คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทรัพย์จำนอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับคดีจำนอง: บังคับได้เฉพาะทรัพย์จำนอง แม้ขายทอดตลาดแล้วยังขาดหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยนำที่ดินมีโฉนดมาจำนองไว้กับโจทก์จำเลยรับเงินไปครบถ้วนในวันทำสัญญาจำนอง ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยกู้เงินอีกต่อไป โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้และบังคับจำนอง และคำขอบังคับท้ายฟ้องโจทก์ขอว่า หากจำเลยไม่ชำระเงินให้ยึดที่ดินที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ แสดงว่าโจทก์ฟ้องบังคับจำนองประสงค์จะบังคับคดีเอาจากทรัพย์จำนองเท่านั้น โจทก์นำสืบพยานหลักฐานว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์โดยถือหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมด้วย เมื่อสัญญาดังกล่าวไม่มีข้อความว่าหากโจทก์บังคับชำระหนี้เอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ ก็ให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นได้ด้วย ดังนี้ เมื่อโจทก์บังคับคดีเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้ได้เงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันตามคำพิพากษา โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับคดีจำนอง: การบังคับคดีเอาจากทรัพย์จำนองเท่านั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยนำที่ดินมีโฉนดมาจำนองไว้กับโจทก์จำเลยรับเงินไปครบถ้วนในวันทำสัญญาจำนอง ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยกู้เงินอีกต่อไป โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้และบังคับจำนอง และคำขอบังคับท้ายฟ้อง โจทก์ขอว่า หากจำเลยไม่ชำระเงินให้ยึดที่ดินที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์แสดงว่าโจทก์ฟ้องบังคับจำนองประสงค์จะบังคับคดีเอาจากทรัพย์จำนองเท่านั้น โจทก์นำสืบพยานหลักฐานว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์โดยถือหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมด้วย เมื่อสัญญาดังกล่าวไม่มีข้อความว่าหากโจทก์บังคับชำระหนี้เอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ ก็ให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นได้ด้วย ดังนี้ เมื่อโจทก์บังคับคดีเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้ได้เงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกันตามคำพิพากษา โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้อีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จำนอง: การบังคับจำนองและการเฉลี่ยทรัพย์
จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้ทั้งหลายที่จำเลยมีต่อโจทก์หรือผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันต่อมาโจทก์และผู้ร้องได้แยกฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนองเป็นคดีนี้ กับอีก 2 คดีตามที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนอง ดังนั้น คำร้องทั้งสองฉบับดังกล่าวของผู้ร้องหาใช่เป็นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 ซึ่งผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดตามมาตรา 289 วรรคสองไม่ แต่เป็นคำร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองดังกล่าว ตามมาตรา 287 และเป็นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในฐานะผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเช่นเดียวกับโจทก์จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามมาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บังคับจำนอง: หากขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบเพิ่มเติม
คำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับจำเลยไถ่ถอนจำนอง ถ้าไม่ไถ่ถอนให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาด มิได้ขอด้วยว่าเมื่อบังคับจำนองเอาทรัพย์ซึ่งจำนองขายทอดตลาดได้ เงินสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระ ให้จำเลยรับผิดชอบใช้เงินที่ขาดอยู่จนครบและตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็มิได้พิพากษาให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยอีก ถือว่าเป็นการฟ้องบังคับจำนอง เมื่อขายทอดตลาดทรัยพ์จำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2596/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ การกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ และผลของการผิดนัด
สัญญาประนีประนอมยอมความทำกันในศาลเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2516 ความว่า จำเลยยอมชำระหนี้ให้โจทก์ภายใน 15 เดือนนับแต่วันทำสัญญา โดยให้นับ 30 วันเป็นหนึ่งเดือน ถ้าผิดนัด จำเลยยอมให้ทรัพย์จำนองหลุดและถือว่าหมดหนี้ต่อกัน ดังนี้ เมื่อจำเลยนำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ในวันที่ 21 ตุลาคม 2517 จึงถือว่าจำเลยผิดนัด จำเลยต้องยอมให้ทรัพย์จำนองหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์และถือว่าหมดหนี้ต่อกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
ข้อตกลงให้นับ 30 วันเป็นหนึ่งเดือนย่อมบังคับกันได้ไม่ถือว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนทั้งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 156 ก็บัญญัติให้นับระยะเวลาตามวิธีการที่กำหนดไว้ในนิติกรรมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลสร้างหนี้ใหม่ การบังคับคดีจากทรัพย์จำนองทำได้แม้ไม่ใช่ฟ้องบังคับจำนอง
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระหนี้จำนองแล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมชำระหนี้จำนองศาลพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้วดังนี้ถือว่าเป็นเพียงฟ้องในมูลหนี้สามัญและมี ผลทำให้หนี้เดิมระงับ เกิดหนี้ใหม่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์ย่อม บังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลย รวมทั้งทรัพย์ที่จำนองได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1683/2498, 127/2506 และ 989/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สังหาริมทรัพย์จำนองไม่ได้: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม แม้มีการต่อสู้เรื่องทรัพย์จำนองไม่ได้เพิ่มเติม
ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยตามสำนวนคดีแพ่งแดงที่ 328/2507 ของศาลจังหวัดว่าจำเลยทำสัญญาจำนองทรัพย์ไว้กับโจทก์(สัญญาฉบับเดียวกับที่ฟ้องคดีนี้) ขอให้ชำระดอกเบี้ยที่ค้างชำระเฉพาะ2 เดือน 5,000 บาท โดยไม่ได้ฟ้องขอบังคับจำนอง จำเลยให้การในคดีนั้นว่า สัญญาจำนองเป็นโมฆะ แต่ไม่ได้ยกข้อต่อสู้ว่าทรัพย์หมายเลข 2 ถึงเลข 7 จำนองกันไม่ได้ดังคำให้การในคดีนี้ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำนองตามสัญญาจำนองฉบับเดียวกับคดีก่อน ศาลชั้นต้นสั่งงดรอคดีนี้ไว้ฟังผลของคดีก่อน ในที่สุดศาลฎีกาพิพากษาคดีก่อนว่า โจทก์จำเลยไปจดทะเบียนนิติกรรมจำนองด้วยกันการกล่าวอ้างและข้อนำสืบของจำเลยไม่น่าเชื่อฟัง พิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ย 5,000 บาท ดังนี้ในคดีก่อนไม่มีประเด็นว่า ทรัพย์รายใดจำนองกันได้หรือไม่ได้ตามกฎหมาย เพราะมิใช่คดีฟ้องบังคับจำนองศาลฎีกาจึงชี้ขาดคดีก่อนเพียงในประเด็นว่า จำเลยได้ทำสัญญาจำนองโดยจดทะเบียนนิติกรรมไว้จริง ไม่ได้ชี้ขาดไปถึงว่า ทรัพย์ที่ระบุไว้ในสัญญาจำนองรายการใดจำนองกันได้หรือไม่ได้ แต่ในคดีนี้จำเลยได้ต่อสู้ด้วยว่า ทรัพย์หมายเลข 2 ถึงเลข 7 ไม่เป็นทรัพย์ที่อาจจำนองได้ ศาลจึงต้องชี้ขาดในประเด็นนี้อีก ไม่เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อน
เครื่องผสมอาหาร เรือยนต์ (ไม่ปรากฏระวางบรรทุก)เรือลำเลียงขนาด 2 ตัน เครื่องบดอาหาร รถยนต์บรรทุกและตู้ฟักไข่ไม่มีกฎหมายใดให้จดทะเบียนได้เฉพาะการ และไม่เป็นทรัพย์ที่จะจำนองได้
เมื่อคำขอท้ายฟ้องอุทธรณ์มากเกินกว่าที่จะได้ ศาลก็พิพากษาให้เท่าที่กล่าวในฟ้องได้ ไม่เป็นฟ้องอุทธรณ์เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1435/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้จากการบังคับคดี: วันที่ชำระหนี้เสร็จคือวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีรับเงิน ไม่ใช่จ่ายเงินให้เจ้าหนี้
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งดำเนินการตามหมายบังคับคดี ได้ทำการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลย รวมทั้งรับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไว้เพื่อชำระหนี้ให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำไปในฐานเป็นผู้แทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 จึงต้องถือว่าเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยซึ่งครบจำนวนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมด เป็นเงินที่โจทก์ได้รับชำระหนี้จากทรัพย์ของจำเลยเสร็จในวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาด และรับเงินไว้แทนโจทก์แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้โจทก์หลังจากวันนั้นอีกต่อไป ส่วนการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินให้โจทก์ในภายหลัง เป็นเรื่องของเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้แทนโจทก์เพิ่งส่งเงินที่รับไว้แทนโจทก์ให้แก่โจทก์ จึงถือเอาวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินให้โจทก์เป็นวันที่จำเลยชำระหนี้เสร็จตามคำพิพากษาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 707/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงขายทรัพย์จำนองก่อนกำหนด & การได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์
การที่ผู้จำนองตกลงให้ผู้รับจำนองขายทรัพย์ที่จำนองไว้ก่อนหนี้ถึงกำหนดชำระ เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 711 นั้นก็มีผลเพียงไม่สมบูรณ์โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องปฏิบัติตามข้อตกลงไม่ได้เท่านั้น แต่ถ้าผู้รับจำนองเอาทรัพย์นั้นขายให้แก่บุคคลอื่นตามข้อตกลง โดยผู้จำนองรู้เห็นด้วย และมิได้ทักท้วงอย่างใดทั้งผู้ซื้อก็ได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ โดยสงบและเปิดเผยเป็นเวลา 20 ปีแล้วดังนี้ ผู้ซื้อก็ได้กรรมสิทธิ์ ผู้จำนองจะรื้อฟื้นเอาความไม่สมบูรณ์นั้นมาว่ากล่าวขอไถ่ถอนจำนองอีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการบังคับคดีแก่ทรัพย์นอกจำนองเมื่อทรัพย์จำนองไม่พอชำระหนี้ ตามสัญญาจำนองที่ตกลงกันไว้
ในสัญญาจำนองที่โจทก์นำมาฟ้องมีข้อความว่า ถ้าทรัพย์จำนองไม่พอชำระหนี้ที่จำนอง ผู้จำนองยอมให้เอาทรัพย์นอกจำนองมาชำระหนี้จำนองได้ เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินที่จำนองไปแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้จำนอง โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิขอให้บังคับคดีแก่ทรัพย์นอกจำนองได้ (แม้ในกรณีที่ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ ๆ มิได้ขอว่า ถ้าขายทรัพย์ที่จำนองได้เงินไม่พอให้ศาลยึดทรัพย์อื่นนอกจำนองขายทอดตลาดเอาเงินใช้หนี้จำนองด้วย และศาลชั้นต้นก็มิได้พิพากษาว่า ถ้าขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองได้เงินไม่พอใช้หนี้จำนองแล้ว ให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์จนครบหนี้จำนอง)
of 5