พบผลลัพธ์ทั้งหมด 42 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินหวงห้ามตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ มิใช่ที่สาธารณประโยชน์เดิม แม้มีการสงวนไว้หรือใช้ประโยชน์ภายหลัง
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรีและสระบุรีพ.ศ. 2485 ตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2485 ที่ดินที่หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกาย่อมหมายถึงสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ดินรกร้างว่างเปล่า ดังบัญญัติไว้ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2485 มาตรา 4 เท่านั้นไม่รวมถึงสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ซึ่งมีอยู่ก่อนใช้พระราชกฤษฎีกา
ที่พิพาทมิใช่เป็นที่สาธารณประโยชน์ที่สงวนไว้เพื่อประชาชนใช้ร่วมกันมาแต่เดิมก่อนพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรี พ.ศ. 2485 ประกาศใช้บังคับ แต่เป็นโครงการของอำเภอชัยบาดาลจัดที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นที่หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกาทำเป็นผังเมืองขึ้นในปี พ.ศ. 2503 โดยประสงค์จะใช้ที่พิพาทและที่ดินบริเวณติดต่อทำเป็นถนนและสระน้ำสาธารณะ อันเป็นการดำเนินการขึ้นภายหลังที่ออกพระราชกฤษฎีกาแล้ว และโครงการดังกล่าวกระทรวงมหาดไทยได้สั่งยกเลิกไปแล้วการที่อำเภอชัยบาดาลยังสงวนที่ดินไว้ และสุขาภิบาลลำนารายณ์ถมที่พิพาทจัดทำเป็นตลาดวางหาบเร่กับเก็บขยะ หามีผลทำให้ที่พิพาทอันเป็นที่รกร้างว่างเปล่ามาแต่เดิมซึ่งตกมาเป็นที่หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกา กลายเป็นที่สาธารณประโยชน์ไม่ เพราะอำนาจในการจัดดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินอันเป็นที่หวงห้ามมิใช่เป็นของนายอำเภอ แต่เป็นอำนาจของอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกานั้น
อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์อนุญาตให้โจทก์เข้าอยู่อาศัยทำกินในที่พิพาทแล้วแม้โจทก์จะเคยยอมรับว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ ก็เป็นเรื่องรับรู้ว่าที่พิพาทอยู่ในโครงการของอำเภอเท่านั้น หาใช่เป็นการยอมรับว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่สงวนไว้มาแต่เดิมไม่จำเลยจึงไม่มีอำนาจสั่งห้ามโจทก์ระงับการก่อสร้างโดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ
ที่พิพาทมิใช่เป็นที่สาธารณประโยชน์ที่สงวนไว้เพื่อประชาชนใช้ร่วมกันมาแต่เดิมก่อนพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรี พ.ศ. 2485 ประกาศใช้บังคับ แต่เป็นโครงการของอำเภอชัยบาดาลจัดที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นที่หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกาทำเป็นผังเมืองขึ้นในปี พ.ศ. 2503 โดยประสงค์จะใช้ที่พิพาทและที่ดินบริเวณติดต่อทำเป็นถนนและสระน้ำสาธารณะ อันเป็นการดำเนินการขึ้นภายหลังที่ออกพระราชกฤษฎีกาแล้ว และโครงการดังกล่าวกระทรวงมหาดไทยได้สั่งยกเลิกไปแล้วการที่อำเภอชัยบาดาลยังสงวนที่ดินไว้ และสุขาภิบาลลำนารายณ์ถมที่พิพาทจัดทำเป็นตลาดวางหาบเร่กับเก็บขยะ หามีผลทำให้ที่พิพาทอันเป็นที่รกร้างว่างเปล่ามาแต่เดิมซึ่งตกมาเป็นที่หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกา กลายเป็นที่สาธารณประโยชน์ไม่ เพราะอำนาจในการจัดดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินอันเป็นที่หวงห้ามมิใช่เป็นของนายอำเภอ แต่เป็นอำนาจของอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกานั้น
อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์อนุญาตให้โจทก์เข้าอยู่อาศัยทำกินในที่พิพาทแล้วแม้โจทก์จะเคยยอมรับว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ ก็เป็นเรื่องรับรู้ว่าที่พิพาทอยู่ในโครงการของอำเภอเท่านั้น หาใช่เป็นการยอมรับว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่สงวนไว้มาแต่เดิมไม่จำเลยจึงไม่มีอำนาจสั่งห้ามโจทก์ระงับการก่อสร้างโดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2668/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่สาธารณประโยชน์: แม้ประกาศหวงห้ามไม่ชอบ แต่หากโจทก์ครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่อง ย่อมเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่าไม่มีเอกชนคนใดถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายมาก่อนต่อมาได้มีประกาศหวงห้ามที่ดินไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะรวมถึงที่พิพาทด้วยและได้มีการแจ้งส.ค.1 สำหรับที่ดินตามประกาศเมื่อ ออกประกาศแล้วโจทก์ได้เข้าครอบครองที่หวงห้ามโดยทำรั้วรอบที่ดินจัดตลาดสดมีโครงการจัดสร้างสนามเด็กเล่นสนามกีฬาและหอประชุมเป็นต้นแม้ประกาศหวงห้ามที่ดินไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ถือได้ว่าที่ดินที่โจทก์ประกาศหวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องก่อนการเพิกถอนโฉนด: จำเลยยังมิได้โต้แย้งสิทธิโจทก์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ทางราชการได้ออกโฉนดที่ดินให้โจทก์ ต่อมามีผู้คัดค้านว่าที่ดินที่ออกโฉนดให้โจทก์นั้นเป็นที่สาธารณของแผ่นดินซึ่งประชาชนใช้ร่วมกันกรมที่ดินจำเลยจึงได้เรียกให้โจทก์ส่งโฉนดที่ดินดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพื่อส่งให้แก่จำเลย และให้โอกาสโจทก์ยื่นคำคัดค้านภายใน 30 วันโจทก์ยื่นคำคัดค้านว่าที่ดินดังกล่าวมารดาโจทก์ครอบครองและยกกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ ไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ แต่โจทก์ยังไม่ได้ส่งโฉนดให้จำเลยและจำเลยก็ยังมิได้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ ดังนี้ โจทก์จะฟ้องขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาสั่งให้จำเลยระงับการเพิกถอนโฉนดของโจทก์ไม่ได้เพราะยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์อันเป็นเหตุให้โจทก์ใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่สาธารณประโยชน์โดยอายุความ - คำสั่งเจ้าพนักงาน - ฟ้องไม่เคลือบคลุม
ฟ้องหาว่าจำเลยขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่สั่งให้จำเลยออกไปจากที่สาธารณประโยชน์ ได้บรรยายว่าที่สาธารณประโยชน์นั้นอยู่ตำบล อำเภอใด และวันเดือนปีที่จำเลยได้ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงาน อันเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับวันเวลา และสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิด อีกทั้งได้กล่าวถึงบุคคลและสิ่งที่เกี่ยวข้องพอสมควร เท่าที่จำเลยพอเข้าใจข้อหาได้แล้ว ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีและหลงข้อต่อสู้ จึงไม่เคลือบคลุม (จำเลยอ้างว่า ฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยบุกรุกเมื่อใด ที่ที่บุกรุกอยู่ตรงไหน เนื้อที่เท่าใด ได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์เมื่อใด ประกาศให้ประชาชนทราบเมื่อใด ไม่ได้ประกาศในราชกิจจาฯ หรือออกเป็นพระราชกฤษฎีกา โจทก์ไม่เสนอประกาศมาพร้อมฟ้อง)
ที่สำหรับราษฎรใช้เลี้ยงสัตว์ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) ทั้งเป็นมาไม่น้อยกว่า 50 ปี มีมาก่อนประกาศบังคับให้พระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าฯ พ.ศ. 2478 ไม่ต้องออกพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามหรือสงวนแต่ประการใด ทางราชการจะประกาศขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า ปลัดกิ่งอำเภอฯ ได้สั่งให้จำเลยรื้อถอนและออกจากที่สาธารณประโยชน์ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดย่อมเห็นได้ว่ามุ่งหมายเอาการสั่งของปลัดอำเภอเป็นสำคัญ ส่วนที่กล่าวถึงคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยนั้น เป็นแต่เพียงขยายความ จะถือว่าเมื่อปลัดอำเภอไม่ได้สั่งเองโดยลำพังแล้ว เท่ากับมิได้เป็นผู้สั่งหาได้ไม่
ที่สำหรับราษฎรใช้เลี้ยงสัตว์ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) ทั้งเป็นมาไม่น้อยกว่า 50 ปี มีมาก่อนประกาศบังคับให้พระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าฯ พ.ศ. 2478 ไม่ต้องออกพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามหรือสงวนแต่ประการใด ทางราชการจะประกาศขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า ปลัดกิ่งอำเภอฯ ได้สั่งให้จำเลยรื้อถอนและออกจากที่สาธารณประโยชน์ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดย่อมเห็นได้ว่ามุ่งหมายเอาการสั่งของปลัดอำเภอเป็นสำคัญ ส่วนที่กล่าวถึงคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยนั้น เป็นแต่เพียงขยายความ จะถือว่าเมื่อปลัดอำเภอไม่ได้สั่งเองโดยลำพังแล้ว เท่ากับมิได้เป็นผู้สั่งหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่สาธารณประโยชน์: การพิสูจน์ความเป็นที่สาธารณะโดยการใช้ประโยชน์กว่า 50 ปี และอำนาจสั่งการของปลัดอำเภอ
ฟ้องหาว่าจำเลยขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่สั่งให้จำเลยออกไปจากที่สาธารณประโยชน์ ได้บรรยายว่าที่สาธารณประโยชน์นั้นอยู่ตำบล อำเภอใด และวันเดือนปีที่จำเลยได้ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงาน อันเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับวันเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิด อีกทั้งได้กล่าวถึงบุคคลและสิ่งที่เกี่ยวข้องพอสมควร เท่าที่จำเลยพอเข้าใจข้อหาได้แล้ว ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีและหลงต่อสู้ จึงไม่เคลือบคลุม (จำเลยอ้างว่า ฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยบุกรุกเมื่อใด ที่ที่บุกรุกอยู่ตรงไหน เนื้อที่เท่าใดได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์เมื่อใด ประกาศให้ประชาชนทราบเมื่อใด ไม่ได้ประกาศในราชกิจจาฯ หรือออกเป็นพระราชกฤษฎีกา โจทก์ไม่เสนอประกาศมาพร้อมฟ้อง)
ที่สำหรับราษฎรใช้เลี้ยงสัตว์ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304(2) ทั้งเป็นมาไม่น้อยกว่า 50 ปี มีมาก่อนประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าฯ พ.ศ.2478 ไม่ต้องออกพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามหรือสงวนแต่ประการใด ทางราชการจะประกาศขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ ไม่ใช่สารสำคัญ
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า ปลัดกิ่งอำเภอฯ ได้สั่งให้จำเลยรื้อถอนและออกจากที่สาธารณประโยชน์ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด ย่อมเห็นได้ว่ามุ่งหมายเอาการสั่งของปลัดอำเภอเป็นสำคัญ ส่วนที่กล่าวถึงคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยนั้น เป็นแต่เพียงขยายความ จะถือว่าเมื่อปลัดอำเภอไม่ได้สั่งเองโดยลำพังแล้ว เท่ากับมิได้เป็นผู้สั่งหาได้ไม่
ที่สำหรับราษฎรใช้เลี้ยงสัตว์ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304(2) ทั้งเป็นมาไม่น้อยกว่า 50 ปี มีมาก่อนประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าฯ พ.ศ.2478 ไม่ต้องออกพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามหรือสงวนแต่ประการใด ทางราชการจะประกาศขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ ไม่ใช่สารสำคัญ
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า ปลัดกิ่งอำเภอฯ ได้สั่งให้จำเลยรื้อถอนและออกจากที่สาธารณประโยชน์ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด ย่อมเห็นได้ว่ามุ่งหมายเอาการสั่งของปลัดอำเภอเป็นสำคัญ ส่วนที่กล่าวถึงคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยนั้น เป็นแต่เพียงขยายความ จะถือว่าเมื่อปลัดอำเภอไม่ได้สั่งเองโดยลำพังแล้ว เท่ากับมิได้เป็นผู้สั่งหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่สาธารณประโยชน์: การขัดคำสั่งเจ้าพนักงานเมื่อบุกรุกและอ้างสิทธิในที่ดินสาธารณะ
ที่สาธารณประโยชน์นั้น ไม่จำเป็นที่ทางราชการต้องสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ก็เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามสภาพ
นายอำเภอสั่งให้จำเลยออกจากที่ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ จำเลยไม่ยอมออกโดยอ้างว่าเป็นที่ของจำเลยนั้น ไม่ใช่เหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
นายอำเภอสั่งให้จำเลยออกจากที่ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ จำเลยไม่ยอมออกโดยอ้างว่าเป็นที่ของจำเลยนั้น ไม่ใช่เหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์: กรมการอำเภอและอธิบดีกรมที่ดิน
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 4 มิได้ยกเลิก พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 117, 122 บัญญัติให้กรมการอำเภอดูแลรักษาที่อันเป็นสาธารณประโยชน์ และว่าจะขัดกับประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 4 (15) ก็ไม่ได้เพราะ ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 8 ให้อธิบดีกรมที่ดินทีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาและดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดิน ทั้งหลายอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ในเมื่อไม่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 117 บัญญัติให้เป็นหน้าที่กรมการอำเภอจะต้องระวังรักษาดูแลที่ดินเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐบาล ไม่ให้ผู้ใดทำให้เสียหายและ พ.ร.บ. ระเบียบราชการบริหารแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 40 วรรคสุดท้ายได้บัญญัติให้นายอำเภอมีหน้าที่เกี่ยวกับราชการอันเป็นอำนาจของกรรมการอำเภอ ฉะนั้น นายอำเภอจึงมีอำนาจดูแลรักษาและสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดทำให้ที่สาธารณประโยชน์เสียหาย
พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 117 บัญญัติให้เป็นหน้าที่กรมการอำเภอจะต้องระวังรักษาดูแลที่ดินเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐบาล ไม่ให้ผู้ใดทำให้เสียหายและ พ.ร.บ. ระเบียบราชการบริหารแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 40 วรรคสุดท้ายได้บัญญัติให้นายอำเภอมีหน้าที่เกี่ยวกับราชการอันเป็นอำนาจของกรรมการอำเภอ ฉะนั้น นายอำเภอจึงมีอำนาจดูแลรักษาและสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดทำให้ที่สาธารณประโยชน์เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์: นายอำเภอ vs กรมที่ดิน
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 4มิได้ยกเลิกพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 และพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 117,122บัญญัติให้กรมการอำเภอดูแลรักษาที่อันเป็นสาธารณประโยชน์ และจะว่าขัดกับประมวลกฎหมายที่ดินอันจะต้องยกเลิกไป ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 4(15)ก็ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 8 ให้อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาและดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดินทั้งหลายอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ในเมื่อไม่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 117บัญญัติให้เป็นหน้าที่กรมการอำเภอจะต้องระวังรักษาดูแลที่ดินเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐบาล ไม่ให้ผู้ใดทำให้เสียหายและพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2495 มาตรา 40 วรรคสุดท้ายได้บัญญัติให้นายอำเภอมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการอันเป็นอำนาจของกรมการอำเภอ ฉะนั้น นายอำเภอจึงมีอำนาจดูแลรักษาและสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดทำให้ที่สาธารณประโยชน์เสียหาย
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 117บัญญัติให้เป็นหน้าที่กรมการอำเภอจะต้องระวังรักษาดูแลที่ดินเป็นสาธารณประโยชน์ของรัฐบาล ไม่ให้ผู้ใดทำให้เสียหายและพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2495 มาตรา 40 วรรคสุดท้ายได้บัญญัติให้นายอำเภอมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการอันเป็นอำนาจของกรมการอำเภอ ฉะนั้น นายอำเภอจึงมีอำนาจดูแลรักษาและสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดทำให้ที่สาธารณประโยชน์เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นที่สาธารณประโยชน์โดยคำขอรังวัด มีผลผูกพันตามกฎหมาย แม้ไม่แก้โฉนด
เกี่ยวกับที่พิพาทปรากฏในคำขอร้องรังวัดของโจทก์ว่า โจทก์ยินยอมขอให้รังวัดตั้งแต่ทางเกวียนจนจดถนนสาย 22 เป็นที่สาธารณประโยชน์ คำขอเช่นว่านี้ก็เสมือนคำขออุทิศเป็นลายลักษณ์อักษรของโจทก์นั่นเอง
การอุทิศให้เป็นที่สาธารณประโยชน์นี้ ไม่จำต้องแก้โฉนดก็ใช้บังคับได้ตามนัยฎีกาที่ 765/2498
การอุทิศให้เป็นที่สาธารณประโยชน์นี้ ไม่จำต้องแก้โฉนดก็ใช้บังคับได้ตามนัยฎีกาที่ 765/2498
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่นายอำเภอในการดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์ แม้มีกฎหมายใหม่ให้อำนาจผู้ว่าฯ สูงกว่า
ที่สาธารณะประโยชน์เดิมเป็นอำนาจและหน้าที่ของกรมการอำเภอที่จะตรวจตรารักษาตาม พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 ม. 122 ต่อมาอำนาจหน้าที่นี้ได้โอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอโดย พ.ร.บ.ระเบียบราชการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 ม.40 วรรค.3 และไม่มีข้อความแห่งใดใน พ.ร.บ.นี้เพิกถอนอำนาจนายอำเภอที่มีอยู่ตาม พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ดังกล่าว (พ.ศ. 2457) ดังนี้เมื่อนายอำเภอสั่งให้จำเลยออกไปจากที่สาธารณะประโยชน์ จำเลยขัดขืนก็มีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ก.ม. อาญา ม. 334 (2)