คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ชำเรา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 39 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1871/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้บทกฎหมายเดิมลงโทษคดีชำเราที่กระทำก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา แม้ศาลฎีกาตัดสินหลังประมวลกฎหมายอาญาใช้บังคับ
จำเลยกระทำชำเรา ด.ญ.อายุต่ำกว่าสิบสามขวบก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายอาญา ศาลชั้นต้นลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 244 วรรคสอง จำคุก 5 ปี ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาซึ่งตัดสินหลังวันใช้ประมวลกฎหมายอาญาฟังว่าจำเลยทำผิดและวางโทษโทษจำคุกจำเลยเท่าเดิม คือ 5 ปี ศาลฎีกาก็คงใช้กฎหมายในขณะที่จำเลยกระทำผิดเป็นบทลงโทษ (เพราะกำหนดโทษที่วางในคดีนี้ยังไม่เข้ากรณีที่จะพึงใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 280(1) โดยยังไม่มีข้อที่จะยกส่วนที่เป็นคุณของกฎหมายใหม่มาใช้)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา แม้ไม่ถึงขั้นชำเราแต่มีการล่วงล้ำทางเพศ
จำเลยกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 4 ขวบจนน้ำอสุจิของจำเลยเปื้อนของลับของเด็กหญิง แต่ของลับของจำเลยไม่ได้เข้าไปในช่องคลอดโดยเข้าไปเพียงแต่ปากช่องคลอด และปรากฏตามใบชันสูตรบาดแผลของแพทย์ว่าบริเวรรอบปากช่องคลอดมีแผลช้ำถลอกเวลาซับมีเลือดออก เยื่อปิดปากช่องคลอดฉีกขาด ไม่พบเชื้ออสุจิเช่นนี้ถือว่าการกระทำของจำเลยฟังได้ว่าเป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราแล้วไม่ใช่ฐานกระทำอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมในการกระทำชำเรา: การยั่วกามารมย์ไม่ใช่การหลอกลวง
ไช้อุบายยั่วกามารมย์หยิงจนหยิงยินยอมไห้ชำเรา ไม่เรียกว่าไช้อุบายหลอกลวงชำเราขืนไจหยิง ไม่มีความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2486

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อุบายยั่วยวนไม่ถือเป็นข่มขืนใจ
ใช้อุบายยั่วกามารมณ์หญิงจนหญิงยินยอมให้ชำเรา ไม่เรียกว่าใช้อุบายหลอกลวงชำเราขืนใจหญิง ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัยยการฟ้องคดีชำเราได้ต่อเมื่อเจ้าทุกข์ร้องทุกข์ หรือเหตุเกิดต่อหน้าธารกำนัล
ความผิดส่วนตัวอัยยการฟ้องได้ต่อเมื่อเจ้าทุกข์มอบคดี ผู้ถูกชำเราป่วยหนักตกเปนน่าที่โจทก์นำสืบว่าตายเพราะถูกชำเรา ปัญหากฎหมาย วางโทษน้อยกว่าอัตราคั่นต่ำของกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15239/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานการค้าประเวณี-พรากผู้เยาว์: การกระทำชำเราในบังกะโลที่ใช้ติดต่อค้าประเวณีเป็นความผิดตามกฎหมาย
พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 4 บัญญัตินิยามคำว่า "สถานการค้าประเวณี" หมายความว่า สถานที่ที่จัดไว้เพื่อการค้าประเวณีหรือยอมให้มีการค้าประเวณีและให้หมายความรวมถึงสถานที่ที่ใช้ในการติดต่อหรือจัดหาบุคคลอื่นเพื่อการกระทำการค้าประเวณีด้วย ซึ่งเมื่อพิจารณาคำว่า สถานการค้าประเวณีตามบทบัญญัติดังกล่าวอาจไม่มีอยู่จริงตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้หมายความเพียงแต่สถานที่อันมีไว้เพื่อค้าประเวณีโดยเฉพาะเช่น ซ่องโสเภณี แต่ยังให้หมายรวมถึงสถานที่ทั่วไปที่ยอมให้มีการค้าประเวณีหรือใช้ในการติดต่อจัดหาบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการค้าประเวณีอีกด้วย เช่น ในโรงแรม ร้านทำผม ร้านอาหาร และสถานที่อื่น ๆ ซึ่งบุคคลภายนอกทั่วไปไม่รู้ว่ามีการค้าประเวณีแอบแฝง คงรู้แต่เฉพาะกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เป็นต้น การที่จำเลยที่ 1 พา น. ไปขายบริการทางเพศให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่บังกะโล ซึ่งจำเลยที่ 2 และที่ 3 ต่างรู้กันว่า บังกะโลนี้เป็นสถานที่ติดต่อสำหรับค้าประเวณีได้ แม้เจ้าของหรือผู้ควบคุมบังกะโลจะรู้เห็นยินยอมหรือไม่ก็ตาม สถานที่ดังกล่าวก็เข้าองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 8 วรรคหนึ่ง จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำชำเรา น. ในสถานการค้าประเวณีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15832/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารเด็กและพรากเด็กไปเพื่ออนาจาร: การพิจารณาความผิดฐานชำเราและการกระทำอนาจาร
จำเลยใช้อวัยวะเพศถูไถที่อวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ 1 จนมีน้ำสีขาวขุ่นออกมาจากอวัยวะเพศของจำเลยถูกที่ขาของผู้เสียหายที่ 1 ตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลไม่พบบาดแผลภายนอก อวัยวะเพศไม่พบรอยฟกช้ำหรือฉีกขาด เยื่อพรหมจารีไม่ฉีกขาด ส่งสารคัดหลั่งในช่องคลอดไปตรวจที่สถาบันนิติเวชวิทยา ไม่พบร่องรอยการร่วมประเวณีหรือสอดใส่อวัยวะเพศเข้าสู่ช่องคลอดของผู้เสียหายที่ 1 ข้อเท็จจริงบ่งชี้ว่า อวัยวะเพศของจำเลยมิได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ 1 จึงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยถูไถสัมผัสอวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ 1 โดยไม่มีเจตนาสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ 1 จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 1 คงมีความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามที่พิจารณาได้ความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1340/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในคดีชำเรา ความพิรุธของคำให้การ และหลักการยกประโยชน์แห่งความสงสัย
จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นความผิด 2 กระทง กระทงแรกกระทำในขณะผู้เสียหายอายุยังไม่เกิน 13 ปี อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคสอง (เดิม) กระทงที่ 2 กระทำผิดในขณะผู้เสียหายอายุเกิน 13 ปี แต่ยังไม่เกิน 15 ปี อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคแรก (เดิม) แม้กระทงความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคแรก (เดิม) จะต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่เมื่อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาซึ่งครอบคลุมไปถึงความผิดดังกล่าว ยังมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยได้กระทำความผิดดังกล่าวด้วยหรือไม่ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องไปถึงได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 ประกอบ มาตรา 215 และ 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2563

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำชำเรา, พรากผู้เยาว์, และการล่วงละเมิดอำนาจปกครองเด็ก การใช้ขนมล่อลวงเป็นกลอุบาย
จำเลยเรียกผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุ 14 ปีเศษ ให้เข้าไปเอาขนมในบ้าน จึงเป็นการกระทำโดยใช้ขนมมาล่อผู้เสียหายให้เข้าไปในบ้าน ถือเป็นกลอุบายส่วนหนึ่งเพื่อให้ได้ตัวผู้เสียหายมากระทำชำเรา และเมื่อผู้เสียหายเข้าไปแล้วจำเลยก็ได้ปิดประตู จึงนับได้ว่าเป็นการพาไปโดยแยกอำนาจปกครองจากบิดามารดา และการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปกระทำชำเราที่ป่าละเมาะข้างทุ่งนา และพาผู้เสียหายจากบริเวณแท็งก์น้ำเข้าไปกระทำอนาจารในซอกแท็งก์น้ำ ล้วนเป็นการพาผู้เสียหายจากที่เปิดเผยเข้าไปในจุดลับตาผู้คน จึงเป็นการล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดาทั้งสิ้น เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3334/2563

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำชำเราเด็กในความดูแลของครู และการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
การที่จำเลยผลักตัวโจทก์ร่วมนอนลงแล้วดึงกางเกงของโจทก์ร่วมออกก็เพื่อจะกระทำชำเราโจทก์ร่วมเท่านั้น จะถือว่าจำเลยกระทำอนาจารโจทก์ร่วมด้วยไม่ได้
of 4