คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ดูหมิ่น

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 115 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5479/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดขวางการตรวจค้นและดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
จำเลยมีพฤติการณ์น่าสงสัย ตอนกลางวันจะปิดบ้านและเก็บตัวอยู่ในบ้าน ตอนกลางคืนจึงออกจากบ้านไม่ยุ่งเกี่ยวกับชาวบ้านและไม่ปรากฎว่าประกอบอาชีพอะไร ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ อันเป็นเหตุให้ออกหมายค้นได้
ก่อนเข้าตรวจค้นร้อยตำรวจโท ส. ได้แสดงหมายค้นเพื่อขอตรวจค้นแล้ว แต่ ถ.ไม่ยอมให้ตรวจค้น ขณะร้อยตำรวจโท ป. จะเดินเข้าประตูบ้านจำเลยใช้มือผลักหน้าอกร้อยตำรวจโท ป. พร้อมกับร้องด่าว่า "ไอ้พวกอันธพาลไอ้พวกฉิบหาย ไอ้มือปืน" ร้อยตำรวจโท ส.เข้าไปห้ามปรามจำเลยแต่จำเลยก็ยังด่าอีก การกระทำดังกล่าวในขณะตำรวจจะเข้าทำการตรวจค้นซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5479/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกหมายค้นโดยมีเหตุอันควรสงสัย และความผิดฐานขัดขวาง/ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
จำเลยมีพฤติการณ์น่าสงสัย ตอนกลางวันจะปิดบ้านและเก็บตัวอยู่ในบ้าน ตอนกลางคืนจึงออกจากบ้านไม่ยุ่งเกี่ยวกับชาวบ้านและไม่ปรากฏว่าประกอบอาชีพอะไรถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ อันเป็นเหตุ ให้ออกหมายค้นได้ ก่อนเข้าตรวจค้นร้อยตำรวจโทส. ได้แสดงหมายค้นเพื่อขอตรวจค้นแล้ว แต่ถ. ไม่ยอมให้ตรวจค้นขณะร้อยตำรวจโทป. จะเดินเข้าประตูบ้านจำเลยใช้มือผลักหน้าอกร้อยตำรวจโทป. พร้อมกับร้องด่าว่า "ไอ้พวกอันธพาลไอ้พวกฉิบหายไอ้มือปืน"ร้อยตำรวจโทส. เข้าไปห้ามปรามจำเลยแต่จำเลยก็ยังด่าอีก การกระทำดังกล่าวในขณะตำรวจจะเข้าทำการตรวจค้นซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่และเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5371/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดโดยบันดาลโทสะจากการถูกดูหมิ่นเหยียดหยามถึงบิดามารดา
ผู้ตายด่าจำเลยว่า ไอ้เหี้ยเลิกกันแล้วไม่มีสิทธิ ด่ามารดาจำเลยว่า เป็นคนเลือดชั่ว จำเลยเป็นลูกทิ้ง จำเลยพาบุตรสาวจะขึ้นรถ ผู้ตายร้องด่าอีกว่า อย่าไปกับมัน มันคนชั่ว คนเลวและด่าว่าไปถึงบิดามารดาจำเลยอีก บิดามารดานั้นเป็นที่เคารพของจำเลยซึ่งเป็นบุตร การที่ผู้ตายก้าวล่วงไปด่าว่าถึงบิดามารดาจำเลยนั้น นับได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการที่จำเลยยิงผู้ตายในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4529/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพูดท้าทายชกต่อยเจ้าพนักงานสรรพสามิต ไม่ถือเป็นการดูหมิ่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136
หลังจากผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตยึดสุราของจำเลยไปแล้ว จำเลยตามไปที่ห้องเปรียบเทียบปรับกรมสรรพสามิต จำเลยพูดกับผู้เสียหายว่าพวกมึงเก่งแต่จับเหล้าไปต่อยกับกูข้างนอกไหมเป็นคำกล่าวที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเป็นการพูดเปรยขึ้นมาเพื่อประชดประชันผู้เสียหายโดยเจตนาท้าทายผู้เสียหายให้ออกไปชกต่อยกับจำเลยเท่านั้นหาใช่เป็นการเหยียดหยามดูหมิ่นผู้เสียหายไม่ จึงไม่ผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3502/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประพฤติเนรคุณและการถอนคืนการให้ทรัพย์สินเนื่องจากคำพูดดูหมิ่นและขับไล่
หมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2)หาจำเป็นต้องถึงกับเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาททางอาญาไม่เพียงแต่ได้ความว่า เจตนาดูหมิ่นก็ถือว่าประพฤติเนรคุณแล้ว จำเลยซึ่งได้รับการให้ที่ดินจากโจทก์ผู้เป็นบิดาด่าว่าโจทก์ว่า "ไอ้แก่กูไม่นับมึงเป็นพ่อ ออกไปให้พ้น ไม่ไปมึงตายกูไม่รับรู้" เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นโจทก์เรียกโจทก์ว่าไอ้แก่ ขึ้นมึงขึ้นกูกับโจทก์ว่าไม่นับถือโจทก์เป็นบิดา ขับไล่โจทก์ออกไปให้พ้น มิฉะนั้นโจทก์ตายจำเลยไม่รับรู้ ย่อมทำให้โจทก์อับอายเสียชื่อเสียงและเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้ถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาล: การยื่นฎีกาที่มีเนื้อหาดูหมิ่นและท้าทายอำนาจศาลยุติธรรม
การที่โจทก์ทั้งสองนำเรื่องราวกล่าวโทษผู้พิพากษาซึ่งมีข้อความก้าวร้าวและดูหมิ่นเสียดสีศาลมารวมเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาและลงนามเป็นผู้ฎีกาและผู้เรียงร่วมกับผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ทั้งสองนั้น แสดงว่าโจทก์ทั้งสองมีเจตนาให้ข้อความที่ฎีกานั้นปรากฏต่อศาล การที่ผู้ถูกกล่าวหานำฎีกามายื่นต่อศาลชั้นต้นจึงสมเจตนาของโจทก์ทั้งสอง การกระทำของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลกรณีนี้เกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่ขณะผู้ถูกกล่าวหายื่นฎีกาดังกล่าวต่อศาลชั้นต้น ประกอบกับฎีกาของโจทก์ทั้งสองและผู้ถูกกล่าวหามีลักษณะเป็นการท้าทายอำนาจศาลยุติธรรมอย่างรุนแรงและแจ้งชัดไม่มีข้อที่น่าสงสัยว่าได้กระทำไปโดยเลินเล่อหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การที่ศาลลงโทษไปโดยไม่สั่งให้โจทก์ทั้งสองและผู้ถูกกล่าวหาแก้ไขถ้อยคำเสียก่อน จึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แล้ว เมื่อฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วยชัดเจนอยู่แล้ว ข้อความที่กล่าวไว้ในฎีกาว่าพร้อมจะแก้ไขถ้อยคำใด ๆ ตามคำสั่งศาลทุกประการนั้น ถูกลบล้างโดยการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเองโดยสิ้นเชิง จะฟังว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาล: ฎีกาเนื้อหาดูหมิ่น ก้าวร้าว เสียดสีศาล ผู้ลงนามและผู้ยื่นฎีกามีความผิด
ข้อความตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองและสำเนาคำร้องเรียนถึงบุคคลต่าง ๆ แนบท้ายฎีกาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฎีกา ระบุข้อความสำคัญอันมีลักษณะเป็นการก้าวร้าวและดูหมิ่นเสียดสีศาลอย่างรุนแรง เมื่อโจทก์ทั้งสองกับผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นทนายความได้ร่วมกันลงนามเป็นผู้ฎีกาและผู้เรียง โดยให้ผู้ถูกกล่าวหานำมายื่นต่อศาลชั้นต้น การกระทำของโจทก์ทั้งสองกับผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1),33 ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเกิดขึ้นตั้งแต่ขณะผู้ถูกกล่าวหานำฎีกามายื่นต่อศาลชั้นต้น ประกอบกับฎีกามีลักษณะท้าทายอำนาจศาลยุติธรรมอย่างรุนแรงและแจ้งชัด ไม่มีข้อที่น่าสงสัยว่าได้กระทำไปโดยเลินเล่อหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ศาลชั้นต้นลงโทษโดยไม่สั่งให้แก้ไขเสียก่อน จึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1034/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพูดใส่ความว่าสารวัตรกำนันหากินกับตำรวจ เข้าข่ายหมิ่นประมาท แต่การดูหมิ่นด้วยคำพูดไม่เข้าข่าย
การที่จำเลยพูดว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นสารวัตรกำนันชอบพาตำรวจมาจับชาวบ้านและหากินกับตำรวจนั้น ผู้ที่ได้ยินได้ฟังย่อมเข้าใจความหมายไปในทางที่ว่าผู้เสียหายหาเหตุพาตำรวจมาจับชาวบ้าน และตำรวจเรียกร้องเอาเงินทองหรือผลประโยชน์อย่างอื่นเพื่อแลกเปลี่ยนหรือตอบแทนกับการที่จะไม่ถูกดำเนินคดีในฐานความผิดที่ถูกจับกุมอันเป็นเรื่องตำรวจรับสินบนแล้วแบ่งเงินทองหรือผลประโยชน์ที่ได้รับมาให้แก่ผู้เสียหายผู้เสียหายจึงได้ชื่อว่าหากินกับตำรวจและเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คำกล่าวของจำเลยย่อมจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง จำเลยจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท คำกล่าวที่ว่า ผู้เสียหายนามสกุลหมา ๆ นั้น เป็นแต่เพียงการดูหมิ่นเหยียดหยามเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นการใส่ความผู้เสียหายโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2354/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ การใช้ถ้อยคำเปรียบเทียบสถาบันฯ เป็นความผิด แม้ไม่มีเจตนา
บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 2,6,45,46 และ 54 และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 107 ถึง 112 แสดงให้เห็นได้โดยแจ้งชัดว่า องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำรงอยู่ในฐานะพระประมุขของประเทศ ทรงเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะล่วงละเมิดหรือใช้สิทธิและเสรีภาพให้เป็นปฏิปักษ์ในทางหนึ่งทางใดมิได้ ทั้งรัฐและประชาชนต่างมีหน้าที่ต้องรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่คู่ประเทศตลอดไป
พระบรมมหาราชวังเป็นของพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงสร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นที่ประทับของพระองค์และพระบรมราชินี เป็นที่ประสูติพระราชโอรสและพระธิดาดังนั้น ข้อความที่จำเลยกล่าวปราศรัยต่อประชาชนว่า ถ้าจำเลยเลือกเกิดได้จะเลือกเกิดมันใจกลางพระบรมมหาราชวังออกมาเป็นพระองค์เจ้าวีระนั้น แม้จำเลยมิได้ระบุชื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยชัดแจ้ง ก็ย่อมแปลเจตนาของจำเลยได้ว่า จำเลยกล่าวโดยมุ่งหมายถึงองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร องค์รัชทายาท
ข้อความที่จำเลยกล่าวจะเป็นการใส่ความในประการที่น่าจะทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาถึงฐานะที่ทรงดำรงอยู่และความรู้สึกนึกคิดของประชาชนชาวไทยอันมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ประกอบข้อความที่จำเลยกล่าวด้วย การที่จำเลยกล่าวว่า ถ้าเลือกเกิดได้จะเลือกเกิดใจกลางพระบรมมหาราชวังออกมาเป็นพระองค์เจ้าวีระไม่ต้องมายืนตากแดดพูดให้ประชาชนฟัง ถึงเวลาเที่ยงก็เข้าห้องเย็น เสวยเสร็จก็บรรทมตื่นอีกทีบ่ายสามโมง พอตกเย็นก็เสวยน้ำจันฑ์ให้สบายอกสบายใจนั้น เป็นการกล่าวเปรียบเทียบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร องค์รัชทายาททรงมีความเป็นอยู่สุขสบาย ไม่ต้องปฏิบัติพระราชภารกิจ ใด ๆ เวลาเที่ยงเสวยเสร็จก็บรรทมไปจนถึงเวลาบ่ายสามโมงตกตอนเย็นก็เสวยน้ำจันฑ์อย่างสบายอกสบายใจ ต่างกับจำเลยซึ่งเกิดเป็นลูกชาวนาต้องทำงานหนัก มีแต่ความยากลำบากเพราะเลือกเกิดไม่ได้ คำกล่าวของจำเลยนี้ พยานโจทก์ทุกปากประกอบด้วยบุคคลจากหลายท้องถิ่นและหลายสาขาอาชีพ ทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร นักการเมือง ครูอาจารย์ ทนายความ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวนา ล้วนเบิกความให้ความเห็นสรุปได้ว่า จำเลยกล่าวหาใส่ความว่าทั้งสามพระองค์ทรงมีความเป็นอยู่สุขสบาย ไม่ต้องปฏิบัติภารกิจใด ๆ เอาแต่พักผ่อนและดื่มสุรา อันแสดงว่าประชาชนโดยทั่วไปต่างเห็นว่าจำเลยเจตนาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถและสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯองค์รัชทายาท ความเห็นของพยานโจทก์นี้เป็นความเห็นประกอบกับข้อความที่อ้างว่าเป็นหมิ่นประมาทย่อมรับฟังได้ ซึ่งเมื่อพิจารณาประกอบข้อความที่จำเลยกล่าวทั้งหมดแล้ว ถือได้ว่าเป็นการใส่ความโดยประการที่น่าจะทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถและสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯสยามมกุฎราชกุมาร องค์รัชทายาท ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง แม้การกระทำของจำเลยจะไม่บังเกิดผล เพราะไม่มีใครเชื่อถือคำกล่าวของจำเลย จำเลยก็หาพ้นความรับผิดไม่ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินีและรัชทายาท ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112
จำเลยเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วหลายสมัย และเป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง ได้ประกอบคุณงามความดีต่อประเทศชาติจนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือกเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการจัดหาทุนสร้างสวนหลวง ร.9 และหาทุนโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย นับว่าเป็นผู้มีคุณความดีมาแต่ก่อน นอกจากนี้หลังจากเกิดเหตุแล้ว จำเลยยังได้ไปกล่าวคำกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ห้องรับรองของรัฐสภา และได้มีหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษผ่านทางราชเลขาธิการ เป็นการรู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดนั้น อันเป็นเหตุบรรเทาโทษ มีเหตุสมควรปรานีลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถามถึงความสัมพันธ์ชู้สาว ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นซึ่งหน้า
จำเลยถาม ป. ว่า มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับโจทก์จริงหรือไม่ ถ้าจริงก็ให้เลิกเสีย ไม่ได้ยืนยันว่า ป. มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับโจทก์ยังไม่เข้าลักษณะเป็นการใส่ความอันจะเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ และเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยกล่าวเช่นนั้นต่อหน้าโจทก์จึงมิใช่เป็นการดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้าอีกเช่นกัน
of 12