คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ต่อสู้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 137 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีหยุดพักผ่อนประจำปี ต้องมีการโต้แย้งสิทธิก่อน การให้การต่อสู้ภายหลังไม่ถือเป็นการโต้แย้ง
ลูกจ้างไม่เคยยื่นความจำนงขอหยุดพักผ่อนประจำปีตามสิทธิของตนมาก่อน และไม่ปรากฏว่านายจ้างปฏิเสธมิให้ลูกจ้างหยุดพักผ่อนประจำปี ดังนี้ นายจ้างยังมิได้โต้แย้งสิทธิของลูกจ้าง ลูกจ้างจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนที่นายจ้างให้การว่าลูกจ้างไม่มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีเพราะมีวันลา เกินกำหนดเป็นเพียงข้อต่อสู้ที่ยกขึ้นภายหลังลูกจ้างฟ้องคดีแล้ว จะถือเป็นข้ออ้างว่านายจ้างโต้แย้งสิทธิของลูกจ้างหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าทายให้ต่อสู้ไม่ใช่การขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
คำพูดของจำเลยที่ว่า "ฮากับคิง สู้กันที่ถนนในหมู่บ้าน คิงกับฮาต้องตายไปข้างหนึ่ง" หาใช่เป็นการขู่เข็ญตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 ไม่ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าทายต่อสู้ไม่ใช่การขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
คำพูดของจำเลยที่ว่า "ฮากับคิงสู้กันที่ถนนในหมู่บ้านคิงกับฮาต้องตายไปข้างหนึ่ง" หาใช่เป็นการขู่เข็ญตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 ไม่ ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชุลมุนวิวาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การเข้าร่วมการต่อสู้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ใช้สิ่งของขว้างปากับกลุ่มคนที่ทะเลาะวิวาทกัน เป็นการเข้าร่วมในการชุลมุนวิวาทด้วย เมื่อเป็นเหตุให้มีคนตาย เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1793/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และทำร้ายร่างกาย
ฟ้องว่าจำเลยเมาสุราประพฤติวุ่นวาย ตำรวจจับจำเลยจำเลยต่อสู้และทำร้ายตำรวจผู้กระทำการตามหน้าที่ ได้ความว่าจำเลยไม่เมาสุราแต่ไม่ยอมเสียค่าเข้าดูภาพยนตร์ตำรวจขอค้นเป้จำเลยไม่ยอมให้ค้นแล้วทำร้ายตำรวจ จึงไม่ใช่การที่ตำรวจทำการตามหน้าที่ตามฟ้อง ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ที่ไม่สมบูรณ์: จำเลยมีสิทธิสืบพยานเพื่อต่อสู้ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันให้ชำระเงินคืน จำเลยทั้งสองให้การใจความว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้และจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันให้โจทก์ไว้จริง โดยโจทก์ตกลงซื้อไม้แปรรูปจากจำเลยที่ 1 และได้วางมัดจำไว้ 50,000 บาท แต่โจทก์ขอให้จำเลยเขียนเป็นสัญญากู้ให้โจทก์ยึดถือเป็นหลักฐานการวางมัดจำ ครั้นเมื่อจำเลยส่งมอบไม่ให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์กลับไม่ยอมตรวจรับไม้ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกัน ตามคำให้การของจำเลยเท่ากับต่อสู้ว่าสัญญากู้และค้ำประกันตามฟ้องไม่สมบูรณ์ ซึ่งจำเลยมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้ว่าสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ จำเป็นต้องสืบพยานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันให้ชำระเงินคืน จำเลยทั้งสองให้การใจความว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้และจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันให้โจทก์ไว้จริงโดยโจทก์ตกลงซื้อไม้แปรรูปจากจำเลยที่ 1 และได้วางมัดจำไว้ 50,000 บาท แต่โจทก์ขอให้จำเลยเขียนเป็นสัญญากู้ให้โจทก์ยึดถือเป็นหลักฐานการวางมัดจำ ครั้นเมื่อจำเลยส่งมอบไม้ให้โจทก์ตามสัญญาโจทก์กลับไม่ยอมตรวจรับไม้ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันตามคำให้การของจำเลยเท่ากับต่อสู้ว่าสัญญากู้และค้ำประกันตามฟ้องไม่สมบูรณ์ซึ่งจำเลยมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461-2462/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์, ครอบครองอาวุธปืน, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, และการเสียชีวิตของตัวประกัน
ขณะเข้าปล้น จำเลยที่ 1 ถือปืนสั้น จำเลยที่ 2 ถือปืนยาว ต่อมาในขณะถูกจับพบปืนลูกซองสั้นข้างตัวจำเลยที่ 1 ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2 นัด ส่วนจำเลยที่ 2 มีปืนลูกซองยาวอยู่ที่หว่างขา ค้นตัวพบกระสุนปืนลูกซอง 2นัด แม้ปืนลูกซองยาวจะเป็นปืนของเจ้าทรัพย์และมีทะเบียน แต่จำเลยที่ 2 นำมาไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเช่นนี้ก็เป็นความผิด จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
จำเลยทั้งสองร่วมทำการปล้นทรัพย์ แล้วบังคับเอาตัวเจ้าทรัพย์และบุตรไปเป็นตัวประกัน แม้ที่เกิดเหตุปล้นทรัพย์จะอยู่ในเขตหมู่ 4 แต่ตำรวจติดตามพบคนร้ายในคืนนั้นเอง ในเขตหมู่ 9 เกิดยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้บุตรผู้เสียหายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ก็ต้องถือว่าขณะนั้นการปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอน เพราะยังอยู่ในระหว่างที่ถูกคนร้ายขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายและบุตร และเพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์ที่ถูกปล้นไป ทั้งเพื่อให้คนร้ายพ้นจากการจับกุม แม้ไม่ได้ความชัดว่าบุตรผู้เสียหายถึงแก่ความตายเพราะกระสุนปืนของฝ่ายจำเลยหรือฝ่ายตำรวจ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกระทำการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยยิงไปโดยไม่เห็นตัวตำรวจ เพียงแต่รู้ว่าตำรวจยิงมาเท่านั้นเป็นการยิงสุ่มๆ ไปเพื่อขัดขวางมิให้ตำรวจเข้าจับกุม จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ ปืนของผู้เสียหาย การต่อสู้ขัดขวางการจับกุม และการส่งต่อปืนให้บิดา ไม่ถือว่ามีความผิดฐานลักทรัพย์
ผู้เสียหายเป็นนายตรวจสรรพสามิต จับจำเลยที่ 2 ในข้อหามีสุราผิดกฎหมายขณะหาไปจวนถึงหน้าร้านจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ล้วงปืนพกของผู้เสียหายด้วยเจตนาต่อสู้ขัดขวางการจับกุม มิได้มีเจตนาลัก แล้ววิ่งหนีไปส่งปืนให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นบิดา เป็นเวลากระทันหันในทันทีทันใด ไม่มีพฤติการณ์ให้รู้มาก่อนว่าจำเลยที่ 2 ถูกจับแล้วหนีมา ผู้เสียหายไม่แต่งเครื่องแบบ ทั้งไม่ได้แจ้งให้ทราบว่าปืนนั้นเป็นของตน การที่ผู้เสียหายเข้าแย่งปืนจำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้นั้นน่าจะเพื่อมิให้เกิดเหตุร้ายเท่านั้น การที่จำเลยเอาปืนไว้ภายหลังจากที่ผู้เสียหายไปแจ้งความ ไม่พอถือว่ามีเจตนาทุจริตลักเอาปืนนั้นไว้ แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะต่อสู้คดีว่ามิได้เอาปืนไว้และผู้เสียหายยังไม่ได้ปืนคืน ก็ไม่พอบ่งว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ศาลมีอำนาจสั่งให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาปืนแก่ผู้เสียหายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้และบันดาลโทสะ: การอ้างการป้องกันตัวไม่สำเร็จ แต่ได้รับการลดโทษจากเหตุข่มเหง
ผู้ตายเมาสุรามาด่าจำเลยโดยไม่ออกชื่อ แล้วเข้าบ้านไปถือมีดดาบมาท้าทายจำเลยอีก จำเลยถือไม้ไผ่ด้ามพลั่วอันหนึ่งเดินไปหาผู้ตาย ต่างพูดท้าทายกัน แล้วผู้ตายใช้มีดดาบฟันจำเลยก่อน จำเลยหลบทันและล้มลงยังพื้นดิน แล้วจำเลยลุกขึ้นใช้ไม้ไผ่ที่ถือมานั้นตีผู้ตายถึงแก่ความตาย การที่จำเลยถือไม้เดินไปหาผู้ตาย เป็นการแสดงความสมัครใจจะต่อสู้กับผู้ตายจำเลยจะอ้างการป้องกันไม่ได้ แต่การที่ผู้ตายมาด่าจำเลยแล้วกลับไปเอามีดดาบมาท้าทายจำเลยอีก และยังเป็นฝ่ายลงมือฟันจำเลยก่อนด้วย เช่นนี้ เป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ต้องถือว่าที่จำเลยตีผู้ตายไปในขณะนั้นเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ
of 14