พบผลลัพธ์ทั้งหมด 28 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายอมความระงับข้อพิพาทแล้วย่อมเป็นยุติ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเจตนาในคดีหลัง ศาลไม่อาจบังคับให้ชดใช้เงินตามข้อเสนอ
ในคดีก่อน โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของรวมกันในที่ดินแปลงพิพาทและจำเลยยอมรับว่า ได้อาศัยอยู่ในที่ดินนี้ตอนเหนือจนกว่าโจทก์จำเลยจะได้ทำการแบ่งที่ดินกันศาลพิพากษาตามยอม เมื่อโจทก์ฟ้องขอแบ่งแยกที่ดินรายนี้ในคดีหลัง จำเลยจะอ้างว่าได้ครอบครองที่พิพาทตอนเหนือโดยปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้วและจะขอนำพยานสืบประกอบในข้อนี้หาได้ไม่เพราะข้อพิพาทอันนี้ได้ระงับไปโดยสัญญายอมในคดีก่อนแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินและห้องแถว ในคำขอท้ายฟ้องมีว่าถ้าไม่สามารถตกลงแบ่งแยกกันได้ ก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันคนละครึ่งโดยโจทก์ตีราคาที่ดินและห้องแถวส่วนที่ขอแบ่งมาในฟ้องเป็นเงิน 30,000 บาทจำเลยให้การต่อสู้คดีและจำเลยเสนอมาในคำให้การด้วยว่าเพื่อตัดความยุ่งยาก จำเลยยอมให้เงิน 30,000 บาท แก่โจทก์ เท่าที่โจทก์ตีราคามาในฟ้องแทนการต้องแบ่งที่รายนี้เมื่อโจทก์ไม่ยอมตกลงด้วยข้อเสนอของจำเลยนี้จึงเท่ากับเสนอขอซื้อที่ส่วนได้ของโจทก์ด้วยราคา30,000 บาทนั่นเองเมื่อโจทก์ไม่ยินยอมด้วยและตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มิได้ขอให้ชดใช้เงินทำนองนั้นด้วย แม้จะเป็นที่เห็นอยู่ว่าจำเลยอาจต้องเสียหายและเดือดร้อนเพราะการแบ่งแยกก็จริงก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะพึงบังคับให้ได้ตามข้อเสนอของจำเลยอนึ่ง เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ตั้งเป็นประเด็นไว้ด้วยว่าเพื่อมิให้เสียหายและเดือดร้อนแก่จำเลยควรแบ่งกันอย่างไรโดยทดแทนเงินกันเพียงใดจึงจะสมควรตามนัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1364 จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องขอให้แบ่งที่ดินและห้องแถว ในคำขอท้ายฟ้องมีว่าถ้าไม่สามารถตกลงแบ่งแยกกันได้ ก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันคนละครึ่งโดยโจทก์ตีราคาที่ดินและห้องแถวส่วนที่ขอแบ่งมาในฟ้องเป็นเงิน 30,000 บาทจำเลยให้การต่อสู้คดีและจำเลยเสนอมาในคำให้การด้วยว่าเพื่อตัดความยุ่งยาก จำเลยยอมให้เงิน 30,000 บาท แก่โจทก์ เท่าที่โจทก์ตีราคามาในฟ้องแทนการต้องแบ่งที่รายนี้เมื่อโจทก์ไม่ยอมตกลงด้วยข้อเสนอของจำเลยนี้จึงเท่ากับเสนอขอซื้อที่ส่วนได้ของโจทก์ด้วยราคา30,000 บาทนั่นเองเมื่อโจทก์ไม่ยินยอมด้วยและตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มิได้ขอให้ชดใช้เงินทำนองนั้นด้วย แม้จะเป็นที่เห็นอยู่ว่าจำเลยอาจต้องเสียหายและเดือดร้อนเพราะการแบ่งแยกก็จริงก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะพึงบังคับให้ได้ตามข้อเสนอของจำเลยอนึ่ง เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ตั้งเป็นประเด็นไว้ด้วยว่าเพื่อมิให้เสียหายและเดือดร้อนแก่จำเลยควรแบ่งกันอย่างไรโดยทดแทนเงินกันเพียงใดจึงจะสมควรตามนัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1364 จึงไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงขายที่ดินโดยหลอกลวง ชดใช้เงินให้ผู้เสียหาย และสิทธิในที่ดิน
จำเลยขายที่ดินให้ผู้เสียหายโดยนำชี้ที่ดินแปลงอื่นว่าเป็นที่ดินตามโฉนดที่ซื้อขายกัน ซึ่งความจริงที่ตามโฉนดมีราคาซื้อขายต่ำกว่าที่นำชี้มาก โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกง และขอให้คืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปคืนแก่ผู้เสียหาย เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องจำเลยก็ต้องคืนเงินให้ผู้เสียหาย ส่วนที่ดินนั้น จำเลยก็ต้องดำเนินการตามสิทธิของจำเลยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินรวม (ที่ดิน) ศาลมีอำนาจสั่งแบ่งตามส่วนโดยมิทำให้เสียหายแก่ทรัพย์สิน หรือชดใช้เป็นเงิน
ที่ดินหลายโฉนดแต่ติดต่อเป็นผืนเดียวกัน แต่ละโฉนดเป็นของเจ้าของร่วมสองคน เมื่อศาลเห็นว่าการแบ่งที่ดินอาจทำได้โดยไม่เสียหาย ศาลอาจสั่งให้แบ่งให้เจ้าของร่วมคนหนึ่งได้ที่ดินโฉนดหนึ่งทั้งโฉนด และให้อีกคนหนึ่งได้อีกสองโฉนดก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทำไม้ ค่าจ้างตามผลงานบางส่วน และการชดใช้เงินเกินจำนวน
ผู้รับจ้างทำงานสำเร็จบางส่วนแต่ผู้ว่าจ้างก็ยอมรับเอาศาลอาจให้ผู้ว่าจ้างใช้ค่าจ้างให้เพียงบางส่วนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้เงินทดรองจ่ายในฐานะตัวแทน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
ตัวแทนออกเงินทดรองไปในกิจการที่ได้รับมอบหมายจากตัวการย่อมมีสิทธิเรียกเงินชดใช้จากตัวการได้ตามมาตรา 816 และการทดรองเงินก็ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 653 ซึ่งเป็นบทเรื่องกู้ยืมเงินโดยเฉพาะ
โจทก์จ่ายเงินให้แก่ผู้มีชื่อไปแทนจำเลยตามคำร้องขอของจำเลยถือว่าเป็นการกระทำแทนจำเลยในกิจการของจำเลยซึ่งเป็นตัวการ แม้การจ่ายเงินนั้นจะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือโจทก์ก็ฟ้องเรียกเงินจำนวนนั้นจากจำเลยได้ตามมาตรา 816
โจทก์จ่ายเงินให้แก่ผู้มีชื่อไปแทนจำเลยตามคำร้องขอของจำเลยถือว่าเป็นการกระทำแทนจำเลยในกิจการของจำเลยซึ่งเป็นตัวการ แม้การจ่ายเงินนั้นจะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือโจทก์ก็ฟ้องเรียกเงินจำนวนนั้นจากจำเลยได้ตามมาตรา 816
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8415/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทรัพย์สินจากการฉ้อโกง: จำเลยต้องชดใช้เงินที่ได้จากการฉ้อโกงให้ครบถ้วน แม้ทรัพย์สินจะไม่ได้สูญเสียไปโดยตรง
จำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกันฉ้อโกงเงิน 2,000,000 บาท ไปจากโจทก์ร่วม ทรัพย์สิน 47 รายการ คิดเป็นเงิน 473,000 บาท ที่จำเลยที่ 2 กับพวกได้มาจากการนำเงินที่ฉ้อโกงโจทก์ร่วมไปซื้อมาไว้ในครอบครองไม่ใช่ทรัพย์สินที่โจทก์ร่วมสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยที่ 2 จึงไม่อาจคืนทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่โจทก์ร่วมได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่ได้คืนทรัพย์สิน 47 รายการ ให้แก่โจทก์ร่วม แต่มิได้พิพากษาให้จำเลยที่ 2 คืนเงินในจำนวนเท่ากับราคาทรัพย์สิน 47 รายการ ให้แก่โจทก์ร่วมด้วยเป็นการไม่ชอบ เพราะจะทำให้โจทก์ร่วมได้รับเงินที่โจทก์ร่วมสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยที่ 2 กับพวกคืนจากจำเลยที่ 2 กับพวกไม่ครบถ้วน ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้าง ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่ได้คืนทรัพย์สิน 47 รายการ ให้แก่โจทก์ร่วม แต่มิได้พิพากษาให้จำเลยที่ 2 คืนเงินในจำนวนเท่ากับราคาทรัพย์สิน 47 รายการ ให้แก่โจทก์ร่วมด้วยเป็นการไม่ชอบ เพราะจะทำให้โจทก์ร่วมได้รับเงินที่โจทก์ร่วมสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยที่ 2 กับพวกคืนจากจำเลยที่ 2 กับพวกไม่ครบถ้วน ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้าง ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5686/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาในคดีสัญญาแชร์ และการวินิจฉัยข้อตกลงการชดใช้เงินแทนสมาชิก
จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา แต่อุทธรณ์ของจำเลยมีปัญหาต้องวินิจฉัยก่อนว่า สัญญาแชร์ระหว่างโจทก์ทั้งห้ากับจำเลยมีข้อตกลงตามที่จำเลยกล่างอ้างหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ