คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ตัดสิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2272/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทของผู้ฝากในการดูแลสมุดเช็ค ทำให้เกิดการปลอมลายมือชื่อ และตัดสิทธิในการอ้างลายมือชื่อปลอม
โจทก์มอบสมุดเช็คไว้กับ ค. ซึ่งเป็นสมุห์บัญชีของโจทก์ และให้ ค.เป็นผู้กรอกข้อความลงในเช็คก่อนที่จะนำมาให้ส.ผู้จัดการโจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย การที่ ค. ปลอมลายมือชื่อ ส. ผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท กับทั้งเมื่อจำเลยส่งการ์ดบัญชีมาให้โจทก์ โจทก์มิได้ตรวจสอบดูรายการถอนเงินว่าถูกต้องหรือไม่ จึงเป็นความประมาทของโจทก์ที่ทำให้ ค. ปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายได้ โจทก์จึงเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกลายมือชื่อปลอมขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1008 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5763/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมยกทรัพย์สินตัดสิทธิทายาทโดยธรรม การตั้งผู้จัดการมรดกตามเจตนาผู้ตาย
แม้ผู้ร้องเป็นบุตรของผู้ตาย แต่เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ อ. แต่ผู้เดียว และห้ามบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง ผู้ร้องจึงเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกและไม่มีฐานะเป็นทายาทที่จะร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713
เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมมีข้อกำหนดให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกและผู้คัดค้านไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามมิให้เป็น ผู้จัดการมรดก จึงสมควรให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกตามเจตนาของผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3299/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมยกทรัพย์สินตัดสิทธิทายาท: สิทธิในการเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกทั้งหมดให้ผู้คัดค้านแล้ว ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1608 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3254/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถูกตัดสิทธิรับมรดกจากพินัยกรรม
แม้ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายและเป็นผู้ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย แต่เมื่อผู้ตายได้ทำพินัยกรรมจำหน่ายทรัพย์มรดกทั้งหมดให้ผู้คัดค้านแล้ว ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1608 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องต่อศาล ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีภาษีอากร: การฟ้องก่อนการประเมินอากรตัดสิทธิการประเมินและอุทธรณ์
การที่เจ้าพนักงานของจำเลยให้โจทก์นำหนังสือค้ำประกันมาวางเป็นประกันการชำระภาษีอากร เป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 112 ที่ให้อำนาจไว้และเจ้าพนักงานของจำเลยย่อมมีอำนาจประเมินเงินอากรและแจ้งให้โจทก์ชำระตามมาตรา 112 ทวิ เมื่อโจทก์ไม่พอใจ โจทก์มีอำนาจอุทธรณ์คัดค้านได้ตามมาตรา 112 ทวิวรรคสาม การที่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเจ้าพนักงานของจำเลยเรียกประกันตามมาตรา 112 จึงเป็นการตัดสิทธิในการประเมินของเจ้าพนักงาน และตัดสิทธิโจทก์ในการอุทธรณ์คัดค้านการประเมิน ซึ่งกฎหมายมิได้มีเจตนารมณ์เช่นนั้นดังนั้นการที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนเจ้าหน้าที่เองจำเลยประเมินเงินอากรและแจ้งให้โจทก์ชำระตามมาตรา 112 ทวิ วรรคหนึ่งกรณียังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีภาษีอากร: การฟ้องคดีก่อนการประเมินอากรตัดสิทธิการอุทธรณ์
การที่เจ้าพนักงานของจำเลยให้โจทก์นำหนังสือค้ำประกันมาวางเป็นประกันการชำระภาษีอากรเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 112 ที่ให้อำนาจไว้ และเจ้าพนักงานของจำเลยย่อมมีอำนาจประเมินเงินอากรและแจ้งให้โจทก์ชำระตามมาตรา 112 ทวิ เมื่อโจทก์ไม่พอใจ โจทก์มีอำนาจอุทธรณ์คัดค้านตามมาตรา 112 ทวิ วรรคสาม การที่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเจ้าพนักงานของจำเลยเรียกประกันตาม มาตรา 112 จึงเป็นการตัดสิทธิในการประเมินของเจ้าพนักงาน และตัดสิทธิโจทก์ในการอุทธรณ์คัดค้านการประเมินซึ่งกฎหมายมิได้มีเจตนารมณ์เช่นนั้น ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมินเงินภาษีอากรและแจ้งให้โจทก์ชำระตามมาตรา 112 ทวิ วรรคหนึ่ง จึงยังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 แล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีภาษีอากร: การฟ้องก่อนการประเมินอากรตัดสิทธิการอุทธรณ์และอำนาจเจ้าหน้าที่
การที่เจ้าพนักงานของจำเลยให้โจทก์นำหนังสือค้ำประกันมาวางเป็นประกันการชำระภาษีอากร เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 112 ที่ให้อำนาจไว้ และเจ้าพนักงานของจำเลยย่อมมีอำนาจประเมินเงินอากรและแจ้งให้โจทก์ชำระตามมาตรา 112 ทวิ เมื่อโจทก์ไม่พอใจ โจทก์มีอำนาจอุทธรณ์คัดค้านได้ตาม มาตรา 112 ทวิ วรรคสาม การที่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเจ้าพนักงานของจำเลยเรียกประกันตามมาตรา 112 จึงเป็นการตัดสิทธิในการประเมินของเจ้าพนักงาน และตัดสิทธิโจทก์ในการอุทธรณ์คัดค้านการประเมิน ซึ่งกฎหมายมิได้มีเจตนารมณ์เช่นนั้น ดังนั้นการที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมินเงินภาษีอากรและแจ้งให้โจทก์ชำระตามมาตรา 112 ทวิ วรรคหนึ่ง จึงยังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4164/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักย้ายปิดบังทรัพย์มรดกโดยเจตนาทำให้ทายาทอื่นเสียประโยชน์ ทำให้ถูกตัดสิทธิการรับมรดก
จำเลยเป็นภรรยา อ. ไม่มีบุตรด้วยกันเมื่อ อ. ตายศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของ อ. จำเลยจึงได้จดทะเบียนโอนที่ดินมรดกของ อ. มาเป็นของจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกต่อมาจำเลยไปขอรับมรดกของ อ. ในฐานะเป็นทายาทโดยให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานที่ดินและรับรองบัญชีเครือญาติว่า จำเลยเป็นทายาทของ อ. ทายาทอื่นนอกจากนี้ไม่มีทั้งที่จำเลยก็ทราบว่า อ. มีโจทก์เป็นบุตรบุญธรรมเป็นทายาทอีกคนหนึ่ง เป็นผลให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนที่ดินมรดกของ อ. ให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียว ส่วนทรัพย์มรดกอื่น ๆ จำเลยก็ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่ใช่ของ อ.ถือได้ว่าจำเลยได้ยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกมากกว่าในส่วนที่ตนจะได้โดยฉ้อฉลหรือรู้อยู่ว่าตนทำให้เสื่อมประโยชน์ของทายาทอื่นจึงต้องถูกกำจัดมิให้ได้มรดกเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1605.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การที่จำเลยไม่ยกข้อต่อสู้เรื่องสิทธิบอกเลิกสัญญาในชั้นศาลชั้นต้น ทำให้ข้อนั้นตัดสิทธิการอุทธรณ์ตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีในเรื่องโจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบ หรือ ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีไว้ชัดแจ้ง และเมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเพียง 3 ข้อ ซึ่งไม่มีข้อพิพาทในเรื่องดังกล่าว จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้ง ต้องถือว่าปัญหาเรื่องโจทก์ยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหรือบอกเลิกสัญญาไม่ชอบ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2688/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินบำเหน็จกับการเรียกร้องค่าชดเชย: กฎและข้อบังคับบริษัทตัดสิทธิลูกจ้างหรือไม่
กฎและข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัทจำเลยมีว่าพนักงานที่ได้รับการปลดเกษียณจะได้รับเงินบำเหน็จหรือค่าชดเชยอื่นๆ ในการเลิกจ้าง ทั้งนี้จำเลยจะจ่ายให้เพียงจำนวนใดจำนวนหนึ่งที่มากกว่า ฉะนั้น การที่จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จแต่อย่างเดียวหามีผลเป็นการจ่ายค่าชดเชยด้วยไม่
of 6