พบผลลัพธ์ทั้งหมด 43 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2338/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อหุ้นและเบิกเงินเกินบัญชี: สัญญาต่างตอบแทน มิใช่ตัวการตัวแทน อายุความ 10 ปี
บริษัท อ. ทำสัญญากับโจทก์รวม 3 ฉบับโดยมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้ค้ำประกันสัญญาทั้ง 3 ฉบับระหว่างโจทก์และบริษัท อ.มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการผลประโยชน์ตอบแทนซึ่งกันและกันโดยบริษัท อ. ต้องการเก็บกำไรจากการซื้อหุ้น แต่บริษัท อ.ไม่มีเงินจึงขอเบิกเงินจากโจทก์ทำนองเบิกเงินเกินบัญชีเพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นแต่ถ้าโจทก์จ่ายเงินให้บริษัท อ. ไปซื้อหุ้นด้วยตนเองแล้วโจทก์จะไม่มีหลักประกัน โจทก์จึงทำหน้าที่ซื้อหุ้นตามคำสั่งของบริษัท อ. เพื่อยึดใบหุ้นเป็นหลักประกันและตีราคามูลค่าหุ้นที่ยึดไว้เป็นหลักประกันเพียงร้อยละ 75 ส่วนอีกร้อยละ 25 บริษัท อ. ต้องเอาเงินมาฝากเข้าบัญชีกับโจทก์ และถ้าหุ้นมีมูลค่าลดลงต่ำกว่าร้อยละ 75 บริษัท อ. ต้องเพิ่มเงินฝากเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 25 เพื่อให้โจทก์มีหลักประกันเต็มจำนวนร้อย ผลประโยชน์ที่โจทก์ได้รับตามสัญญาคือได้ดอกเบี้ยและค่าชักส่วนลดจากยอดเงินที่บริษัท อ. เป็นหนี้โจทก์ส่วนบริษัท อ. มีเงินเพียงร้อยละ 25 ก็สามารถซื้อหุ้นมีมูลค่าเต็มจำนวนร้อยเพื่อหวังเก็บกำไรได้ การที่โจทก์ซื้อหุ้นแทนบริษัท อ. นั้น. เป็นเพียงข้อตกลงส่วนหนึ่งของสัญญาระหว่างโจทก์กับบริษัท อ. เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์เท่านั้นไม่อาจแยกออกเป็นเอกเทศได้ การที่โจทก์ฟ้องเรียกหนี้ที่บริษัท อ. เป็นหนี้ตามสัญญาดังกล่าว จึงไม่เข้าลักษณะเอกเทศสัญญาในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่เป็นสัญญาต่างตอบแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 369 ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปีตามมาตรา 164(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาโดยผู้รับมอบอำนาจที่ไม่ใช่ทนายความ: คำฟ้องสมบูรณ์ตามกฎหมาย
โจทก์มอบอำนาจให้ พ.ซึ่งถูกลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความฟ้องและดำเนินคดีอาญาแทน การที่ พ.ลงชื่อเป็นผู้เรียงคำฟ้อง มิใช่เรื่องว่าความอย่างทนายความฐานะในคดีระหว่างโจทก์กับ พ.มีนิติสัมพันธ์ต่อกันฉันตัวการตัวแทน เมื่อตัวการยื่นฟ้องคดีอาญา ตัวการเรียงหรือแต่งคำฟ้องไปยื่นต่อศาลได้ ตัวแทนก็ย่อมมีสิทธิกระทำได้เช่นเดียวกันคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแรงงาน: ความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงฯ กับคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ มิใช่ตัวการตัวแทน
กระทรวงมหาดไทยจำเลยแต่งตั้งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ เพื่อทำหน้าชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน ฯลฯ เป็นการปฏิบัติการตามบทบัญญัติของกฎหมาย คณะกรรมการสัมพันธ์ที่จำเลยแต่งตั้งมีอำนาจและหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ หาใช่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวการและตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ แต่เป็นการที่จำเลยและคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ต่างก็จะต้องปฏิบัติตามอำนาจและหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1348/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับบริษัท แต่บริษัทให้สัตยาบันแล้วมีผลผูกพันตามหลักตัวการตัวแทน
สัญญาที่กรรมการบริษัทแต่นายเดียวลงชื่อในสัญญาไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัทซึ่งกำหนดไว้ว่าต้องมีกรรมการ 2 นายลงชื่อจึงจะผูกมัดบริษัท กรรมการที่ลงชื่อโดยไม่ถูกต้องตามข้อบังคับบริษัทนั้นจึงไม่อยู่ในฐานะผู้แทนของบริษัท สัญญานั้นจึงไม่ผูกมัดบริษัท แต่เมื่อบริษัทได้ให้สัตยาบันสัญญานั้นโดยเข้าครอบครองทรัพย์ตามสัญญานั้นแล้วเมื่อใดกรรมการผู้มีชื่อในสัญญานั้นก็กลับมีฐานะเป็นตัวแทนของบริษัท จึงผูกพันบริษัทตามลักษณะตัวการตัวแทนตามมาตรา 823
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1348/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่กรรมการลงชื่อไม่ถูกต้อง แต่บริษัทให้สัตยาบันแล้วผูกพันได้ตามลักษณะตัวการตัวแทน
สัญญาที่กรรมการบริษัทแต่นายเดียวลงชื่อในสัญญาไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัทซึ่งกำหนดไว้ว่าต้องมีกรรมการ 2 นายลงชื่อจึงจะผูกมัดบริษัท กรรมการที่ลงชื่อโดยไม่ถูกต้องตามข้อบังคับบริษัทนั้นจึงไม่อยู่ในฐานะผู้แทนของบริษัท สัญญานั้นจึงไม่ผูกมัดบริษัท แต่เมื่อบริษัทได้ให้สัตยาบันสัญญานั้นโดยเข้าครอบครองทรัพย์ตามสัญญานั้นแล้วเมื่อใดกรรมการผู้มีชื่อในสัญญานั้นก็กลับมีฐานะเป็นตัวแทนของบริษัท จึงผูกพันบริษัทตามลักษณะตัวการตัวแทนตามมาตรา 823
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากสัญญาฝากทรัพย์ ตัวการตัวแทน ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินเลยถึงตัวการที่ไม่เคยอุทธรณ์
ฟ้องโจทก์กล่าวไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในกรมสรรพสามิตต์ จำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน จำเลยที่ 2 ได้รับฝากเงินของโจทก์ไว้ในหน้าที่ราชการ แล้วไม่คืนให้โจทก์ จึงขอให้จำเลยทั้ง 2 ร่วมกันรับผิดชดใช้เงินจำนวนนี้ ดังนี้ เป็นการหาเรื่องผิดสัญญา ไม่ใช่ละเมิด และเป็นการฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นตัวการ จำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 จึงต้องนำ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 820 มาใช้บังคับ คือจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา 245
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา 245
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของข้าราชการฐานรับฝากเงินและละเมิดสัญญา การแบ่งแยกความรับผิดระหว่างตัวการและตัวแทน
ฟ้องโจทก์กล่าวไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในกรมสรรพสามิตจำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน จำเลยที่ 2 ได้รับฝากเงินของโจทก์ไว้ในหน้าที่ราชการ แล้วไม่คืนให้โจทก์ จึงขอให้จำเลยทั้ง2ร่วมกันรับผิดชดใช้เงินจำนวนนี้ ดังนี้ เป็นการหาเรื่องผิดสัญญา ไม่ใช่ละเมิดและเป็นการฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นตัวการ จำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวแทนจำเลยที่1 จึงต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 มาใช้บังคับ คือจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา245
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา245
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการตัวแทน สิทธิของเจ้าหนี้ต่อตัวแทนเมื่อบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว
โจทย์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากห้องเช่าของโจทก์จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ผู้เช่าตามหนังสือสัญญาเช่าความจริง จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการเช่าห้องรายนี้ แต่มิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รู้ถึงการที่จำเลยที่ 1 เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 2 มาก่อน กรณีจึงเข้าลักษณะตัวการตัวแทนตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 806 ฉะนั้นเมื่อโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 1 เสร็จไปแล้ว จำเลยที่ 2 จะมาอ้างเพื่อให้เสื่อมเสียสิทธิของโจทก์อันเขามีแก่จำเลยที่ 1หาได้ไม่ จึงไม่จำต้องสืบพยานตามข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการตัวแทนในสัญญาเช่า: การบอกเลิกสัญญาที่มีผลต่อทั้งตัวการและตัวแทน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากห้องเช่าของโจทก์จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ผู้เช่าตามหนังสือสัญญาเช่าความจริงจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่2 ในการเช่าห้องรายนี้ แต่มิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รู้ถึงการที่จำเลยที่ 1 เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 2 มาก่อน กรณีจึงเข้าลักษณะตัวการตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 ฉะนั้นเมื่อโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 1 เสร็จไปแล้ว จำเลยที่ 2 จะมาอ้างเพื่อให้เสื่อมเสียสิทธิของโจทก์อันเขามีแก่จำเลยที่ 1 หาได้ไม่ จึงไม่จำต้องสืบพยานตามข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้แทนผู้อื่นตามหลักตัวการตัวแทน ไม่เข้าข้อยกเว้นการกู้ยืมที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
+ไห้เขาเอาเงินของเขาชำระหนี้แทนตนนั้น ไม่เข้าลักสนะกู้ยืน แต่เปนเรื่องตัวการตัวแทน ผู้ออกเงินไช้หนี้ไป มาฟ้องเรียกได้ โดยไม่ต้องมีหลักถานเปนหนังสือ.