คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ดุลยพินิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 187 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งงดบังคับคดีเมื่อมีเหตุผลสมควร และต้องคำนึงถึงผลได้ผลเสียของทุกฝ่าย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) มิใช่บทบัญญัติที่กำหนดหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีอย่างเดียวแต่ได้ให้อำนาจศาลในอันที่จะมีคำสั่งงดการบังคับคดีได้เมื่อเห็นสมควรไว้ด้วย การที่ศาลจะใช้ดุลพินิจสั่งให้งดการบังคับคดีหรือไม่นั้น ศาลจะต้องคำนึงถึงผลได้ผลเสียของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยความเป็นธรรม
ตามคำร้องของจำเลยที่ 2 นั้นข้อเท็จจริงน่าจะมีมูลตามที่กล่าวอ้างเพราะมีเงื่อนงำและเลศนัยอยู่ว่าโจทก์และพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต หากบังคับคดีให้จำเลยออกโฉนดที่พิพาทให้แก่โจทก์ อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและบุคคลภายนอกที่อาจจะรับโอนที่พิพาทต่อจากโจทก์โดยสุจริตได้ ดังนี้ กรณีมีเหตุสมควรงดการบังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้ชั่วคราว.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขยายเวลาฎีกา-การกู้ยืมเงิน: ศาลใช้ดุลยพินิจขยายเวลาได้หากมีเหตุผล & โจทก์มีสิทธิสืบที่มาเงินกู้
การที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้หรือไม่นั้นอยู่ในดุลพินิจของศาล และโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายก่อนครบกำหนดยื่นฎีกาทั้งเหตุที่ขอขยายเวลานั้นก็เพราะว่าโจทก์ได้ย้ายที่ทำการแห่งใหม่และได้แต่งตั้งทนายโจทก์คนใหม่แล้ว ทนายโจทก์คนใหม่ได้แจ้งให้ศาลทราบด้วยว่าการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ขอให้แจ้งไปที่ทำการแห่งใหม่ ปรากฏว่าเจ้าพนักงานของศาลได้ส่งหมายนัดไปยังทนายโจทก์คนเดิม โจทก์จึงไม่ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ อันถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษและมีเหตุสมควร คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกา จึงชอบแล้ว
การกู้ยืมเงิน แม้หนังสือสัญญากู้เงินจะมิได้ระบุว่าจำเลยกู้เงินไปจากใครก็ตาม แต่ก็มีข้อความระบุว่าจำเลยได้กู้เงินจำนวน๕๐๐,๐๐๐ บาท ไป โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้ว่าจำเลยกู้เงินไปจากใคร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3228/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนผู้จัดการมรดก: เหตุผล, ดุลยพินิจศาล, และผลกระทบต่อทายาทอื่น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 บัญญัติให้ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้ศาลเพิกถอนผู้จัดการมรดกไว้ 2 ประการคือผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควร ดังนั้น หากจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ในฐานะทายาทของผู้ตาย ก็เป็นเหตุที่โจทก์จะร้องขอต่อศาลตามมาตราดังกล่าวได้ แต่การที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนตามคำร้องขอของโจทก์หรือไม่ ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลที่จะพิจารณาว่ามีเหตุสมควรหรือไม่ การเพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกหาได้มีผลเฉพาะต่อโจทก์จำเลยไม่ แต่ยังมีผลกระทบถึงผลประโยชน์ของบรรดาทายาทอื่นซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วย หาใช่เมื่อจำเลยผิดสัญญาแล้วศาลจะต้องสั่งเพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกเสมอไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2681/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้และภาษีการค้าจากราคาสินค้าคงเหลือ การพิสูจน์ราคาขายที่ถูกต้อง และการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงานประเมิน
โจทก์จัดพิมพ์หนังสือตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการแล้วขายให้บริษัท ส. แต่ขายไม่หมดในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นโจทก์มีหน้าที่ต้องทำบัญชีคุมสินค้าตามมาตรา 83 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อโจทก์ไม่ทำบัญชีคุมสินค้า ต้องถือว่าโจทก์ขายสินค้าคงเหลือนั้นและถือมูลค่าของสินค้าดังกล่าวเป็นรายรับตามมาตรา 79 ทวิ(6) แห่งประมวลรัษฎากร ราคาต้นทุนการผลิตหนังสือที่โจทก์จัดพิมพ์ตกประมาณ 35-37เปอร์เซ็นต์ ของราคาหน้าปก โจทก์ขายหนังสือดังกล่าวให้บริษัทผู้จัดจำหน่ายเป็นผู้ขาย โจทก์จึงไม่มีค่าใช้จ่ายในการบริหารการขายเมื่อจำเลยไม่อาจนำสืบถึงราคาที่โจทก์ควรจะขายที่แท้จริงได้การที่โจทก์ตั้งราคาขายหนังสือที่จัดพิมพ์ขึ้นให้แก่ผู้จัดจำหน่ายในราคา 40 เปอร์เซ็นต์ ของหน้าปก หนังสือจึงหาได้มีราคาต่ำกว่าราคาที่ควรจะขายได้ และเป็นราคาที่ถูกต้องตามความเป็นจริงแล้วเจ้าพนักงานประเมินไม่มีอำนาจประเมินราคาสินค้าใหม่ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 87 ทวิ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คหลายฉบับลงวันที่ต่างกัน ถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และศาลมีดุลยพินิจในการหักวันคุมขัง
การออกเช็คเป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินและวันที่ที่ปรากฏในเช็คซึ่งผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ดังนั้น การที่จำเลยออกเช็คหลายฉบับลงวันที่สั่งจ่ายคนละวันกันและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน
การที่ศาลจะสั่งให้หักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๒ วรรคแรก แม้โจทก์ไม่มีคำขอศาลก็วินิจฉัยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และประเด็นรอการลงโทษเป็นดุลยพินิจ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 6 เดือนและปรับ 6,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษไว้ กรณีถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับ อันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ถือว่าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3853/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายความป่วย: ศาลมีดุลยพินิจอนุญาตเลื่อนได้หากมีเหตุจำเป็นและมีหลักฐาน
ทนายโจทก์และทนายจำเลยต่างยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุป่วยเจ็บของทนายความมาแล้วฝ่ายละครั้ง และศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีทั้งสองนัด ครั้งที่สามทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วยเจ็บกะทันหันโดยมีใบรับรองแพทย์ที่ขอผัดส่งต่อศาลในอีก 3 วันต่อมาระบุว่า ในวันนัดดังกล่าวแล้วทนายโจทก์ป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรง ทั้งทนายจำเลยก็มิได้คัดค้านว่า ทนายโจทก์มิได้ป่วยจริง เมื่อได้ความว่าทนายโจทก์ป่วยเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ซึ่งศาลชอบที่จะสั่งเลื่อนการนัดสืบพยานโจทก์ต่อไปได้เท่าที่จำเป็น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โครงสร้างค่าจ้างรัฐวิสาหกิจ, ดุลยพินิจเลื่อนขั้น, และสิทธิเงินบำเหน็จเมื่อเลิกจ้าง
มติคณะรัฐมนตรีเรื่องโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนของพนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจกำหนดไว้ด้วยว่าในการปรับอัตราเงินเดือนนั้นรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งต้องคำนึงถึงฐานะและความสามารถทางการเงินประกอบด้วยโดยให้ได้รับเพิ่มขึ้นไม่เกินไปกว่าตารางปรับค่าจ้างเงินเดือนโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนดังกล่าวเป็นอัตราขั้นสูงที่รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งจะพิจารณาปรับให้ลูกจ้างของตนได้มิใช่อัตราตายตัวที่รัฐวิสาหกิจทุกแห่งจะต้องปรับแก่ลูกจ้างของตนเมื่อปรากฏว่ากิจการโรงงานกระสอบของจำเลยขาดทุนจำเลยย่อมมีอำนาจปรับค่าจ้างเงินเดือนให้แก่ลูกจ้างต่ำกว่าขั้นสูงของโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนได้. ตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยการเลื่อนขั้นเงินเดือนมิใช่เป็นสิทธิอันเด็ดขาดที่โจทก์จะได้รับเสมอไปกรณีย่อมต้องอยู่ในดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาที่จะพิจารณาว่าควรจะเลื่อนขั้นเงินเดือนให้หรือไม่ด้วยเมื่อจำเลยต้องปิดกิจการโรงงานกระสอบโดยที่ยังไม่ทันได้มีการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนโจทก์จะขอให้บังคับจำเลยรับผิดในเงินเดือนที่ยังไม่ได้พิจารณาเพิ่มให้หาได้ไม่และศาลไม่มีอำนาจบังคับให้จำเลยใช้ดุลยพินิจเลื่อนเงินเดือนให้โจทก์ได้. โจทก์ถูกเลิกจ้างเพราะโรงงานกระสอบขาดทุนจนต้องปิดกิจการกรณีจึงต้องด้วยข้อบังคับโรงงานกระสอบกระทรวงการคลังว่าด้วยกองทุนบำเหน็จพ.ศ.2521ข้อ11ซึ่งโจทก์จะได้รับเงินบำเหน็จอย่างมากไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย180วันตามข้อ11.3แต่โจทก์ได้รับเงินบำเหน็จไปแล้วสูงกว่าสิทธิอันพึงได้แม้นำเอาค่าครองชีพมารวมกับเงินเดือนเพื่อคำนวณเงินบำเหน็จก็ยังได้ไม่เท่ากับเงินที่โจทก์ได้รับไปแล้วโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิจะเรียกร้องเพิ่มอีกได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4490/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: โจทก์มีหน้าที่นำสืบ, ศาลมีดุลยพินิจเรียกจำเลยร่วม, การทำงานบกพร่องไม่เป็นเหตุยกเว้นค่าชดเชย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม จำเลยให้การว่า การเลิกจ้างของจำเลยเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมแล้ว ดังนี้ โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมตามที่กล่าวอ้างในคำฟ้อง
กรณีที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานกลางเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยหลังจากยื่นฟ้องแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3)(ก) นั้น ศาลแรงงานกลางจะเรียกให้ตามที่ขอหรือไม่ย่อมเป็นดุลพินิจของศาลแรงงานกลางจึงเป็นข้อเท็จจริง อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่เรียกเป็นการไม่ชอบ จึงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ฯ มาตรา 54
การที่โจทก์ทำงานบกพร่อง ขาดความสามารถ หรือไม่สามารถทำงานร่วมกับพนักงานอื่น เป็นเพียงคุณลักษณะส่วนตัวของโจทก์ ไม่ใช่การฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน กรณีจึงไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่จำเลยจะไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 และไม่ต้องด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2985/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างป่วย: ศาลฎีกาจำกัดการใช้ดุลยพินิจเพื่อเพิ่มค่าชดเชยเกินคำขอ หากลูกจ้างไม่ได้อ้างค่าจ้างต่ำกว่ากฎหมาย
การเลิกจ้างในกรณีลูกจ้างป่วยไม่อาจปฏิบัติงานให้นายจ้างได้นั้น ไม่เข้าข้อยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 47 อันนายจ้างจะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย เมื่อลูกจ้างฟ้องเรียกค่าชดเชยตามอัตราค่าจ้างสุดท้ายซึ่งต่ำกว่าอัตราตามกฎหมายมาด้วยความสมัครใจ มิได้พลั้งพลาดผิดหลง จึงยังไม่สมควรที่ศาลจะอ้างความเป็นธรรมนำค่าจ้างที่ลูกจ้างมิได้รับจริงมาเป็นฐานคำนวณให้ลูกจ้างได้รับค่าชดเชยเกินคำขอ
of 19