คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ชั้นอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 73 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์ต้องห้ามตามกฎหมาย
การพิจารณาคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ดังนั้น คำให้การของจำเลยในคดีดังกล่าวต้องแสดงโดยแจ้งชัดในคำให้การว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้น หรือแต่บางส่วนเมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความที่จะเรียกร้องให้จำเลยคืนราคาทรัพย์ได้แล้วที่จำเลยอุทธรณ์ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2467/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาค้ำประกันเมื่อมีการเปลี่ยนหลักทรัพย์ค้ำประกันในชั้นอุทธรณ์ ผู้ค้ำประกันเดิมมีสิทธิรับหลักทรัพย์คืน
ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามที่โจทก์ร้องขอต่อมาจำเลยนำผู้ร้องมาทำสัญญาค้ำประกันโดยนำโฉนดที่ดินวางไว้ต่อศาล โจทก์จึงได้ถอนคำขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาไป ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์และได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดย ป. บุตรชายจำเลยนำสมุดเงินฝากธนาคารออมสินมาวางประกัน การที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดย ป.นำสมุดฝากเงินธนาคารออมสิน วางเงิน ประกันแทนหลักทรัพย์ที่ผู้ร้องวางประกันไว้ แสดงว่าในชั้นอุทธรณ์จำเลยได้เปลี่ยนหลักทรัพย์ ในการค้ำประกันจากของผู้ร้องมาเป็นของ ป.สัญญาค้ำประกันที่ผู้ร้องที่ไว้ต่อศาลจึงสิ้นสุดลง ผู้ร้องมีสิทธิรับ โฉนดที่ดินวางประกันไว้คืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2467/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาค้ำประกันเมื่อมีการเปลี่ยนหลักทรัพย์ค้ำประกันในชั้นอุทธรณ์ ผู้มีประกันมีสิทธิรับคืนหลักทรัพย์เดิม
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา จำเลยจึงให้ผู้ร้องนำโฉนดที่ดินวางประกันต่อศาลต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 295,950 บาทพร้อมดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาและขอทุเลาการบังคับ การที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยบุตรจำเลยนำสมุดเงินฝากธนาคารออมสินจำนวน 410,000 บาท วางเป็นประกันแทนหลักทรัพย์ที่ผู้ร้องวางประกันไว้ แสดงว่าในชั้นอุทธรณ์จำเลยได้เปลี่ยนหลักทรัพย์ในการค้ำประกันจากของผู้ร้องมาเป็นหลักประกันของบุตรจำเลยแล้ว สัญญาค้ำประกันที่ผู้ร้องทำไว้ต่อศาลจึงสิ้นสุดลงผู้ร้องมีสิทธิรับหลักทรัพย์ที่ผู้ร้องวางไว้คืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4723/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การที่ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยประเด็นราคาทรัพย์สิน เนื่องจากไม่ได้มีการขอแก้ไขราคาในชั้นอุทธรณ์และฎีกา
ฎีกาของโจทก์และจำเลยที่ 2 แม้ได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ศาลอุทธรณ์กำหนดให้ใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 100,000 บาทเป็นการไม่ถูกต้อง แต่จำเลยที่ 2 ไม่มีคำขอให้ศาลฎีกาแก้ไขราคาให้ ในชั้นอุทธรณ์โจทก์และจำเลยที่ 2 ก็ได้ อุทธรณ์ในลักษณะดังกล่าวโดยไม่มีคำขอบังคับเช่นเดียวกัน ศาลอุทธรณ์จึงไม่ได้วินิจฉัยให้ ดังนี้ ถือว่าฎีกาของทั้งโจทก์และจำเลยที่ 2 เกี่ยวกับราคาทรัพย์เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในชั้นอุทธรณ์ และฎีกาของจำเลยที่ 2 ก็ไม่มีคำขอบังคับ ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3664/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อที่มิได้ว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แม้มีเหตุผลสนับสนุน
ปัญหาที่คู่ความฎีกาขึ้นมานั้น หากเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์: สิ่งกีดกั้นต้องปรากฏการกระทำและผ่านเข้าไปได้จริง ข้อหาอื่นต้องยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ก่อนฎีกา
การลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3) นั้น จะต้องมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับสิ่งกีดกั้นแล้วผ่านเข้าไป ประตูห้องนอนของผู้เสียหายเปิดอยู่แล้วจึงมิได้มีสภาพเป็นสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลและทรัพย์จำเลยเข้าไปลักทรัพย์ในห้องนอนของผู้เสียหาย คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 เท่านั้น โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3)(8)ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 335(3) เท่านั้นเท่ากับศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(8) เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 335(8) ด้วย เพื่อให้เป็นประเด็นขึ้นมาในชั้นอุทธรณ์ ปัญหาที่ว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราดังกล่าวหรือไม่ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้ เพราะเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีล้มละลายต้องทำในศาลชั้นต้น แม้คดียังไม่ถึงที่สุดก็ไม่อาจทำในชั้นอุทธรณ์ได้
การถอนฟ้องคดีล้มละลายจะกระทำได้เฉพาะในศาลชั้นต้นเท่านั้นดังนั้นคดีล้มละลายที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว แม้คดียังไม่ถึงที่สุด โดยมีอุทธรณ์ต่อมา โจทก์ก็จะขอถอนฟ้องในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องตามสัญญารับสภาพหนี้ และการยกข้อต่อสู้เรื่องอากรแสตมป์ในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญารับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้ไว้แก่โจทก์ มิได้ฟ้องให้รับผิดฐานละเมิด จึงไม่ต้องบรรยายฟ้องว่าใครเป็นผู้ขับรถยนต์ชนโจทก์อย่างไร ทั้งโจทก์ได้บรรยายถึงจำนวนเงินส่วนที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ตามสัญญา จึงเป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ปัญหาว่าใบมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกประเด็นข้อนี้ขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น เพิ่งจะยกขึ้นเป็นข้อโต้เถียงคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างได้
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีซึ่งมอบอำนาจให้กระทำครั้งเดียวคดีเดียวมิใช่ใบมอบอำนาจทั่วไป ปิดอากรแสตมป์ 10 บาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเมื่อจำเลยไม่โต้แย้งข้อเท็จจริงในชั้นอุทธรณ์ และฎีกาในประเด็นที่ยุติแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยร่วมกันกระทำผิดฐานชิงทรัพย์และฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายและลงโทษจำเลย โจทก์เพียงฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นตามฟ้องโดยจำเลยมิได้อุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์ว่าตนมิได้กระทำผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนการที่จำเลยฎีกาว่า ตนไม่ได้ฆ่าผู้ตาย ขอให้ลงโทษสถานเบาจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ยุติแล้ว และเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2227/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจถอนฟ้องในชั้นอุทธรณ์ และขอบเขตอำนาจของทนายตามใบแต่งทนาย
การถอนคำร้องขอถอนฟ้องในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จะอนุญาตหรือไม่ก็ได้ แล้วแต่ศาลอุทธรณ์จะพิจารณาเห็นสมควร ในคดีความผิดต่อส่วนตัว ใบแต่งทนายของโจทก์ระบุว่าให้ทนายความมีอำนาจว่าต่าง แก้ต่าง ถอนฟ้อง ประนีประนอมยอมความอุทธรณ์ ฎีกา ดังนี้ ทนายโจทก์มีอำนาจถอนฟ้องได้ก่อนคดีถึงที่สุด
of 8