คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
นิติกรรมซื้อขาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 48 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเนื่องจากฉ้อฉลและการเสียเปรียบของเจ้าหนี้
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ จำเลยที่1 ผิดสัญญาไม่ยอมจดทะเบียนโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินให้แต่ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 เรียกเงินมัดจำกับค่าปรับ และศาลได้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ กล่าวอ้างว่าภายหลังที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ยอมจดทะเบียนโอนขายที่ดินให้โจทก์แล้ว ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนโอนขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 โดยร่วมกันฉ้อฉล ทั้งที่จำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าโจทก์เป็นคู่สัญญาจะซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 จะต้องโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ และโจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ให้คืนเงินมัดจำและชำระค่าปรับ แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดจะชำระหนี้ให้โจทก์ได้นอกจากที่ดินแปลงดังกล่าวแปลงเดียว ทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 ตามสัญญาจะซื้อขาย ดังนี้หากข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าว การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 อาจเป็นการฉ้อฉล อันจะเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมสามีในนิติกรรมซื้อขายที่ดิน และการโอนกรรมสิทธิ์รวมโดยชอบด้วยกฎหมาย
สามียินยอมให้ภรรยาทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินกับ ซ. แล้วภรรยาไปทำบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมที่สำนักงานที่ดินยอมให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรของ ซ. ถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดที่ดินที่ซื้อขายกันแทน ซ. เป็นการกระทำที่สืบเนื่องมาจากนิติกรรมซื้อขายที่ดินที่สามียินยอมให้ภรรยาทำนั่นเอง ภรรยาไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากสามีอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมสามีในนิติกรรมซื้อขายที่ดิน และการโอนกรรมสิทธิ์รวมโดยชอบด้วยกฎหมาย
สามียินยอมให้ภรรยาทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินกับ ซ. แล้วภรรยาไปทำบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมที่สำนักงานที่ดิน ยอมให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรของ ซ.ถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดที่ดินที่ซื้อขายกันแทน ซ. เป็นการกระทำที่สืบเนื่องมาจากนิติกรรมซื้อขายที่ดินที่สามียินยอมให้ภรรยาทำนั่นเอง ภรรยาไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากสามีอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินเนื่องจากโอนหลังจากยกให้โดยเสน่หาและครอบครองนานกว่าสิบปี
จำเลยที่ 2 ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ตั้งแต่โจทก์ทำการสมรสเมื่อ พ.ศ. 2478 แล้วโจทก์ได้ครอบครองต่อมาเป็นเวลาสิบกว่าปีจำเลยทั้งสองจึงได้ทำการโอนที่พิพาทให้กันโดยการซื้อขายที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนเมื่อ พ.ศ. 2506 ดังนี้ โจทก์ซึ่งอยู่ในฐานะที่จะจดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อน ย่อมขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนอันเป็นทางทำให้โจทก์เสียเปรียบนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474-475/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของนิติกรรมซื้อขาย, การรับมรดก, และผลของการบอกเลิกสัญญาเช่าที่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อบกพร่องในการที่เจ้าหน้าที่กรอกชื่อบริษัทโจทก์ร่วมไว้ในทะเบียนการให้และสัญญาซื้อขายขาดคำว่า "จำกัด" ท้ายชื่อไปไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์ของนิติกรรมที่ทำขึ้น
ภริยาจำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นยอมรับเป็นผู้รับมรดกความแทนจำเลย และได้รับความยินยอมจากคู่ความ ทั้งไม่มีฝ่ายใดโต้แย้งในการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ภริยาจำเลยเข้ารับมรดกความ แม้ศาลอุทธรณ์จะมิได้สั่งอย่างใด ถือได้ว่าอนุญาตให้เป็นไปตามที่ภริยาจำเลยยอมรับจึงไม่ชอบที่ภริยาจำเลยจะรื้อฟื้นขึ้นอ้างว่าศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำสั่งในเรื่องนี้อีก
เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์นำส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าของทนายโจทก์ถึงจำเลย ไปยังที่อยู่ของจำเลยถึง 3 ครั้งก็ไม่มีผู้รับ ดังนี้ ถือได้ว่าคำบอกกล่าวเลิกสัญญาของโจทก์มีผลนับแต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์นำส่งไปถึงสถานที่ของจำเลย และจำเลยได้ทราบคำบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าของโจทก์โดยชอบสัญญาเช่าได้ระงับเลิกไปแล้วจำเลยจึงต้องออกจากตึกพิพาทของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเนื่องจากการฉ้อฉล และการพิจารณาค่าธรรมเนียมศาลในคดีไม่มีทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินซึ่งจำเลยที่ 1 ลูกหนี้โจทก์ได้โอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ฟ้องเช่นนี้เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกอันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เพราะคำขอของโจทก์ไม่ได้เรียกร้องเอกที่พิพาทมาเป็นของโจทก์ หรือขอให้โจทก์ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะผลของการที่โจทกืขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลมีแต่เพียงให้ทรัพย์สินกลับคืนมาเป็นของลูกหนี้ตามเดิมเท่านั้น.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119-120/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและการถอนคืนการให้เนื่องจากกลฉ้อฉล ประพฤติเนรคุณ และหลอกลวง
โจทก์มีที่ดินอยู่แปลงเดียวปรารภว่าจะแบ่งให้บุตรทั้ง 4 คนอ. ซึ่งเป็นบุตรีคนหนึ่งกับ ช.สามีรบเร้าให้แบ่งที่ดินยกให้อ. ก่อนโดยรับรองจะส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์เดือนละ 200 บาท ครั้นโจทก์แบ่งแยกที่ดินแล้ว อ. กับ ช.ก็แนะนำให้โอนที่ดินแปลงที่ยกให้แก่ อ. นั้น โดยทำนิติกรรมเป็นขายให้แก่ ช.โดยโจทก์ไม่ได้รับเงินเลยเมื่อได้ที่ดินแล้วอ. กับ ช.ก็ส่งเสียเงินแก่โจทก์ตามที่รับรองไว้ต่อมาช. เกิดผิดใจกับโจทก์ ช. กับ อ. ก็ถือโกรธไม่ยอมส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์ทำให้โจทก์ประสบความแร้นแค้นและ ช. ยังด่าว่าโจทก์ว่า 'คนแก่หัวหงอก พูดจากลับกลอก ไม่มีสัตย์' ต่อหน้าบุคคลหลายคนซึ่งเป็นญาติก็มี ไม่ใช่ญาติก็มีดังนี้ โจทก์ย่อมฟ้อง ช. เรียกถอนคืนการให้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531(2)(3)
โจทก์โอนที่ดินให้จำเลยโดยทำนิติกรรมเป็นขายให้ แล้วนำพยานบุคคลมาสืบหักล้างพยานเอกสารว่าโจทก์ถูกจำเลยหลอกลวงให้โอนให้ โดยโจทก์มิได้สมัครใจและมิได้รับเงินราคาที่ดินนั้น ดังนี้ โจทก์มีสิทธินำสืบได้เพราะเป็นการสืบทำลายล้างเอกสารนั้นว่ามีขึ้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยซึ่งเป็นบุตรีโจทก์ หลอกโจทก์ว่า ย. ผู้เคยมีกรณีขัดแย้งอยู่กับโจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ขอให้โจทก์โอนที่ดินให้เป็นของจำเลยเสียหากแพ้คดีจะได้ไม่ถูกยึดทั้งรับรองว่าภายหลังจะโอนกลับคืนให้แล้วจำเลยก็ให้โจทก์ทำนิติกรรมเป็นโอนขายแก่จำเลยโดยโจทก์มิได้สมัครใจและมิได้รับเงินเลย ดังนี้ ต่อมาโจทก์รู้ตัวว่าถูกหลอกลวง ได้เตือนให้จำเลยโอนคืนแล้วจำเลยขัดขืน โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายนั้นเสียได้
โจทก์ฎีกาโดยรับอนุญาตให้ฟ้องฎีกาได้อย่างคนอนาถา เมื่อจำเลยแพ้คดีในชั้นศาลฎีกา และศาลเห็นว่าจำเลยจะต้องเป็นผู้รับผิดเสียค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความทั้งสองฝ่ายศาลฎีกาย่อมสั่งให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมโดยเฉพาะค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกานั้นให้จำเลยชำระต่อศาลในนามของโจทก์ผู้ฎีกาอย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินที่เจตนาฉ้อโกงเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับตามคำพิพากษา
จำเลยโกรธเคืองโจทก์ที่ฟ้องเรียกที่ดินที่ยกให้กลับคืน เพราะเหตุเนรคุณ จึงได้ยักย้ายถ่ายเททรัพย์ไปยังผู้ร้องทั้งที่รู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โดยฝ่ายผู้ร้องก็น่าจะได้รู้เท่าถึงความจริงที่โจทก์ต้องเสียเปรียบนั้นด้วยเช่นนี้ โจทก์จึงชอบที่จะขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยและผู้ร้องเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน: โจทก์ต้องพิสูจน์กรรมสิทธิ์และเจตนาทุจริตของผู้รับซื้อ
เมื่อโจทก์จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 - 2 โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความชัดว่า ที่ดินและห้องพิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองมาจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย และจำเลยที่ 2 รับซื้อไว้โดยไม่สุจริต เมื่อ โจทก์มิได้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ไว้ตามความใน ป.พ.พ. มาตรา 1299 โจทก์ก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกคือ จำเลยที่ 2 ผู้รับโอนที่ดินพิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิไว้แล้วนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกเงินค่าที่ดินหลังเพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย และอายุความในกรณีผู้จัดการมรดกสมยอม
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายระหว่างหลวงสกลฯผู้ขายกับจำเลยผู้ซื้อในระหว่างพิจารณาคดีก่อนจำเลยโอนขายที่ดินแก่คนอื่นๆ ไปหลายทอด จนคดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลไม่อาจพิพากษาให้ใส่ชื่อโจทก์ในโฉนดที่ดินดังกล่าวได้โจทก์จึงมาฟ้องคดีใหม่ขอเรียกเงินราคาที่ดินแทน ไม่เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีเดิม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 240 เป็นเรื่องอายุความในกรณีเพิกถอนการฉ้อฉลอันลูกหนี้ได้กระทำนิติกรรมลงโดยรู้อยู่ว่าเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ส่วนเรื่องผู้จัดการมรดกคนก่อนสมยอมขายที่ดินอันเป็นมรดกให้แก่ภรรยาของตนนั้นจะใช้อายุความตาม มาตรา240 มายันแก่ผู้จัดการมรดกคนใหม่ไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นจนไม่สามารถโอนที่ดินพิพาทกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้เช่นนี้ จึงเกิดเป็นหนี้ผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิดใช้เงินราคาที่ดินแก่โจทก์รวมทั้งดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่เป็นราคาที่ดินนั้นอีกด้วย
of 5