พบผลลัพธ์ทั้งหมด 47 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างด้วยเหตุไม่ไว้วางใจจากทรัพย์สินสูญหาย แม้ไม่มีหลักฐานการลักทรัพย์ก็ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์มีหน้าที่ดูแลห้องพักของแขกผู้มาพักในโรงแรมประจำชั้นที่ 16 โดยโจทก์คนเดียวเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับห้องพัก ดังนั้นการที่ทรัพย์สินของแขกผู้มาพักในโรงแรมซึ่งเก็บไว้ในห้องพักได้สูญหายไปในระหว่างที่แขกไม่อยู่ในห้องพักโดยไม่ทราบเหตุผล ย่อมเป็นพฤติการณ์ที่น่าระแวงสงสัยว่าโจทก์เป็นคนร้ายและทำให้จำเลยไม่ไว้วางใจโจทก์ต้องถือว่าจำเลยมีเหตุผลอันสมควรที่จะเลิกจ้างโจทก์ ไม่ใช่เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังไม่ได้ว่าโจทก์ลักทรัพย์ของแขกผู้มาพักในโรงแรมตามข้อกล่าวหาของจำเลย แต่เมื่อคำให้การของจำเลยได้แสดงเหตุผลแห่งการเลิกจ้างไว้ด้วยว่าโจทก์มีพฤติการณ์ที่จำเลยไม่ไว้วางใจ ศาลแรงงานกลางย่อมมีอำนาจวินิจฉัยต่อไปได้ว่า การที่โจทก์ปฏิบัติงานตามหน้าที่เนื่องในมูลกรณีเดียวกันนี้เป็นเหตุให้จำเลยไม่ไว้วางใจโจทก์ซึ่งจำเลยมีสิทธิที่จะเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
เงินค่าบริการที่จำเลยเรียกเก็บจากลูกค้าในอัตราร้อยละ10 ของค่าใช้จ่ายของลูกค้า และเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างแต่ละคราว จำเลยจะนำเงินจำนวนนี้มาแบ่งเฉลี่ยให้แก่ลูกจ้างทุกคนคนละเท่า ๆ กัน โดยจำเลยไม่ได้รับประโยชน์ด้วยและลูกจ้างจะได้รับค่าบริการมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับจำนวนค่าใช้จ่ายของลูกค้าเป็นสำคัญ เงินค่าบริการจึงไม่ใช่ค่าจ้างตามความหมายที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2.(ที่มา-ส่งเสริม)
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังไม่ได้ว่าโจทก์ลักทรัพย์ของแขกผู้มาพักในโรงแรมตามข้อกล่าวหาของจำเลย แต่เมื่อคำให้การของจำเลยได้แสดงเหตุผลแห่งการเลิกจ้างไว้ด้วยว่าโจทก์มีพฤติการณ์ที่จำเลยไม่ไว้วางใจ ศาลแรงงานกลางย่อมมีอำนาจวินิจฉัยต่อไปได้ว่า การที่โจทก์ปฏิบัติงานตามหน้าที่เนื่องในมูลกรณีเดียวกันนี้เป็นเหตุให้จำเลยไม่ไว้วางใจโจทก์ซึ่งจำเลยมีสิทธิที่จะเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
เงินค่าบริการที่จำเลยเรียกเก็บจากลูกค้าในอัตราร้อยละ10 ของค่าใช้จ่ายของลูกค้า และเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างแต่ละคราว จำเลยจะนำเงินจำนวนนี้มาแบ่งเฉลี่ยให้แก่ลูกจ้างทุกคนคนละเท่า ๆ กัน โดยจำเลยไม่ได้รับประโยชน์ด้วยและลูกจ้างจะได้รับค่าบริการมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับจำนวนค่าใช้จ่ายของลูกค้าเป็นสำคัญ เงินค่าบริการจึงไม่ใช่ค่าจ้างตามความหมายที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3329/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของข้าราชการต่อทรัพย์สินสูญหาย การประเมินค่าเสียหายตามราคาจริง และการเริ่มต้นนับอายุความ
จำเลยเป็นหัวหน้าแผนกคลัง แม้จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังจัดเวรยามเฝ้าดูแลบริเวณรอบนอกคลังพัสดุที่เก็บทรัพย์สินของทางราชการตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว แต่ทรัพย์สินที่หายได้เก็บรักษาไว้ในตู้เหล็กในคลังพัสดุโดยไม่ได้ใส่กุญแจ เพียงแต่ใช้กระดาษเขียนชื่อเจ้าหน้าที่ปิดไว้เท่านั้น ทั้งทรัพย์สินที่หายก็มีขนาดเล็ก สามารถเอาแอบซุกซ่อนไปกับตัวได้โดยสะดวก เมื่อปรากฏว่า คนร้ายที่ลักทรัพย์ดังกล่าวไปเป็นเจ้าหน้าที่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยเอง จึงถือได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่อแล้ว เพราะการที่จะป้องกันทรัพย์สินให้พ้นจากการลักขโมยของคนภายในด้วยกันเองนั้น นอกจากจะต้องเก็บรักษาไว้ในสถานที่อันเหมาะสมกับลักษณะของตัวทรัพย์แล้ว ยังจะต้องอยู่ในสภาพที่ยากต่อการที่บุคคลจะหยิบฉวยเอาไปได้โดยง่ายอีกด้วย
กรณีที่พัสดุของทางราชการได้จัดหามาโดยการซื้อขายพอเป็นพิธีเพื่อมิให้ขัดต่อระเบียบของทางราชการ และราคาที่จัดซื้อมาก็ต่ำต่างกับราคาที่แท้จริงมาก การจะให้ผู้ต้องรับผิดชดใช้ราคาของทรัพย์สินนั้น ต้องถือตามราคาที่แท้จริง
ข้าราชการกองทัพเรือประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของกองทัพเรือสูญหายไป อายุความ 1 ปี เริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้บัญชาการทหารเรือได้ลงนามรับทราบรายงานผลการสอบสวนว่าจำเลยจะต้องรับผิด มิใช่เริ่มนับในวันที่รู้ว่าเกิดมีการทำละเมิดขึ้น.
กรณีที่พัสดุของทางราชการได้จัดหามาโดยการซื้อขายพอเป็นพิธีเพื่อมิให้ขัดต่อระเบียบของทางราชการ และราคาที่จัดซื้อมาก็ต่ำต่างกับราคาที่แท้จริงมาก การจะให้ผู้ต้องรับผิดชดใช้ราคาของทรัพย์สินนั้น ต้องถือตามราคาที่แท้จริง
ข้าราชการกองทัพเรือประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของกองทัพเรือสูญหายไป อายุความ 1 ปี เริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้บัญชาการทหารเรือได้ลงนามรับทราบรายงานผลการสอบสวนว่าจำเลยจะต้องรับผิด มิใช่เริ่มนับในวันที่รู้ว่าเกิดมีการทำละเมิดขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในความเสียหายจากทรัพย์สินสูญหาย: การประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ดูแลทรัพย์สิน
ขณะเกิดเหตุจำเลยรับราชการเป็นหัวหน้าหมวดช่าง โยธาประจำสถานีรายงานนครพนมของโจทก์ มีหน้าที่ดูแล รักษาทรัพย์สินของทางราชการที่อยู่ในความรับผิดชอบซึ่งรวมทั้งท่อประปาที่ถูกคนร้ายลักไปด้วยปรากฏว่าท่อประปาที่หายไปกองอยู่ในบริเวณรั้วห่างโรงจักร ไฟฟ้าไม่ถึง 20 เมตร ในการปฏิบัติหน้าที่จำเลยได้จัดเวรยามคอยติดเครื่องจักรไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งมีหมวดอากาศโยธินจัดเวรยามรักษาความปลอดภัยและมีรถยนต์วิ่งตรวจการณ์ 24 ชั่วโมง โดยโจทก์เองก็มิได้มีคำสั่งให้จำเลยต้องจัดเวรยามเฝ้าท่อประปาเป็นพิเศษแต่อย่างใด เช่นนี้การที่คนร้ายเล็ดลอดหลบหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้ามาในบริเวณสถานีรายงานและลอบเข้าไปตัดรั้วลวดหนามของโรงจักร ไฟฟ้าลักท่อประปาของโจทก์ไป ย่อมถือว่าจำเลยไม่ได้กระทำการอันเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้ท่อประปาของโจทก์สูญหายจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดตามสัญญาแม้ทรัพย์สินสูญหายจากโจรภัย หากค่าสินไหมทดแทนยังไม่ครบตามจำนวนหนี้
ตามสัญญาเช่าซื้อจำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ให้โจทก์ 208,272 บาท และในสัญญาระบุว่า ถ้าทรัพย์สินที่เช่าซื้อถูกโจรภัย สูญหายไม่ว่าโดยเหตุสุดวิสัย หรือโดยเหตุใด ๆ ผู้เช่าซื้อยอมรับผิดฝ่ายเดียว และยอมชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาจนครบ โจทก์ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยตามจำนวน 170,000 บาท แม้จะเกินจำนวนเงินที่โจทก์จ่ายให้บริษัทที่โจทก์ซื้อรถยนต์มาให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อต่อแต่ก็ยังไม่ครบจำนวนตามสัญญษเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินที่ยังขาดอยู่จากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3555/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: การยอมรับผิดในความเสียหายจากทรัพย์สินสูญหาย
โจทก์ทำตั๋วรถยนต์โดยสารของจำเลยหาย ต่อมาโจทก์ทำหนังสือยอมรับผิดชดใช้เงินเท่าราคาตั๋วที่หายให้แก่จำเลย โดยขอผ่อนชำระจนครบเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายต้องรับผิดในเงินค่าตั๋วรถยนต์โดยสารที่หายได้ลงชื่อรับผิดไว้ในหนังสือนั้นถูกต้อง หนังสือดังกล่าวก็เป็นหลักฐานแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตร 851 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3217/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โรงแรมไม่ต้องรับผิดชอบทรัพย์สินสูญหายจากความประมาทของผู้พักอาศัยที่ไม่นำฝาก
โรงแรมจำเลยจัดบริการแก่ผู้มาพักโดยมีโกดังสำหรับรับฝากของไว้ไม่คิดค่าบริการ เมื่อมาพักก่อนครั้งเกิดเหตุโจทก์ก็เคยส่งของมาฝาก แม้ของที่นำติดตัวมาเองจะไม่เคยนำไปฝาก แต่ก็ไม่ปรากฏว่าโรงแรมจำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับฝาก แสดงว่าโรงแรมจำเลยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในทรัพย์สินของผู้มาพักเป็นอย่างดีแล้ว ครั้งเกิดเหตุโจทก์มาพักไม่นำสินค้าที่นำติดตัวมาซึ่งมีราคาถึง 100,000 บาทเศษ ไปฝากเก็บไว้ในโกดัง ทั้งไม่ได้แจ้งต่อทางโรงแรมจำเลยว่ามีรถยนต์มาหรือบอกฝากสินค้าไว้พฤติการณ์ดังกล่าว เห็นได้ว่าเหตุที่สินค้าของโจทก์ในรถยนต์ถูกลักไปเป็นเพราะความประมาทอย่างร้ายแรงของโจทก์ อันเป็นความผิดของโจทก์เอง จำเลยไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3217/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทของผู้พัก โรงแรมไม่ต้องรับผิดชอบทรัพย์สินสูญหาย
โรงแรมจำเลยจัดบริการแก่ผู้มาพักโดยมีโกดังสำหรับรับฝากของไว้ไม่คิดค่าบริการ เมื่อมาพักก่อนครั้งเกิดเหตุโจทก์ก็เคยส่งของมาฝาก แม้ของที่นำติดตัวมาเองจะไม่เคยนำไปฝากแต่ก็ไม่ปรากฏว่าโรงแรมจำเลยปฏิเสธไม่ยอม รับฝากแสดงว่าโรงแรมจำเลยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในทรัพย์สินของผู้มาพักเป็นอย่างดีแล้วครั้งเกิดเหตุโจทก์มาพักไม่นำสินค้าที่นำติดตัวมาซึ่งมีราคาถึง100,000 บาทเศษไปฝากเก็บไว้ในโกดังทั้งไม่ได้แจ้งต่อทางโรงแรมจำเลยว่ามีรถยนต์มาหรือบอกฝากสินค้าไว้พฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่าเหตุที่สินค้าของโจทก์ในรถยนต์ถูกลักไปเป็นเพราะความประมาทอย่างร้ายแรงของโจทก์อันเป็น ความผิดของโจทก์เอง จำเลยไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109-3110/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้าง การประมาทเลินเล่อของผู้จัดการ และภาระภาษีของนายจ้าง กรณีความเสียหายจากทรัพย์สินสูญหาย
ข้อที่โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางรับฟังพยานหลักฐานไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยรับฟังพยานยังไม่ครบถ้วน ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ ขอให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงใหม่ โดยอ้างว่าโจทก์มีทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารสนับสนุน เป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาในศาลแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
บริษัทโจทก์ไม่ได้วางระเบียบในการจัดเก็บรักษากุญแจตู้นิรภัยและการใช้รหัสตู้นิรภัย เมื่อจำเลยดำรงตำแหน่งผู้จัดการภัตตาคารของบริษัทโจทก์แล้วก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้จัดการคนก่อน จำเลยไม่ได้สั่งงดใช้รหัสตู้นิรภัยภัตตาคารเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนจำเลยและน. ทำงานเฉพาะเวลาทำงานปกติ หยุดวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดตามประเพณี พนักงานที่ผลัดเปลี่ยนกันทำงานไม่มีวันหยุดคนหนึ่งเคยถูกคนร้ายชิงทรัพย์ แต่บังเอิญมิได้นำกุญแจตู้นิรภัยติดตัวไปด้วย จึงตกลงกันว่าไม่เอากุญแจตู้นิรภัยกลับบ้าน จำเลยสั่งให้เก็บกุญแจตู้นิรภัยไว้ในลิ้นชักโต๊ะของจำเลย นอกจากนี้พนักงานตรวจสอบของบริษัทโจทก์ซึ่งมาตรวจสอบการปฏิบัติงานด้านการเงินของภัตตาคารก็ไม่ได้ทักท้วงหรือสั่งให้แก้ไขวิธีการในการเก็บรักษาเงินของบริษัทโจทก์ ฉะนั้นการที่จำเลยเก็บกุญแจตู้นิรภัยไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของจำเลยโดยไม่ให้ผู้มีหน้าที่เปิดปิดตู้นิรภัยนำกุญแจตู้นิรภัยติดตัวกลับบ้าน จึงเป็นการใช้ความระมัดระวังตามที่วิญญูชนพึงกระทำแล้ว จำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์
ค่าจ้างหมายถึงเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นการตอบแทนการทำงาน แม้จำเลยจะเป็นลูกจ้างรายเดือน แต่เมื่อโจทก์เลิกจ้างจำเลยตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2524 ภายหลังจากวันที่ 15 ตุลาคม 2524 จำเลยถูกเลิกจ้างแล้ว จึงไม่ได้เป็นลูกจ้างของโจทก์อีกต่อไป โจทก์จึงไม่มีหน้าที่จะต้องจ่ายค่าจ้างให้จำเลยอีก
คู่มือพนักงานของบริษัทโจทก์มีความว่าบริษัทโจทก์จะพิจารณาจ่ายเงินรางวัลประจำปีแก่พนักงานในเดือนธันวาคมของทุกปี แสดงว่าโจทก์จะพิจารณาจ่ายเงินดังกล่าวให้เฉพาะพนักงานที่มีตัวทำงานอยู่ในเดือนธันวาคมเท่านั้น จำเลยถูกเลิกจ้างเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2524 จึงไม่มีสิทธิรับเงินโบนัสหรือเงินรางวัล และเมื่อตามคู่มือพนักงานของบริษัทโจทก์มีข้อความว่า บริษัทจะรับภาระเสียภาษีเงินได้ทั้งหมดที่พนักงานได้รับจากบริษัท โดยบริษัทจะแจ้งยอดเงินการเสียภาษีให้พนักงานได้ทราบภายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป ข้อความตอนท้ายที่ว่าบริษัทจะแจ้งยอดการเสียภาษีให้พนักงานทราบภายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไปแสดงอยู่ในตัวว่า เงินได้ทั้งหมดที่โจทก์รับภาระจะเสียภาษีให้จำเลยนั้นต้องเป็นยอดรายได้ที่จำเลยได้รับจากโจทก์ทั้งหมดในแต่ละปีเฉพาะในปีที่โจทก์เลิกจ้างจำเลย จำเลยมีสิทธิได้รับเงินจากโจทก์คือค่าจ้างค้างจ่าย ค่าทำงานในวันหยุดโจทก์จึงต้องรับภาระเสียภาษีเงินได้ในเงินจำนวนดังกล่าวให้จำเลย แต่ค่าชดเชย เงินบำเหน็จ และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เป็นผลของการเลิกจ้างไม่ใช่รายได้ที่จำเลยได้รับในแต่ละปี โจทก์จึงไม่ต้องรับภาระเสียภาษีเงินได้ในเงินทั้งสามจำนวน
ในฐานะที่จำเลยเป็นผู้จัดการภัตตาคาร ย่อมมีหน้าที่ปกปักษ์รักษาทรัพย์ของนายจ้าง หากทางปฏิบัติของผู้จัดการคนก่อน ๆ มาไม่รัดกุมพอมีช่องทางที่จะเกิดความเสียหายขึ้นได้ แม้ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้นจำเลยก็มีอำนาจที่จะวางระเบียบในการเก็บรักษาเงินของนายจ้างให้รัดกุม การที่จำเลยเพียงแต่ปฏิบัติตามผู้จัดการคนก่อน ๆไปโดยไม่ปรับปรุงการปฏิบัติงานของตนให้มีประสิทธิภาพจนกระทั่งเกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจเลิกจ้างจำเลยได้ ไม่ใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
บริษัทโจทก์ไม่ได้วางระเบียบในการจัดเก็บรักษากุญแจตู้นิรภัยและการใช้รหัสตู้นิรภัย เมื่อจำเลยดำรงตำแหน่งผู้จัดการภัตตาคารของบริษัทโจทก์แล้วก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้จัดการคนก่อน จำเลยไม่ได้สั่งงดใช้รหัสตู้นิรภัยภัตตาคารเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนจำเลยและน. ทำงานเฉพาะเวลาทำงานปกติ หยุดวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดตามประเพณี พนักงานที่ผลัดเปลี่ยนกันทำงานไม่มีวันหยุดคนหนึ่งเคยถูกคนร้ายชิงทรัพย์ แต่บังเอิญมิได้นำกุญแจตู้นิรภัยติดตัวไปด้วย จึงตกลงกันว่าไม่เอากุญแจตู้นิรภัยกลับบ้าน จำเลยสั่งให้เก็บกุญแจตู้นิรภัยไว้ในลิ้นชักโต๊ะของจำเลย นอกจากนี้พนักงานตรวจสอบของบริษัทโจทก์ซึ่งมาตรวจสอบการปฏิบัติงานด้านการเงินของภัตตาคารก็ไม่ได้ทักท้วงหรือสั่งให้แก้ไขวิธีการในการเก็บรักษาเงินของบริษัทโจทก์ ฉะนั้นการที่จำเลยเก็บกุญแจตู้นิรภัยไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของจำเลยโดยไม่ให้ผู้มีหน้าที่เปิดปิดตู้นิรภัยนำกุญแจตู้นิรภัยติดตัวกลับบ้าน จึงเป็นการใช้ความระมัดระวังตามที่วิญญูชนพึงกระทำแล้ว จำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์
ค่าจ้างหมายถึงเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นการตอบแทนการทำงาน แม้จำเลยจะเป็นลูกจ้างรายเดือน แต่เมื่อโจทก์เลิกจ้างจำเลยตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2524 ภายหลังจากวันที่ 15 ตุลาคม 2524 จำเลยถูกเลิกจ้างแล้ว จึงไม่ได้เป็นลูกจ้างของโจทก์อีกต่อไป โจทก์จึงไม่มีหน้าที่จะต้องจ่ายค่าจ้างให้จำเลยอีก
คู่มือพนักงานของบริษัทโจทก์มีความว่าบริษัทโจทก์จะพิจารณาจ่ายเงินรางวัลประจำปีแก่พนักงานในเดือนธันวาคมของทุกปี แสดงว่าโจทก์จะพิจารณาจ่ายเงินดังกล่าวให้เฉพาะพนักงานที่มีตัวทำงานอยู่ในเดือนธันวาคมเท่านั้น จำเลยถูกเลิกจ้างเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2524 จึงไม่มีสิทธิรับเงินโบนัสหรือเงินรางวัล และเมื่อตามคู่มือพนักงานของบริษัทโจทก์มีข้อความว่า บริษัทจะรับภาระเสียภาษีเงินได้ทั้งหมดที่พนักงานได้รับจากบริษัท โดยบริษัทจะแจ้งยอดเงินการเสียภาษีให้พนักงานได้ทราบภายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป ข้อความตอนท้ายที่ว่าบริษัทจะแจ้งยอดการเสียภาษีให้พนักงานทราบภายในเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไปแสดงอยู่ในตัวว่า เงินได้ทั้งหมดที่โจทก์รับภาระจะเสียภาษีให้จำเลยนั้นต้องเป็นยอดรายได้ที่จำเลยได้รับจากโจทก์ทั้งหมดในแต่ละปีเฉพาะในปีที่โจทก์เลิกจ้างจำเลย จำเลยมีสิทธิได้รับเงินจากโจทก์คือค่าจ้างค้างจ่าย ค่าทำงานในวันหยุดโจทก์จึงต้องรับภาระเสียภาษีเงินได้ในเงินจำนวนดังกล่าวให้จำเลย แต่ค่าชดเชย เงินบำเหน็จ และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เป็นผลของการเลิกจ้างไม่ใช่รายได้ที่จำเลยได้รับในแต่ละปี โจทก์จึงไม่ต้องรับภาระเสียภาษีเงินได้ในเงินทั้งสามจำนวน
ในฐานะที่จำเลยเป็นผู้จัดการภัตตาคาร ย่อมมีหน้าที่ปกปักษ์รักษาทรัพย์ของนายจ้าง หากทางปฏิบัติของผู้จัดการคนก่อน ๆ มาไม่รัดกุมพอมีช่องทางที่จะเกิดความเสียหายขึ้นได้ แม้ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้นจำเลยก็มีอำนาจที่จะวางระเบียบในการเก็บรักษาเงินของนายจ้างให้รัดกุม การที่จำเลยเพียงแต่ปฏิบัติตามผู้จัดการคนก่อน ๆไปโดยไม่ปรับปรุงการปฏิบัติงานของตนให้มีประสิทธิภาพจนกระทั่งเกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจเลิกจ้างจำเลยได้ ไม่ใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของโรงแรมต่อทรัพย์สินสูญหายของแขก ไม่จำกัดเฉพาะทรัพย์สินในห้องพัก แต่รวมถึงที่จอดรถในบริเวณโรงแรม
ความรับผิดของเจ้าสำนักโรงแรมเพื่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยที่สูญหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 มิได้จำกัดแต่เฉพาะในทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางพาเข้าไปในห้องพักหรือพาเข้าไปในบริเวณตัวอาคารโรงแรมเท่านั้นเมื่อโจทก์มาพักโรงแรมของจำเลย และนำรถยนต์จอดไว้ที่โรงจอดรถหรือลานจอดรถในบริเวณโรงแรมโดยล็อคกุญแจประตูรถไว้ ต่อมารถสูญหายโดยถูกคนร้ายลักไป และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบทันทีจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัยจากสัญญาจ้างบริการรักษาความปลอดภัยกรณีทรัพย์สินสูญหาย
จำเลยทำสัญญารับจ้างรักษาความปลอดภัยสถานที่ของบริษัท ท. โดยยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ในกรณีทรัพย์สินสูญหายเพราะความประมาทเลินเล่อของพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลย ส่วนโจทก์รับประกันภัยทรัพย์สินของบริษัท ท. จากการบุกรุกโจรกรรม ระหว่างเวลากรมธรรม์มีผลคุ้มครอง ได้มีคนร้ายงัดประตูสำนักงานเข้าไปลักเครื่องคิดเลขของบริษัท ท. ไปเพราะความประมาทของพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลย เมื่อโจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปก่อนแล้ว ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อจำเลยตามสัญญารับจ้างรักษาความปลอดภัยทันทีโดยผลของกฎหมายและมีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยได้