คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ดำเนินคดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 45 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4621/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาจากหนังสือมอบอำนาจ: 'ดำเนินคดีอาญา' หมายถึงอำนาจฟ้องได้
โจทก์ฟ้องคดีอาญาโดยมอบอำนาจให้ ช. ดำเนินคดีแทน ในหนังสือมอบอำนาจมีข้อความระบุว่าให้ ช. เป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดีอาญากับจำเลยโดยให้มีอำนาจแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้ เช่นนี้ คำว่า ให้มีอำนาจดำเนินคดีอาญา ย่อมหมายความว่าให้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาลนั่นเอง หาได้มีแต่อำนาจในการร้องทุกข์เพียงเท่านั้นไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2688/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิดำเนินคดีอาญา vs. กรรโชก: การเสนอให้ชดใช้ค่าเสียหายเพื่อเลิกคดีไม่ใช่การข่มขืนใจ
จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าผู้เสียหายได้ลักเอาสติกเกอร์ของห้างซึ่งจำเลยมีหน้าที่ช่วยดูแลกิจการอยู่ไป การที่จำเลยบอกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับให้ห้าง 30 บาท ถ้าไม่ยอมจะส่งตัวให้เจ้าพนักงานตำรวจนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มขืนใจหรือขู่เข็ญผู้เสียหายให้ยอมให้เงิน 30 บาท เพราะจำเลยมีหน้าที่ดูแลกิจการของห้างชอบที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินคดี แก่ผู้เสียหายทางอาญาในความผิดฐานลักทรัพย์ได้ การที่จำเลยให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับเท่ากับเสนอให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อตกลงเลิกคดีกัน จำเลยไม่มีความผิดฐานกรรโชก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2688/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิดำเนินคดีอาญา vs. กรรโชก: การเสนอค่าชดใช้เพื่อเลิกคดีไม่เป็นความผิด
จำเลยเชื่อ โดยสุจริตว่าผู้เสียหายลักสติกเกอร์ ราคา 1 บาท ของห้างฯ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ดูแล กิจการอยู่ไป การที่จำเลยเรียกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับแก่ห้างฯ จำนวน 30 บาท มิฉะนั้นจะส่งตัวให้เจ้าพนักงานตำรวจนั้น เป็นกรณีที่จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินคดีแก่ผู้เสียหายในทางอาญาได้ คำพูดของจำเลยดังกล่าวเท่ากับเป็นข้อเสนอให้ชดใช้ค่าเสียหายเพื่อตกลงเลิกคดีตามที่ห้างฯถือปฏิบัติ จึงไม่เป็นการข่มขืนใจหรือขู่เข็ญผู้เสียหาย จำเลยไม่มีความผิดฐานกรรโชก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3981/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหายไม่ใช่การยอมความ หากจำเลยไม่ชำระ ผู้เสียหายยังดำเนินคดีอาญาได้
บันทึกข้อตกลงไม่มีข้อความใดแสดงว่าฝ่ายผู้เสียหายตกลงสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญากับจำเลยในทันที แต่กลับมีเงื่อนไขที่จำเลยจะต้องปฏิบัติต่อฝ่ายผู้เสียหายเสียก่อนกล่าวคือจำเลยต้องชำระเงินให้แก่ผู้เสียหายตามข้อตกลง เมื่อปรากฏว่าจำเลยไม่ชำระเงินให้ฝ่ายผู้เสียหาย ข้อตกลงดังกล่าวก็ไม่มีผลผูกพันผู้เสียหายให้เลิกคดีอาญา กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) ที่จะทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3470/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องครบถ้วนตามกฎหมาย, เขตอำนาจศาล, และข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหายไม่กระทบการดำเนินคดีอาญา
คดียักยอกโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดเป็นกรรมเดียวโดยระบุไว้ว่าจำเลยได้รับเงินจำนวนตามฟ้องตั้งแต่วันใดถึงวันใดแล้วจำเลยเบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวไปอันเป็นการชัดเจนพอที่จะให้เข้าใจได้ว่าจำเลยได้เบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวไปในระหว่างวันที่โจทก์ได้ระบุไว้ในคำฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยเป็นหลายกระทงความผิดตามจำนวนเงินที่จำเลยรับแต่ละครั้งจึงไม่จำเป็นต้องบรรยายในคำฟ้องให้ปรากฏว่าจำเลยรับเงินกี่ครั้งครั้งละเท่าใดคำฟ้องของโจทก์เป็นการครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)แล้ว จำเลยฎีกาว่าคดีนี้เหตุเกิดที่สำนักงานของโจทก์ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครทั้งจำเลยที่2ก็มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานครและโจทก์มิได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนการที่โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงชลบุรีจึงเป็นการฟ้องผิดเขตอำนาจศาลเช่นนี้เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218 เอกสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานหลักฐานปรากฏชัดเจนว่าจำเลยที่1ตกลงจะชดใช้เงินของโจทก์ที่ขาดไปเท่านั้นไม่มีข้อความใดแสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ตกลงเลิกหรือระงับการดำเนินคดีอาญากับจำเลยที่1แต่ประการใดข้อตกลงตามเอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงตกลงที่ชดใช้ค่าเสียหายกันในทางแพ่งเท่านั้นมิใช่เป็นการยอมความอันมีผลให้สิทธิในการดำเนินคดีอาญาของโจทก์ต้องระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คโดยรู้ว่าไม่มีเงินในบัญชีเพื่อเป็นหลักประกันและดำเนินคดีอาญา ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์ร่วมรู้ดีว่าขณะที่จำเลยออกเช็ค ธนาคารได้ปิดบัญชีของจำเลยแล้ว การรับเช็คไว้มิใช่เพื่อให้ได้รับชำระหนี้ตามเช็ค แต่รับไว้เพื่อเป็นประกันและเพื่อใช้เช็คดังกล่าวดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยเพื่อบีบบังคับให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1505/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องทุกข์แทนบริษัทต่างชาติ: ผู้จัดการสาขาชอบธรรมในการมอบอำนาจแจ้งความดำเนินคดีอาญา
บริษัทโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่เมืองไซ่ง่อน ประเทศสาธารณรัฐเวียตนาม และประธานกรรมการบริษัทโจทก์ได้มอบอำนาจให้ผู้จัดการสาขาบริษัทของโจทก์ซึ่งมีสาขาอยู่ที่ประเทศไทย มีอำนาจดำเนินการปฏิบัติแทนและในนามของบริษัทในเรื่องการสัมพันธ์ติดต่อรัฐบาลไทย เจ้าหน้าที่และบริษัทเอกชน สำนักงานหนังสือพิมพ์ และสาธารณชนทั่วไปได้ ดังนั้น เมื่อต่อมาจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างสาขาบริษัทโจทก์ในประเทศไทยทำหน้าที่พนักงานขายตั๋วโดยสารเครื่องบินแล้ว ไม่นำเงินค่าตั๋วส่งให้สาขาบริษัทโจทก์ ผู้จัดการสาขาบริษัทโจทก์ในประเทศไทยย่อมมีอำนาจร้องทุกข์หรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปร้องทุกข์แทนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาชดใช้ค่าเสียหายแลกกับการไม่ดำเนินคดีอาญาเป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อย
บุตรจำเลยขับจักรยานยนต์ชนบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสโจทก์จำเลยจึงได้ทำสัญญาปรองดองกัน โดยฝ่ายจำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งสิ้น ฝ่ายโจทก์ไม่เอาความผิดในคดีอาญา ดังนี้วัตถุประสงค์ของสัญญามีผลเท่ากับตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดินเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงทำสัญญาเช่าซื้อระบุการดำเนินคดีเฉพาะศาลแพ่ง ไม่ตัดสิทธิการดำเนินคดีอาญา
ข้อความในสัญญาเช่าซื้อมีว่า "คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า หากมีข้อพิพาทใด ๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับสัญญานี้ ให้ดำเนินคดีที่ศาลแพ่ง จังหวัดพระนคร" หมายความว่าคู่สัญญามีความมุ่งหมายเป็นข้อตกลงเฉพาะเรื่องที่ว่า หากข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องการเช่าซื้อตามสัญญาเป็นเรื่องในทางแพ่งแล้ว ก็ให้เสนอข้อพิพาทนั้นต่อศาลแพ่งเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงว่าคู่สัญญาได้ยอมสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาต่อกัน จึงไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะดำเนินคดีในทางอาญากับจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอาญาแม้โจทก์ถึงแก่กรรม: ศาลฎีกาสามารถพิจารณาพิพากษาต่อไปได้
ราษฎรเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญา ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยฎีกาส่งสำนวนฎีกาให้โจทก์ไม่ได้เพราะโจทก์ถึงแก่กรรมไปแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปได้
of 5