยวเรียกค่าไถ่ พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนแม้ความผิดบางส่วนเกิดนอกราชอาณาจักร
จำเลยกับพวกบังคับหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายชาวมาเลเซียเพื่อเรียกค่าไถ่ และบังคับให้ผู้เสียหายขับรถไปส่งยังชายแดนประเทศไทยซึ่งน่าจะได้ควบคุมเข้าไปในเขตแดนไทยด้วย เพราะภูมิลำเนาของจำเลยกับพวกอยู่ในราชอาณาจักรจึงเป็นความผิดต่อเนื่องทั้งในและนอกราชอาณาจักร พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ซึ่งจับจำเลย จึงมีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คนกลางเรียกค่าไถ่: การกระทำความผิดและข้อยกเว้นลดโทษ
คนร้ายปล้นรถโดยสารของ ล.ไป และจับ ล.ไปกักขังไว้เพื่อเรียกค่าไถ่ จำเลยที่ 3 ได้นำจดหมายคนร้ายมาให้ภรรยาของ ล.เรียกค่าไถ่ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ร่วมกระทำการกับคนร้ายในการจับตัว ล.ไป หรือร่วมในการกักขัง ล. ทั้งไม่ได้สนับสนุนการกระทำดังกล่าว ปรากฏเพียงว่าจำเลยที่ 3 ได้นำจดหมายคนร้ายมาแสดงต่อภรรยา ล.ดังกล่าวแล้วและเจรจาต่อรองค่าไถ่ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นบุตรของจำเลยที่ 3 ได้พูดกับภรรยา ล. หลังจากที่ ล.ถูกจับตัวไปว่าไม่ต้องร้อนใจ หาเงินมาไถ่ก็แล้วกัน และเมื่อภรรยา ล.จ่ายเงินให้จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้ขี่จักรยานยนต์ไปกับจำเลยที่ 3 ไปรับล.มา เช่นนี้ จำเลยที่ 2และที่ 3 จึงมีความผิดฐานกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินที่มิควรได้ จากผู้ที่จะให้ค่าไถ่อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315 แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ แต่การเรียกค่าไถ่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำตามที่โจทก์กล่าวหาจำเลยมาในฟ้องแล้วนั่นเอง ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดหรือบทมาตราที่ถูกต้องที่ได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ได้
จำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315 แต่ได้จัดให้ผู้ถูกคนร้ายเอาตัวไปได้รับเสรีภาพ ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาโดยมิได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต จึงชอบที่จะได้รับการลดโทษให้น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คนกลางเรียกค่าไถ่ ลดโทษผู้ช่วยเหลือปล่อยตัวผู้ถูกกักขัง
คนร้ายปล้นรถโดยสารของ ล. ไป และจับ ล. ไปกักขังไว้ เพื่อเรียกค่าไถ่ จำเลยที่ 3 ได้นำจดหมายคนร้ายมาให้ภรรยาของ ล. เรียกค่าไถ่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ร่วมกระทำการกับคนร้ายในการจับตัว ล. ไปหรือร่วมในการกักขัง ล. ทั้งไม่ได้สนับสนุนการกระทำดังกล่าวปรากฏเพียงว่าจำเลยที่ 3 ได้นำจดหมายคนร้ายมาแสดงต่อภรรยา ล. ดังกล่าวแล้วและเจรจาต่อรองค่าไถ่ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นบุตรของจำเลยที่ 3 ได้พูดกับภรรยา ล. หลังจากที่ ล. ถูกจับตัวไปว่าไม่ต้องร้อนใจหาเงินมาไถ่ก็แล้วกันและเมื่อภรรยา ล. จ่ายเงินให้จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้ขี่จักรยานยนต์ไปกับจำเลยที่ 3 ไปรับ ล. มา เช่นนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงมีความผิดฐานกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินที่มิควรได้ จากผู้ที่จะให้ค่าไถ่อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315 แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ แต่การเรียกค่าไถ่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำตามที่โจทก์กล่าวหาจำเลยมาในฟ้องแล้วนั่นเอง ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดหรือบทมาตราที่ถูกต้องที่ได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ได้
จำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315แต่ได้จัดให้ผู้ถูกคนร้ายเอาตัวไปได้รับเสรีภาพ ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาโดยมิได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิตจึงชอบที่จะได้รับการลดโทษให้น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือคนร้ายจำหน่ายทรัพย์ที่ถูกลักไป โดยการเรียกค่าไถ่จากผู้เสียหาย
จำเลยรู้ว่ากระบือของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปอยู่กับคนร้าย จำเลยเรียกค่าไถ่กระบือจากผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยังไม่ได้ขอร้องให้จำเลยไปไถ่กระบือ ทั้งก่อนที่จะตกลงกันจำเลยยังทำหลักฐานเป็นหนังสือให้ผู้เสียหายลงชื่อไว้ว่าไม่เอาเรื่องกันแล้วจำเลยรับเงินจากผู้เสียหายและพาผู้เสียหายกับพวกไปเอากระบือคืน คนร้ายรับเงินจากจำเลยตามจำนวนที่จำเลยเรียกร้องมาโดยไม่ได้โต้แย้ง แล้วคนร้ายไปเอากระบือมาคืนให้ดั่งนี้แสดงว่าจำเลยรู้เห็นเป็นใจกับคนร้ายเรียกเอาเงินค่าไถ่กระบือจากผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการช่วยเหลือคนร้ายจำหน่ายทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกค่าไถ่ - การกระทำโดยทรมาน - การปล่อยตัวก่อนพิพากษา - มาตรา 316
การที่จำเลยเอาตัวผู้เสียหายไปเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ แล้วเอาโซ่ล่ามขาใส่กุญแจไว้อยู่ในขนำ 10 วัน และอยู่ในป่าอีก 4 วัน 4 คืน ดังนี้ เป็นการกระทำโดยทรมานแล้ว แต่ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคแรก ไม่ผิดตามวรรค 2
เมื่อจำเลยถูกจับกุมและรับสารภาพ ก็ได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเอาตัวผู้เสียหายคืนมาโดยสมัครใจ มิใช่ว่าไปติดตามได้เอง และไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้จัดให้ผู้เสียหายผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขัง ได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา กรณีต้องด้วยมาตรา 316 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่และการกระทำโดยทรมาร ศาลพิจารณาความร้ายแรงและเหตุผลในการปล่อยตัวผู้ถูกกระทำ
การที่จำเลยเอาตัวผู้เสียหายไปเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่แล้วเอาโซ่ล่ามขาใส่กุญแจไว้อยู่ในขนำ 10 วัน และอยู่ในป่าอีก 4 วัน 4 คืน ดังนี้ เป็นการกระทำโดยทรมานแล้ว แต่ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 313 วรรคแรก ไม่ผิดตามวรรค 2
เมื่อจำเลยถูกจับกุมและรับสารภาพ ก็ได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเอาตัวผู้เสียหายคืนมาโดยสมัครใจ มิใช่ว่าไปติดตามได้เองและไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอันใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้จัดให้ผู้เสียหายผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขัง ได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา กรณีต้องด้วยมาตรา 316 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพาตัวเด็กเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นความผิดสำเร็จ แม้ยังไม่ได้เรียกหรือได้ค่าไถ่
ความผิดฐานพาเอาตัวเด็กไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่นั้น ไม่จำต้องมีการได้มาซึ่งค่าไถ่หรือได้มีการเรียกค่าไถ่ เพียงแต่จำเลยมีเจตนากระทำผิดและมีเจตนาเพื่อให้ได้มา ซึ่งค่าไถ่ในการพาเอาตัวเด็กไปก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพาตัวเด็กเรียกค่าไถ่เป็นความผิดสำเร็จ แม้ยังไม่ได้เรียกหรือได้ค่าไถ่
ความผิดฐานพาเอาตัวเด็กไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่นั้น ไม่จำต้องมีการได้มาซึ่งค่าไถ่หรือได้มีการเรียกค่าไถ่ เพียงแต่จำเลยมีเจตนากระทำผิดและมีเจตนาเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ในการพาเอาตัวเด็กไปก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว
of 6