คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทวงถาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6292/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตั๋วสัญญาใช้เงินประเภทถึงกำหนดเมื่อทวงถาม: โจทก์มีอำนาจฟ้องเมื่อทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ และอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาไม่ถือเป็นเบี้ยปรับ
ตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินประเภทถึงกำหนดเมื่อทวงถามมิใช่ถึงกำหนดเมื่อได้เห็น ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระเงินแล้ว จำเลยไม่ชำระ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินได้ โดยหาจำต้องนำตั๋วสัญญาใช้เงินไปยื่นต่อจำเลยเพื่อให้จำเลยชำระเงินก่อนไม่
ตามตั๋วสัญญาใช้เงินมีข้อความระบุไว้ว่า จำเลยยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16 ต่อปี แสดงว่าไม่ว่าจำเลยจะผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ก็ตาม โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยเอาจากจำเลยในอัตราร้อยละ 16 ต่อปี ตามสัญญาได้อยู่แล้ว ข้อตกลงเรื่องอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจึงไม่ใช่เบี้ยปรับ เฉพาะดอกเบี้ยส่วนที่เกินกว่าอัตราร้อยละ 16 ต่อปี เท่านั้นที่เป็นเบี้ยปรับ ซึ่งถ้าศาลเห็นว่าส่วนที่เกินกว่าร้อยละ 16 ต่อปี สูงเกินส่วน ศาลจะลดไปจำนวนพอสมควรก็ได้ แต่จะลดลงเหลือเท่ากับหรือน้อยกว่าอัตราร้อยละ 16 ต่อปี ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2016/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความตั๋วสัญญาใช้เงิน: ฟ้องขาดอายุความเมื่อฟ้องหลัง 3 ปีนับจากวันครบกำหนด 30 วันหลังทวงถาม
โจทก์บรรยายฟ้องให้เห็นว่า จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บริษัท อ. จากมูลหนี้สัญญากู้เงินระยะสั้น หาใช่ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเงินกู้แต่อย่างใดไม่โดยโจทก์มีเพียงภาพถ่ายตั๋วสัญญาใช้เงินแนบมาท้ายฟ้องเท่านั้น ไม่มีสัญญากู้เงินมาแนบด้วย และไม่อาจถือได้ว่าตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นหลักฐานการกู้เงิน เนื่องจากตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นตั๋วเงิน เป็นเอกสารคนละประเภทกับสัญญากู้เงิน ทั้งเมื่อโจทก์นำสืบก็ไม่มีสัญญากู้เงินระยะสั้นมาอ้างเป็นพยานด้วย มีเพียงตั๋วสัญญาใช้เงินมาอ้างเป็นพยานเท่านั้น กรณีไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินแต่ถือว่าโจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงต้องนำอายุความตั๋วสัญญาใช้เงินมาบังคับใช้ ไม่ใช่อายุความตามสัญญากู้เงิน
ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินเมื่อทวงถาม อายุความจึงเริ่มนับเมื่อทวงถามปรากฏตามหนังสือบอกกล่าวทวงถามว่า บริษัท อ. ผู้รับเงินแจ้งให้จำเลยชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหรือถือว่าได้รับหนังสือฉบับนี้ จึงต้องเริ่มนับอายุความเมื่อครบกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้รับหนังสือแล้ว แต่โจทก์และจำเลยต่างไม่นำสืบว่าจำเลยได้รับหนังสือเมื่อไร เมื่อหนังสือทวงถามดังกล่าวลงวันที่ 24 เมษายน 2540 จึงพออนุมานได้ว่าจำเลยได้รับหนังสือในวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 25 เมษายน 2540 เริ่มนับ 30 วันตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2540 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/3 วรรคสอง ครบกำหนด 30 วันในวันที่ 25 พฤษภาคม 2540 อายุความเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2540 ไปเป็นเวลา 3 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1001 ครบกำหนด 3 ปีในวันที่ 26 พฤษภาคม 2543 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2543 เกินกว่า 3 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บริษัท อ. ณ สำนักงานตั้งอยู่ถนนสาธรใต้แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กรุงเทพมหานคร ถือว่ามูลคดีเกิดขึ้น ณ สถานที่ที่จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บริษัท อ. ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิทำให้เกิดอำนาจฟ้อง ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากบริษัท อ. จึงมีสิทธิฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ค่าก่อสร้างเพิ่มเติม แม้ไม่มีการบอกกล่าวทวงถามก่อนฟ้องก็สามารถทำได้
แม้รายการสั่งซื้อวัสดุเพิ่มเติมที่โจทก์ดำเนินการสั่งซื้อไปตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 และที่ 3 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้มีการทำคำสั่งนั้นเป็นลายลักษณ์อักษรตามทางปฏิบัติ แต่ในรายการสั่งซื้อวัสดุเพิ่มเติมนั้นได้มี บ. วิศวกรคุมงานของจำเลยที่ 2 เป็นผู้ตรวจสอบและลงชื่อกำกับไว้ และมี ส. หัวหน้าคนงานเบิกความเป็นพยานยืนยันการตรวจสอบและลงลายมือชื่อกำกับดังกล่าว เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้นำสืบหักล้างคำเบิกความของ ส. กรณีจึงต้องฟังตามที่ ส. เบิกความ จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นหนี้โจทก์ตามเอกสารรายการสั่งซื้อดังกล่าว
ตามป.พ.พ. มาตรา 602 บัญญัติว่าอันสินจ้างนั้นพึงใช้ให้เมื่อรับมอบการที่ทำ ดังนี้ เมื่อโจทก์ก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบงานเรียบร้อยแล้ว จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ค่าแรงและค่าวัสดุให้แก่โจทก์ในเวลาที่รับมอบงาน เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ชำระ โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นลูกหนี้ให้ชำระหนี้ได้ โดยมิต้องบอกกล่าวให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ชำระหนี้อีก
of 3