พบผลลัพธ์ทั้งหมด 135 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2512/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของนิติบุคคลต่อการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ ตำรวจนอกหน้าที่
นิติบุคคลจะรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของนิติบุคคลได้กระทำให้เกิดความเสียหายหรือทำละเมิดขณะทำการตามหน้าที่และอยู่ภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของนิติบุคคลเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76
พลตำรวจ ว. กับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นตำรวจไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยที่บ้านซึ่งจัดงาน แต่ตำรวจทั้ง 3 ดื่มสุรามึนเมามีเรื่องทะเลาะกับพวกชาวบ้านจนเจ้าภาพต้องเชิญให้กลับออกไป เมื่อไปถึงถนนพลตำรวจ ว. ได้กระชากลูกเลื่อนปืนในลักษณะข่มขู่พวกชาวบ้านเป็นเหตุให้ปืนลั่น 1 นัดกระสุนปืนไปถูกโจทก์ซึ่งนั่งอยู่ในบ้านงานได้รับบาดเจ็บพิการไปตลอดชีวิต การที่พลตำรวจ ว. กระทำดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพลตำรวจ ว.และไม่เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์ของกรมตำรวจจำเลยที่ 1 กรมตำรวจจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
พลตำรวจ ว. กับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นตำรวจไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยที่บ้านซึ่งจัดงาน แต่ตำรวจทั้ง 3 ดื่มสุรามึนเมามีเรื่องทะเลาะกับพวกชาวบ้านจนเจ้าภาพต้องเชิญให้กลับออกไป เมื่อไปถึงถนนพลตำรวจ ว. ได้กระชากลูกเลื่อนปืนในลักษณะข่มขู่พวกชาวบ้านเป็นเหตุให้ปืนลั่น 1 นัดกระสุนปืนไปถูกโจทก์ซึ่งนั่งอยู่ในบ้านงานได้รับบาดเจ็บพิการไปตลอดชีวิต การที่พลตำรวจ ว. กระทำดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพลตำรวจ ว.และไม่เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์ของกรมตำรวจจำเลยที่ 1 กรมตำรวจจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3294/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตำรวจติดยาชิงทรัพย์ยิงคนตาย ศาลฎีกายืนประหารชีวิต เหตุรับสารภาพเพราะหลักฐาน ไม่ใช่สำนึกผิด
จำเลยเป็นตำรวจติดเฮโรอีน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ และยิงเข้าไปในร้านค้าทองในเวลากลางวัน ถูกคนในร้านถึงตาย ถูกจับในวันเดียวกัน และค้นได้ของกลางที่บ้านบิดาจำเลย เหตุที่จำเลยยอมรับสารภาพก็เพราะจำนนต่อหลักฐาน หาใช่เพราะสำนึกผิดและเพื่อบรรเทาผลร้ายไม่ จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2073/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตำรวจก่อเหตุวิวาทก่อนแล้วยิงฆ่าประชาชน ศาลไม่รับฟังเหตุบันดาลโทสะ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ปลุก ท.ซึ่งนอนหลับอยู่บนม้านั่งของตู้รถไฟโดยใช้มือเขย่าและใช้ปืนพกจี้พร้อมกับจับคอเสื้อท. ดึงกับใช้คำพูดที่ไม่สมควร ท.ตื่นขึ้นด่าจำเลยด้วยถ้อยคำหยาบคาย เมื่อ จำเลย ลงจากรถไฟได้ท้าทายให้ ท. ตามลงไปที่ชานชาลาของสถานีรถไฟ เมื่อท. ไม่ยอมลงจำเลยก็ใช้ปืนพกยิง ท. จนถึงแก่ความตาย การกระทำ ของจำเลย เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ เจ้าพนักงานตำรวจ พึงปฏิบัติต่อราษฎร นับได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนและสมัครใจ เพื่อเข้าวิวาทกับ ท. โดยตรง และกระทำไปโดยโมหจริตลืมตัว จึงจะอ้างเหตุบันดาลโทสะหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมตัวพระสงฆ์โดยตำรวจและชาวบ้าน: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง
พระภิกษุเจ้าอาวาสไปสนทนากับหญิงบนบ้านในเวลากลางคืนจำเลยซึ่งเป็นตำรวจและชาวบ้านออกประกาศโฆษณาทางเครื่องขยายเสียงว่าโจทก์กระทำผิดวินัยสงฆ์ และไม่ยอมให้โจทก์กลับวัด ไม่ยอมให้ลงจากบ้าน แล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่าโจทก์กระทำผิดพระวินัย จึงได้ควบคุมโจทก์ไว้ก่อนเพื่อป้องกันเหตุร้ายอันอาจเกิดขึ้นได้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของชุมชน ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,309,310 เมื่อศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยกลั่นแกล้งโจทก์ ทั้งที่โจทก์มิได้กระทำผิดพระวินัยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนคดีภาษีอากรของตำรวจ: ต้องมีคำขอจากเจ้าพนักงานสรรพากรเท่านั้น
เจ้าพนักงานตำรวจจะดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรได้ก็ต่อเมื่อเจ้าพนักงานตามประมวลรัษฎากรซึ่งมีเฉพาะแต่ข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกรมสรรพากร ร้องขอเท่านั้น หาได้มีข้อยกเว้นให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับได้ โดยไม่ต้องมีหมายจับในกรณีความผิดซึ่งหน้าแต่อย่างใดไม่ ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังได้เป็นยุติว่า เจ้าพนักงานตามประมวลรัษฎากร มิได้มีคำขอให้ดำเนินคดีแต่อย่างใด เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีการสอบสวนที่ได้กระทำไป จึงไม่ชอบพนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2525)
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2525)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนคดีภาษีอากรของตำรวจ: ต้องมีคำขอจากเจ้าพนักงานสรรพากรเท่านั้น
เจ้าพนักงานตำรวจจะดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรได้ก็ต่อเมื่อเจ้าพนักงานตามประมวลรัษฎากรซึ่งมีเฉพาะแต่ข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกรมสรรพากร ร้องขอเท่านั้น หาได้มีข้อยกเว้นให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับได้โดยไม่ต้องมีหมายจับในกรณีความผิดซึ่งหน้าแต่อย่างใดไม่ ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังได้เป็นยุติว่าเจ้าพนักงานตามประมวลรัษฎากรมิได้มีคำขอให้ดำเนินคดีแต่อย่างใดเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีการสอบสวนที่ได้กระทำไปจึงไม่ชอบพนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2525)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3391/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าสินไหมทดแทนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำละเมิดถึงแก่ความตาย จำเลยมีหน้าที่ชดใช้ค่าปลงศพ แม้จัดงานศพให้แล้ว
บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายเนื่องจากผลแห่งการกระทำการตามหน้าที่ของผู้แทนกรมตำรวจจำเลย จำเลยจึงมีหน้าที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่น ๆ ให้โจทก์ซึ่งมีหน้าที่จัดการปลงศพของผู้ตายแม้จำเลยได้จัดงานศพให้ผู้ตายไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่เงินที่ใช้จ่ายไปในการจัดงานศพก็เป็นเงินที่ได้รับบริจาคมาจากผู้มาทำบุญในงานศพนั้น หาใช่เงินของจำเลยไม่จำเลยยังมีหน้าที่ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพให้แก่โจทก์ จะยกเอากรณีมีผู้บริจาคเงินให้มาเป็นข้อปัดความรับผิดของจำเลยหาได้ไม่
ตามกฎหมายกำหนดให้จำเลยมีหน้าที่ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพให้แก่โจทก์หรือทายาทอื่น ๆ ของผู้ตาย มิใช่กำหนดให้จำเลยมีหน้าที่จัดงานศพให้ผู้ตาย การที่โจทก์สมัครใจรับศพผู้ตายไปทำพิธีเผาเอง จำเลยก็มีหน้าที่ต้องชำระค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวให้โจทก์
ตามกฎหมายกำหนดให้จำเลยมีหน้าที่ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพให้แก่โจทก์หรือทายาทอื่น ๆ ของผู้ตาย มิใช่กำหนดให้จำเลยมีหน้าที่จัดงานศพให้ผู้ตาย การที่โจทก์สมัครใจรับศพผู้ตายไปทำพิธีเผาเอง จำเลยก็มีหน้าที่ต้องชำระค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2985/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าเนื่องจากจำเลยนำตำรวจจับกุมโจทก์ตามข้อกล่าวหาของบิดามารดา ถือเป็นการหมิ่นประมาทและทำให้โจทก์ยากจนลง
การที่บิดามารดาจำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจกล่าวหาว่าโจทก์ลักทรัพย์แม้จะมิใช่เหตุที่โจทก์จะยกขึ้นอ้างเพื่อฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับจำเลยก็ตามแต่การที่จำเลยนำตำรวจไปจับกุมโจทก์ตามข้อกล่าวหาของบิดามารดานั้น การกระทำของจำเลยย่อมถือได้ว่าเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นต่อเกียรติยศและชื่อเสียงของโจทก์ อันเป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1516(3)
โจทก์เพิ่งจะหางานทำได้หลังจากที่แยกกันอยู่กับจำเลยจึงติดใจขอค่าเลี้ยงชีพจากจำเลย จำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น กรณีถือได้ว่าการหย่าทำให้โจทก์ยากจนลง เพราะไม่มีรายได้จากการงานตามที่เคยทำอยู่ในระหว่างสมรส เมื่อเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของจำเลยจำเลยจึงต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526
โจทก์เพิ่งจะหางานทำได้หลังจากที่แยกกันอยู่กับจำเลยจึงติดใจขอค่าเลี้ยงชีพจากจำเลย จำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น กรณีถือได้ว่าการหย่าทำให้โจทก์ยากจนลง เพราะไม่มีรายได้จากการงานตามที่เคยทำอยู่ในระหว่างสมรส เมื่อเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของจำเลยจำเลยจึงต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานตำรวจเรียกรับเงินเพื่อปล่อยตัวผู้ต้องหา เป็นความผิดตามมาตรา 149
จำเลยเป็นตำรวจประจำการกองร้อย 4 กก. อารักขาและความปลอดภัยบก.สายตรวจปฏิบัติการพิเศษตำแหน่งลูกแถว ย่อมมีอำนาจสืบสวนคดีอาญา และมีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหรือหมายค้นในเมื่อเป็นความผิดซึ่งหน้าแม้ที่เกิดเหตุจะเป็นที่รโหฐาน การที่จำเลยไปพบจ.กับพวกกำลังเล่นการพนันในห้องชั้นบนบ้าน อันเป็นที่รโหฐานและจับกุม จ. กับพวกในข้อหาดังกล่าว ย่อมเรียกได้ว่าเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ เมื่อจำเลยเรียกและรับเงินจาก จ. แล้วปล่อยตัว จ. กับพวกโดยไม่ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 157 มาด้วย ก็ไม่จำต้องปรับบทด้วยมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 157 มาด้วย ก็ไม่จำต้องปรับบทด้วยมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตำรวจจับกุมและเรียกรับสินบน: ความผิดตามมาตรา 149
จำเลยเป็นตำรวจประจำการกองร้อย 4 กก. อารักขาและความปลอดภัยบก.สายตรวจปฏิบัติการพิเศษตำแหน่งลูกแถวย่อมมีอำนาจสืบสวนคดีอาญา และมีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหรือหมายค้นในเมื่อเป็นความผิดซึ่งหน้าแม้ที่เกิดเหตุจะเป็นที่รโหฐาน การที่จำเลยไปพบจ. กับพวกกำลังเล่นการพนันในห้องชั้นบนบ้าน อันเป็นที่รโหฐานและจับกุม จ. กับพวกในข้อหาดังกล่าว ย่อมเรียกได้ว่าเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ เมื่อจำเลยเรียกและรับเงินจาก จ. แล้วปล่อยตัว จ. กับพวกโดยไม่ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 157 มาด้วย ก็ไม่จำต้องปรับบทด้วยมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 157 มาด้วย ก็ไม่จำต้องปรับบทด้วยมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก