พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมจำกัดอำนาจจำหน่ายทรัพย์สิน การทำพินัยกรรมหลังเสียชีวิตไม่ถือเป็นการจำหน่ายจ่ายโอนตามสัญญา
โจทก์จำเลยและนางศรีทำสัญญาประนีประนอมมีใจความว่าที่พิพาทตลอดจนสิ่งปลูกสร้างนั้น นางศรีมีสิทธิเก็บผลประโยชน์และจำหน่ายจ่ายโอนได้ตามความพอใจ เมื่อนางศรีถึงแก่กรรมแล้ว ทรัพย์พิพาทยังคงเหลืออยู่เท่าใด ให้ตกเป็นสิทธิของโจทก์จำเลยคนละครึ่ง เห็นได้ว่าสัญญานี้มุ่งประสงค์ให้นางศรีมีอำนาจจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์พิพาทให้แก่ผู้ใดได้ในขณะที่นางศรียังมีชีวิตอยู่ ฉะนั้น การที่นางศรีทำพินัยกรรมยกทรัพย์พิพาทให้จำเลยจึงเป็นการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์ภายหลังนางศรีสิ้นชีวิตแล้ว เพราะตามกฎหมายพินัยกรรมย่อมมีผลต่อเมื่อผู้ทำพินัยกรรมตายจึงไม่เป็นการจำหน่ายจ่ายโอนตามสัญญาประนีประนอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทรัสตีจำกัดตามวัตถุประสงค์การก่อตั้งทรัสต์ การรื้อถอนสถานที่ประกอบศาสนกิจขัดต่อเจตนารมณ์ผู้ก่อตั้ง
ทรัสต์ที่ก่อตั้งขึ้นก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อาจก่อตั้งขึ้นโดยนิติกรรมหรือพินัยกรรมอำนาจหน้าที่ของทรัสต์จึงต้องเป็นไปตามข้อกำหนดแห่งนิติกรรมหรือพินัยกรรมนั้น กับต้องปฏิบัติภายในขอบเขตแห่งข้อกำหนดและวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งทรัสตีนั้นด้วยแม้ทรัสตีจะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เป็นทรัสต์ ก็จะนำอำนาจกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาใช้โดยตลอดไปมิได้
ที่ดินและกุฎีเจ้าเซ็นหรือกุฎีเจริญพาศน์ซึ่งก่อตั้งเป็นทรัสต์โดยใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายซีอ๊ะทั้งที่อยู่ในจังหวัดพระนครและต่างจังหวัดเป็นประจำทุกปีมาประมาณ 100 ปีแล้วไม่ปรากฏการกระทำเพื่อกิจการอื่นใดย่อมแสดงว่าผู้ก่อตั้งทรัสต์มีเจตนาในการก่อตั้งโดยเฉพาะให้ทรัสต์รายนี้เป็นสถานที่สำหรับประกอบกิจทางศาสนาของประชาชนผู้ถือศาสนาอิสลามนิกายซีอ๊ะเท่านั้น โจทก์ผู้เป็นทรัสตีแม้จะมีชื่อในโฉนดที่ดินรายนี้ก็ไม่มีอำนาจรื้อถอนกุฎีรายนี้ไปปลูกสร้างในที่อื่นได้เพราะเป็นการกระทำให้ทรัสต์รายนี้สิ้นสภาพหรือสลายไป
ที่ดินและกุฎีเจ้าเซ็นหรือกุฎีเจริญพาศน์ซึ่งก่อตั้งเป็นทรัสต์โดยใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายซีอ๊ะทั้งที่อยู่ในจังหวัดพระนครและต่างจังหวัดเป็นประจำทุกปีมาประมาณ 100 ปีแล้วไม่ปรากฏการกระทำเพื่อกิจการอื่นใดย่อมแสดงว่าผู้ก่อตั้งทรัสต์มีเจตนาในการก่อตั้งโดยเฉพาะให้ทรัสต์รายนี้เป็นสถานที่สำหรับประกอบกิจทางศาสนาของประชาชนผู้ถือศาสนาอิสลามนิกายซีอ๊ะเท่านั้น โจทก์ผู้เป็นทรัสตีแม้จะมีชื่อในโฉนดที่ดินรายนี้ก็ไม่มีอำนาจรื้อถอนกุฎีรายนี้ไปปลูกสร้างในที่อื่นได้เพราะเป็นการกระทำให้ทรัสต์รายนี้สิ้นสภาพหรือสลายไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของตัวการและตัวแทนตามกฎหมายตัวการตัวแทน กรณีเช็คและการจำกัดอำนาจ
ข้อจำกัดอำนาจของตัวแทนไม่ให้ตัวแทนกู้ยืมเงินได้นั้น เป็นการภายในระหว่างตัวการกับตัวแทน ถ้าบุคคลภายนอกไม่รู้ถึงข้อจำกัดดังกล่าวตัวการย่อมไม่พ้นความรับผิด
ที่ตัวแทนต้องรับผิดในเมื่อตัวการอยู่ต่างประเทศนั้น เป็นการเพิ่มความรับผิดให้แก่ตัวแทน หาได้หมายความว่าตัวการหมดความรับผิดไม่
การฟ้องเรียกหนี้ตามเช็คที่ออกให้โดยตัวแทน เพื่อชำระหนี้เงินที่ตัวแทนได้รับจากโจทก์ไปใช้ในกิจการของตัวการนั้น ไม่ใช่การฟ้องเรียกตามเช็คโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้น จึงต้องบังคับตามกฎหมายว่าด้วยตัวการตัวแทน ไม่ใช่บังคับตามกฎหมายว่าด้วยตั๋วเงิน.
ที่ตัวแทนต้องรับผิดในเมื่อตัวการอยู่ต่างประเทศนั้น เป็นการเพิ่มความรับผิดให้แก่ตัวแทน หาได้หมายความว่าตัวการหมดความรับผิดไม่
การฟ้องเรียกหนี้ตามเช็คที่ออกให้โดยตัวแทน เพื่อชำระหนี้เงินที่ตัวแทนได้รับจากโจทก์ไปใช้ในกิจการของตัวการนั้น ไม่ใช่การฟ้องเรียกตามเช็คโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้น จึงต้องบังคับตามกฎหมายว่าด้วยตัวการตัวแทน ไม่ใช่บังคับตามกฎหมายว่าด้วยตั๋วเงิน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของตัวการและตัวแทน, การจำกัดอำนาจตัวแทน, และการฟ้องเรียกหนี้ตามเช็ค
ข้อจำกัดอำนาจของตัวแทนไม่ให้ตัวแทนกู้ยืมเงินได้นั้นเป็นการภายในระหว่างตัวการกับตัวแทนถ้าบุคคลภายนอกไม่รู้ถึงข้อจำกัดดังกล่าวตัวการย่อมไม่พ้นความรับผิด
ที่ตัวแทนต้องรับผิดในเมื่อตัวการอยู่ต่างประเทศนั้นเป็นการเพิ่มความรับผิดให้แก่ตัวแทน หาได้หมายความว่าตัวการหมดความรับผิดไม่
การฟ้องเรียกหนี้ตามเช็คที่ออกให้โดยตัวแทน เพื่อชำระหนี้เงินที่ตัวแทนได้รับจากโจทก์ไปใช้ในกิจการของตัวการนั้น ไม่ใช่การฟ้องเรียกเงินตามเช็คโดยเฉพาะเพราะฉะนั้น จึงต้องบังคับตามกฎหมายว่าด้วยตัวการตัวแทนไม่ใช่บังคับตามกฎหมายว่าด้วยตั๋วเงิน
ที่ตัวแทนต้องรับผิดในเมื่อตัวการอยู่ต่างประเทศนั้นเป็นการเพิ่มความรับผิดให้แก่ตัวแทน หาได้หมายความว่าตัวการหมดความรับผิดไม่
การฟ้องเรียกหนี้ตามเช็คที่ออกให้โดยตัวแทน เพื่อชำระหนี้เงินที่ตัวแทนได้รับจากโจทก์ไปใช้ในกิจการของตัวการนั้น ไม่ใช่การฟ้องเรียกเงินตามเช็คโดยเฉพาะเพราะฉะนั้น จึงต้องบังคับตามกฎหมายว่าด้วยตัวการตัวแทนไม่ใช่บังคับตามกฎหมายว่าด้วยตั๋วเงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลจำกัดในคดีที่ดินต่างประเทศ แม้ขอประมูลหรือขายทอดตลาด ศาลไทยไม่มีอำนาจบังคับได้
โจทก์ฟ้องขอให้เอาที่ดินซึ่งอยู่ต่างประเทศประมูลราคาหรือขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่ง หรือถ้าหากจำเลยต้องการที่ดิน ก็ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่ง ดังนี้ แม้จะไม่ได้ขอให้แบ่งพื้นที่ดินก็ตามแต่โจทก์ให้จัดการประมูลหรือขายทอดตลาด ถ้าให้ศาลไทยำระคดีที่ดินอยู่ต่างประเทศ หากจะต้องบังคับถึงพื้นดินตามคำขอท้ายฟ้อง ก็บังคับไม่ได้ ฉะนั้น ศาลไทยจึงไม่มีอำนาจชำระคดี เช่นนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 542/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์จำกัดเฉพาะข้อกฎหมายเมื่ออุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมาย ห้ามวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่
คดีที่โจทก์อุทธรณ์ฉะเพาะข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดมา โดยไม่มีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์จำกัดเฉพาะประเด็นที่ถูกอุทธรณ์ แม้ข้อหาต่างกันก็ไม่อาจอาศัยอำนาจเพิ่มได้
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ลงโทษฐานเบิกความเท็จและฐานปลอมหนังสือเป็น+กะทงต่างหาจากกันศาลขั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จและยกฟ้องฐานปลอมหนัง+โจทก์ฝ่ายเดียว
ศาลอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมหนังสือดังนี้ประเด็นเรื่องเบิกความ+ย่อมเด็ดขาดถึงที่สุดศาลอุทธรณ์ไม่มี อำนาจขั้นวินิจฉัยต่อไปอีกได้
ศาลอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมหนังสือดังนี้ประเด็นเรื่องเบิกความ+ย่อมเด็ดขาดถึงที่สุดศาลอุทธรณ์ไม่มี อำนาจขั้นวินิจฉัยต่อไปอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการลงโทษตามฟ้อง: ศาลต้องลงโทษตามบทที่โจทก์อ้างเท่านั้น แม้ข้อเท็จจริงจะเข้าบทอื่นได้
โจทก์บรรยายความผิดเข้าตาม ม.164 แต่อ้างบทลงโทษตาม ม.163 ศาลจะลงโทษจำเลยตาม ม.164 ไม่ได้ เพราะเป็นการเกินคำขอ อ้างฎีกาที่ 368/2480
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารต่อหน้าสาธารณชนและการสืบพยานที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง ศาลมีอำนาจจำกัดการสืบพยาน
จับนมต่อหน้าสาธารณะกำนันมีผิดตาม ม. 240 การมีฐานะดีแลมั่งคั่งไม่เป็นเหตุในกฎหมายที่จะให้ยกอาชญาหรือรอการลงอาชญาแก่จำเลย
วิธีพิจารณาอาชญา พะยาน การขอสืบพะยานซึ่งจะเป็นการประจารโจทก์หรือเพื่อทำลายฐานะโจทก์ศาลไม่ยอมให้สืบ
วิธีพิจารณาอาชญา พะยาน การขอสืบพะยานซึ่งจะเป็นการประจารโจทก์หรือเพื่อทำลายฐานะโจทก์ศาลไม่ยอมให้สืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2931/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดอำนาจอุทธรณ์คดีไม่มีทุนทรัพย์และทุนทรัพย์น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่ดินพิพาทมิใช่เป็นของโจทก์ แต่เป็นของผู้อื่น คือ ม. และ ห. กับมิได้อ้างว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่ดินมาจาก ม. และ ห. และยึดถือครอบครองเพื่อตนจนได้สิทธิครอบครองแล้ว ถือไม่ได้ว่าจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท คดีของโจทก์ที่ฟ้องและมีคำขอบังคับให้ขับไล่จำเลยจึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ เมื่อโจทก์พอใจไม่อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นส่วนที่ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จากการที่จำเลยอยู่ในที่ดินโดยละเมิดเดือนละ 2,000 บาท จึงต้องถือว่าเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆ ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท ซึ่งห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสอง ในส่วนที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหาย แม้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ แต่ค่าเสียหายตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้นับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2553 เป็นต้นไปคำนวณถึงวันที่ 27 เมษายน 2554 ซึ่งเป็นวันฟ้อง จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ในส่วนนี้ก็ไม่เกิน 50,000 บาท ห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง เช่นกัน อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับวินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบ จำเลยไม่สิทธิที่จะฎีกาปัญหาดังกล่าวอีก เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้