คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทหาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสิทธิทางทหารและการพิจารณาคดี: การตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและข้อตกลงระหว่างประเทศ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ละเมิดขับรถยนต์โดยประมาท ชนรถโจทก์ได้รับความเสียหาย. จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การ.ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ. ต่อมามีหนังสือมาถึงผู้พิพากษาที่พิจารณาคดี เป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีคำแปล. อ้างว่าเป็นหนังสือของกงสุลมีใจความว่า จำเลยได้รับความคุ้มครองโดยเอกสิทธิตามข้อตกลงทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐ ไม่ต้องขึ้นศาลไทย. ศาลชั้นต้นเชื่อหนังสือฉบับนี้ ให้จำหน่ายคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อหนังสือดังกล่าวมาสู่ศาลลอยๆ ไม่มีผู้ใดรับรองว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกันอันแท้จริง และจำเลยจะได้รับความคุ้มครองตามข้อตกลงทางทหารหรือไม่.ข้อตกลงระหว่างประเทศเป็นอย่างใดไม่ปรากฏ ที่ศาลล่างเชื่อว่าเป็นหนังสือของกงสุลอเมริกัน และเชื่อข้อเท็จจริงตามหนังสือนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นฟ้องด้วย. จึงให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้ง 2 ศาล. ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริงให้แน่ชัดเสียก่อนว่า. จำเลยได้รับเอกสิทธิไม่ต้องขึ้นศาลไทยจริงหรือไม่. แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: คดีอาญาที่มีผู้กระทำผิดทั้งทหารและพลเรือน ศาลพลเรือนมีอำนาจพิจารณา
จำเลยเป็นทหารประจำการ โจทก์บรรยายฟ้องว่าได้ร่วมกระทำผิดกับพวกอีกคนหนึ่งที่เป็นพลเรือนและทางพิจารณาก็ได้ความว่า จำเลยสมคบกับพวกอีกคนหนึ่งที่ยังจับตัวไม่ได้ร่วมกันกระทำผิด ประกอบกับเจ้าพนักงานตำรวจผู้สืบสวนจับกุมยืนยันว่า คนร้ายอีกคนหนึ่งนั้นเป็นพลเรือนคดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลพลเรือนที่จะทำการพิจารณาพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: คดีอาญาที่มีจำเลยทั้งทหารและพลเรือนอยู่ในอำนาจศาลพลเรือน
จำเลยเป็นทหารประจำการ โจทก์บรรยายฟ้องว่าได้ร่วมกระทำผิด กับพวกอีกคนหนึ่งที่เป็นพลเรือน และทางพิจารณาก็ได้ความว่าจำเลยสมคบกับพวกอีกคนหนึ่งที่ยังจับตัวไม่ได้ร่วมกันกระทำผิด ประกอบกับ เจ้าพนักงานตำรวจผู้สืบสวนจับกุมยืนยันว่า คนร้ายอีกคนหนึ่งนั้นเป็น พลเรือน คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลพลเรือนที่จะทำการพิจารณาพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลพลเรือนเมื่อจำเลยเป็นทหาร - พระธรรมนูญศาลทหาร
ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลพลเรือน ศาลพลเรือนสั่งรับฟ้องไว้แล้ว ต่อมาความปรากฏว่า จำเลยเป็นทหารประจำการซึ่งควรจะถูกฟ้องต่อศาลทหาร ดังนี้ ศาลพลเรือนย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนั้นได้ ตามพระธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498มาตรา 15 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยทหารและการพิจารณาคดีต่อเนื่องเมื่อจำเลยรับทราบแล้ว
อัยการจังหวัดสกลนครโจทก์ ยื่นฟ้องอุทธรณ์แล้วขอให้ศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยที่จังหวัดทหารบกอุดรธานี โดยแถลงว่าจำเลยเข้ารับราชการทหาร เป็นทหารประจำการอยู่ที่นั่น ศาลชั้นต้นได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ไปยังผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอุดรจนล่วงเลยเวลามานานแล้ว ไม่ได้รับตอบศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์ ๆ ว่าไม่สามารถส่งสำเนาอุทธรณ์ได้ เพราะจำเลยอยู่ในอำนาจของทหาร เช่นนี้ เพียงแต่ยังไม่ทันได้รับตอบจากจังหวัดทหารบก จะถือว่าเป็นกรณีหาตัวจำเลยไม่พบ หรือหลบหนี หรือจงใจไม่รับอุทธรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 ยังไม่ถนัด เพราะเรื่องเช่นนี้โจทก์ควรจะได้พยานยามติดต่อกับทางทหารให้ได้ความชัดเจนว่าส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยได้หรือไม่ อย่างไร เพราะเป็นทางราชการด้วยกัน
ศาลอุทธรณ์ สั่งจำหน่ายคดี เพราะส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ เมื่อปรากฏต่อมาว่า จำเลยได้รับสำเนาอุทธรณ์แล้ว โจทก์ก็ชอบที่จะต้องไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาต่อไปไม่ใช่ฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยที่เป็นทหารและการพิจารณาคดีต่อเมื่อจำเลยรับทราบแล้ว
อัยการจังหวัดสกลนครโจทก์ ยื่นฟ้องอุทธรณ์แล้วขอให้ศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยที่จังหวัดทหารบกอุดรธานี โดยแถลงว่าจำเลยเข้ารับราชการทหารเป็นทหารประจำการอยู่ที่นั่น ศาลชั้นต้นได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ไปยังผู้บังคับการจังหวัดทหารบกอุดรจนล่วงเลยเวลามานานแล้วไม่ได้รับตอบ ศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์ๆ ว่าไม่สามารถส่งสำเนาอุทธรณ์ได้ เพราะจำเลยอยู่ในอำนาจของทหาร เช่นนี้ เพียงแต่ยังไม่ทันได้รับตอบจากจังหวัดทหารบก จะถือว่าเป็นกรณีหาตัวจำเลยไม่พบหรือหลบหนี หรือจงใจไม่รับอุทธรณ์ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 ยังไม่ถนัดเพราะเรื่องเช่นนี้โจทก์ควรจะได้พยายามติดต่อกับทางทหารให้ได้ความชัดเจนว่า ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยได้หรือไม่อย่างไร เพราะเป็นทางราชการด้วยกัน
ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดี เพราะส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ เมื่อปรากฏต่อมาว่า จำเลยได้รับสำเนาอุทธรณ์แล้ว โจทก์ก็ชอบที่จะต้องไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาต่อไป ไม่ใช่ฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานรายงานเท็จและสมรู้ร่วมคิดยักยอกทรัพย์ กรณีเจ้าหน้าที่ทหารยักยอกกระสุน
สิบเอกทหาร ซึ่งมีหน้าที่เป็นพนักงานกระสุนทำรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาถึงจำนวนกระสุนที่ทหารฝึกยิงไปแล้ว เป็นความผิดตาม มาตรา230
การรายงานเท็จถึงจำนวนกระสุนที่ยิงภายหลังที่ผู้รับมอบหมายกระสุนได้ยักยอกไปแล้ว ไม่เป็นความผิดฐานสมรู้ในการยักยอกแต่ผู้ที่ติดต่อจ่ายเงินให้ทหารงดยิง เพื่อจะได้มีโอกาสยักยอกกระสุน เป็นการสมรู้ให้ยักยอกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลพลเรือน/ทหารในคดีที่จำเลยเป็นทหารและมีพวกที่ยังไม่ทราบว่าเป็นทหารหรือพลเรือนร่วมกระทำผิด
คดีที่พลทหารประจำการสมคบกับพวก ซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นทหารหรือพลเรือนกระทำผิด ต้องขึ้นศาลพลเรือน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: คดีทหารสมคบกับผู้อื่นกระทำผิด ต้องพิจารณาว่ามีเหตุให้ดำเนินคดีในศาลพลเรือนได้หรือไม่
คดีที่พลทหารประจำการสมคบกับพวก ซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นทหารหรือพลเรือนกระทำผิด ต้องขึ้นศาลพลเรือน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการสอบสวนคดีอาญาของทหาร และการแจ้งข้อหา
ประมวลกฎหมายอาญาทหาร มาตรา 430ถึง 33 แสดงให้เห็นว่า"ผู้ซึ่งบังคับบัญชาทหาร" ย่อมออกคำสั่งหรือข้อบังคับให้ใช้บังคับทหาร เช่นกฎหมายของเขาเหล่านั้นได้ ปัญหาเรื่องอำนาจหน้าที่และวิธีการสอบสวนคดีอาญาของฝ่ายทหารศาลต้องพิจารณาแปลความหมายในบรรดาคำสั่งหรือข้อบังคับของฝ่ายทหารประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ข้อบังคับทหารที่ 9/10909/2477 ว่าด้วยระเบียบจัดการทางคดีไม่มีข้อความใดที่บังคับว่าการไต่สวนคดีที่เกิดนอกกรุงเทพที่จะให้ศาลทหารพิจารณานั้น บุคคลอื่นนอกจากอัยการจะกระทำไม่ได้ คำว่า "ไต่สวน" ในข้อบังคับนั้นมุ่งหมายเพียงแต่ว่าจะให้ใครไต่สวนได้ เพราะการฟ้องร้องในสมัยก่อนใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่จำต้องมีการไต่สวนมาก่อน การดำเนินคดีในกรณีที่ทหารเป็นผู้ต้องหาเป็นเรื่องกึ่งวินัยกึ่งอาญาแผ่นดิน การสอบสวนที่ผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ 2 สั่งตั้งกรรมการสอบสวนโดยมิได้สั่งให้อัยการในหน่วยทหารนอกกรุงเทพเป็นผู้สอบสวนตามข้อบังคับนั้น จึงชอบด้วยกฎหมายเพื่อฟ้องคดีต่อศาลทหารแล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 หมายความเพียงว่ากฎหมายต้องการให้ผู้ต้องหารู้ตัวก่อนว่าตนต้องถูกสอบสวนในคดีอาญาเรื่องใดอันเป็นประธาน มิได้หมายความว่าต้องแจ้งกะทงความผิดทุกกระทง เช่นแจ้งข้อหาฐานลักทรัพย์ ปรากฏว่าผู้ต้องหาทำลายตราและไม่ทำตามข้อบังคับด้วยในการลักทรัพย์นั้น โจทก์ย่อมฟ้องฐานรวมไปได้ทุกฐาน ฎีกา 99/81 เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องฐานอื่นเพิ่มเติมโดยปรากฏขึ้นในการพิจารณาของศาลหาได้อาศัยจากการสอบสวนไม่ จึงฟ้องไม่ได้เพราะไม่มีการสอบสวน
of 5