คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำเลยอื่น

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 29 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากชิงทรัพย์เป็นทำร้ายร่างกาย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยอื่นที่ไม่ฎีกา
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานสมคบกันชิงทรัพย์ จำเลยผู้เดียวฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายเท่านั้นดังนี้เป็นเหตุในลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดถึงจำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ให้ได้รับผลดีตามคำพิพากษาด้วยได้
ฟ้องว่าชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายบาดเจ็บพิจารณาว่าทำร้ายร่างกาย ลงโทษได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาที่ระบุเวลาเกิดเหตุไม่ชัดเจน การแก้ฟ้องต้องมีเหตุผล และผลกระทบต่อจำเลยอื่น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทำผิดวันที่ 27 เวลากลางคืนถึงวันที่ 28 เดือนเดียวกัน ไม่ได้บอกว่าเวลาไหน ดังนี้ควรฟังว่าโจทก์หมายถึงเวลากลางคืนเริ่มต้นของวันที่ 28 ต่อจากวันที่ 27 ทางพิจารณาได้ความว่า ทำผิดวันที่ 28 เวลากลางวัน ต้องยกฟ้อง
คำร้องขอแก้ฟ้องต้องมีเหตุอันควร เมื่อโจทก์ไม่ได้แสดงเหตุอันควรที่ขอแก้ ศาลไม่อนุญาตให้แก้
จำเลยสองคนรับของโจรต่อทอดจากกัน ทางพิจารณาปรากฏว่าเวลาเกิดเหตุสำหรับจำเลยคนหลังต่างกับที่โจทก์กล่าวในฟ้องต้องยกฟ้องโจทก์ ดังนี้เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลมีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดถึงจำเลยคนแรกที่มิได้อุทธรณ์ด้วยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 758/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพของจำเลยร่วม ใช้ยันตัวผู้ให้การเท่านั้น ไม่ใช้กับจำเลยอื่น
คำไห้การชั้นสอบสวนของจำเลยคนหนึ่งที่ไห้การชัดจำเลยอีกคนหนึ่งนั้น ไช้ยันได้ฉเพาะผู้ไห้การ จะไช้ประกอบการพิจารนาสำหรับจำเลยคนที่ถูกซัดไม่ได้
คำไห้การชั้นสอบสวนของผู้ที่ไปกะทำความผิดด้วยกัน ซึ่งซัดจำเลยอื่นนั้น แม้ผู้นั้นมิได้ถูกฟ้องก็ไช้เปนหลักถานประกอบการพิจารนาสำหรับจำเลยที่ถูกซัดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2484

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาซ้ำกับจำเลยอื่น ศาลพิจารณาว่าคดีไม่เกี่ยวพันกันตามหลักกฎหมาย
โจทก์เคยฟ้องคนอื่นเป็นจำเลยฐานฆ่าคนตายรายนี้ ศาลยกฟ้องคดีถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยฐานฆ่าคนตายรายเดียวกันนั้นได้ ถ้าจำเลยต่างคนกัน คดีย่อมไม่อยู่ในบังคับวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4)
อ้างฎีกาที่ 1048/2478

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2483

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยป่วย: ศาลจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ป่วยได้ และดำเนินคดีกับจำเลยอื่นต่อไปได้
+คืออาญาการ พิจารณาและสืบพะยานในศาลให้ทำ+เปิดเผยต่อหน้าจำเลย+จำเลยป่วยและศาลได้+การพิจารณามาหลาย++เป็นเวลาเกือบ 1 ปี แล้ว จำเลยก็ยังไม่หายไม่+จะมาศาลได้ ศาล + จำหน่ายคดีเสียชั่วคราวได้ +ศาลสั่งจำหน่ายคดีเสีย+เพราะจำเลยเจ็บ+ศาลไม่ได้ ไม่จำ+จำเลยวิกลจริตแม้+เจ็บป่วยอย่างอื่นซึ่งไม่+จะมาศาลได้ ก็สั่ง+ได้+จำเลยหลายคนจำเลย+เจ็บไม่สามารถมาศาล+จำหน่ายคดีได้ฉะเพาะ+ที่เจ็บนั้นเท่านั้นส่วน+ก็ดำเนินการพิจารณา+กระบวนความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9345/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การชั้นสอบสวนของผู้ต้องหาใช้พิสูจน์ความผิดจำเลยอื่นได้
บทบัญญัติแห่ง ป.วิ.อ. มาตรา 134/4 วรรคสาม กำหนดไว้ว่าถ้อยคำใด ๆ ที่ผู้ต้องหาให้ไว้ก่อนที่จะดำเนินการตามมาตรา 134/1 ในเรื่องการสอบถามและจัดหาทนายความให้แก่ผู้ต้องหาจะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหานั้นไม่ได้เท่านั้น แต่หาได้มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด ๆ ที่ห้ามมิให้นำคำให้การชั้นสอบสวนของผู้ต้องหาในลักษณะดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของบุคคลอื่นหรือจำเลยอื่นในคดีแต่ประการใดทั้งสิ้น ดังนั้น คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยจึงสามารถนำมาเป็นพยานหลักฐานประกอบในคดีเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยอื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13199/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพในชั้นจับกุมและการใช้เป็นพยานหลักฐานร่วมกับพยานอื่นเพื่อลงโทษจำเลยอื่น
ป.วิ.อ. มาตรา 84 วรรคสี่ บัญญัติเพื่อมุ่งประสงค์ที่จะห้ามมิให้นำคำรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยที่ ๑ มารับฟังประกอบการพิจารณาลงโทษจำเลยที่ 1 เท่านั้น คำให้การในชั้นจับกุมของจำเลยที่ 1 ในส่วนที่พาดพิงถึงจำเลยที่ 2 ว่าร่วมกระทำความผิด แม้เป็นพยานบอกเล่าและเป็นคำซัดทอดเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้รับประโยชน์จากการซัดทอดถึงจำเลยที่ 2 ก็รับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นที่โจทก์ส่งอ้างเป็นพยานตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226 โดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9366/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบ หากจำเลยฎีกาให้ยกฟ้องจำเลยอื่นร่วมด้วย การดำเนินคดีกับจำเลยหลบหนีไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาเพื่อขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 3 และที่ 4 เสียด้วย เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการฎีกาในปัญหาใดต่อศาลฎีกา เป็นปัญหาเฉพาะตัวของจำเลยแต่ละคน จึงถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีข้อโต้แย้งและคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาคดีในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ถูกต้องและผิดต่อกฎหมายอย่างใด ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยที่ 3 และที่ 4 เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี และมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ชั่วคราว การดำเนินกระบวนพิจารณาต่อจากนั้นไม่ได้กระทำโดยเปิดเผยต่อหน้าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ถือว่ายังไม่ได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 ในศาลชั้นต้น เมื่อไม่ได้มีการยกคดีในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ขึ้นพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อจากนั้นจึงไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3 และที่ 4 คงเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในส่วนของจำเลยอื่นที่ไม่ได้ถูกจำหน่ายคดี แม้หากคดีนี้จะฟังข้อเท็จจริงได้ดังที่จำเลยที่ 3 และที่ 4 อ้าง ว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่มีความผิดเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็ตาม ก็ไม่อาจถือเป็นเหตุในลักษณะคดีตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ให้มีผลถึงจำเลยที่ 3 และที่ 4 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1934/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาฎีกาที่พิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้ฎีกา: วันที่คดีถึงที่สุด
ในการพิจารณาคดีของศาลฎีกา หากจำเลยผู้หนึ่งฎีกาคัดค้านคำพิพากษา ซึ่งให้ลงโทษจำเลยหลายคนในความผิดฐานเดียวกัน หากคดีนั้นศาลฎีกาใช้อำนาจตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 พิพากษากลับหรือแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ลงโทษหรือลดโทษให้จำเลยที่ฎีกาและพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนของจำเลยอื่นที่มิได้ฎีกาจึงยังไม่ถือว่าเป็นที่สุดเมื่อครบกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15 เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 ให้จำเลยที่ 1 ฟังเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2546 แม้จำเลยที่ 1 ไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 เมื่อศาลฎีกาเห็นว่ามีเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีและพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้ฎีกาด้วยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225 แล้ว คดีในส่วนของจำเลยที่ 1 จึงเป็นที่สุดเมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาฎีกาให้จำเลยที่ 1 ฟัง การที่ศาลชั้นต้นระบุในหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของจำเลยที่ 1 ว่าคดีถึงที่สุดวันที่ 22 ธันวาคม 2547 อันเป็นวันที่ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ 1 ฟัง จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมาย
of 3