คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บทมาตรา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 56 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5217/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานเรียกค่าไถ่ แม้ไม่ปรากฏในคำฟ้อง ศาลมีอำนาจลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้องได้
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานจับคนไปเรียกค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินอันมิควรได้จากผู้ที่จะให้ค่าไถ่ อันเป็นความผิดตามมาตรา 315ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 315 ได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3874/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาเกี่ยวกับฆาตกรรม ศาลอุทธรณ์แก้ไขบทมาตราและโทษจำคุก โจทก์ฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 15 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 72 จำคุก 3 ปี เป็นการแก้ทั้งบทกฎหมายและกำหนดโทษที่ลงโทษจำเลย เป็นการแก้ไขมาก คู่ความไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภรรยากันมาประมาณ 7 ปีมีบุตรด้วยกัน 3 คน และมีปากเสียงทะเลาะกันเสมอ ๆ ขณะก่อนเกิดเหตุ จำเลยกับผู้ตายก็มีปากเสียงทะเลาะกันอีก การที่ผู้ตายบ่นว่ากล่าวหาจำเลยพาชายชู้มานอนที่เตียงนอนและไล่จำเลยออกจากบ้าน ทั้งขู่ว่าหากจำเลยไม่ไปจากบ้านจะฆ่าจำเลยนั้น ก็เป็นเรื่องสามีภรรยาเป็นปากเสียงทะเลาะกันตามปกติที่เคยเป็นมา จะถือว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหาได้ไม่ จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงมิใช่เหตุบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นด้วยการโฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์ ศาลฎีกาพิพากษากลับโดยใช้บทมาตรา 393 แทน 326, 328
ฟ้องว่า จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ช่องสังคมอยุธยา โดยทิดแก้ว ว่า"วันก่อนเดินผ่านตลาดหักรอได้ยินเสียงเจ๊แต๋วมาดามของคุณประเสริฐมานะประเสริฐศักดิ์บก.แหลมทองตะโกนลั่นกลางตลาดว่า ถ้าคนที่ชื่อสุชาติบุญเกษมเดินผ่านหน้าร้านเมื่อไรจะถอดรองเท้าตบหน้าสักทีเสียเท่าไรก็ยอม จริงหรือเปล่าจ๊ะเจ๊"ทิดแก้ว" กลัวจะไม่จริงดังปากว่าเท่านั้นแหละแฮะ ๆ" ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328ข้อความดังนี้เป็นข้อความดูหมิ่น เพราะทำให้ผู้เสียหายบังเกิดความอับอายเป็นการดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393เป้นการอ้างบทมาตราที่ผิด ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 393 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2411/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จและหมิ่นประมาทด้วยเอกสาร การลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้อง
อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นผู้บังคับบัญชามีหน้าที่สอบสวนความผิดทางวินัยแก่โจทก์ ซึ่งเป็นข้าราชการในกรม ฯ เมื่อจำเลยทำหนังสืออันมีข้อความเท็จร้องเรียนกล่าวหาโจทก์ต่ออธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข ซึ่งอาจทำให้โจทก์เสียหาย จึงเป็นการแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ข้อความที่จำเลยร้องเรียนกล่าวหาว่าโจทก์ประพฤติตนไม่สมควรเป็นไปในทำนองเรียกร้องเอาเงินจากจำเลย โดยไม่สุจริต จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ด้วย
ความผิดในฐานหมิ่นประมาท แม้จะกระทำด้วยเอกสารเป็นหนังสือร้องเรียน แต่ก็หาได้กระทำด้วยการโฆษณาไม่ จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 326 เท่านั้น แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทมาตรานี้ในคำขอท้ายฟ้อง คงอ้างแต่มาตรา 328 ก็เป็นการอ้างบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 4
หากบทกฎหมายที่จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวมีอัตราโทษเท่ากันอยู่ 2 บท ศาลก็ลงโทษบทหนึ่งบทใดในสองบทนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2411/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานและหมิ่นประมาทด้วยเอกสาร การลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้อง
อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นผู้บังคับบัญชามีหน้าที่สอบสวนความผิดทางวินัยแก่โจทก์ซึ่งเป็นข้าราชการในกรมฯ เมื่อจำเลยทำหนังสืออันมีข้อความเท็จร้องเรียนกล่าวหาโจทก์ต่ออธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขซึ่งอาจทำให้โจทก์เสียหาย จึงเป็นการแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ข้อความที่จำเลยร้องเรียนมีความหมายไปในทางกล่าวหาว่าโจทก์ประพฤติตนไม่สมควรเป็นไปในทำนองเรียกร้องเอาเงินจากจำเลยโดยไม่สุจริต จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ด้วย
ความผิดในฐานหมิ่นประมาท แม้จะกระทำด้วยเอกสารเป็นหนังสือร้องเรียน แต่ก็หาได้กระทำด้วยการโฆษณาไม่จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 326 เท่านั้น แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทมาตรานี้ในคำขอท้ายฟ้อง คงอ้างแต่มาตรา 328 ก็เป็นการอ้างบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 4
หากบทกฎหมายที่จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวมีอัตราโทษเท่ากันอยู่ 2 บท ศาลก็ลงโทษบทหนึ่งบทใดในสองบทนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารราชการที่เกิดจากการกระทำผิดของผู้อื่น แม้จะอ้างผิดบทมาตรา ศาลลงโทษได้ตามบทที่ถูกต้อง
จำเลยเป็นคนต่างด้าว มีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศ มีผู้นำหลักฐานปลอมไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานให้ออกบัตรประจำตัวประชาชนและใบสำคัญทหารกองเกินแทนฉบับชำรุดสูญหายให้จำเลย เจ้าพนักงานหลงเชื่อคำร้องและหลักฐานปลอมนั้นจึงออกให้ เมื่อจำเลยซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเอกสารราชการดังกล่าวเกิดจากการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267ยังนำไปใช้โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่เจ้าพนักงาน ผู้อื่นหรือประชาชน จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 267
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268ประกอบด้วยมาตรา 265 แต่เมื่อข้อเท็จจริงที่ได้ความตามคำบรรยายฟ้องทั้งหมดนั้น ครบองค์เป็นความผิดตามมาตรา268 ประกอบด้วยมาตรา 267 ก็เป็นเรื่องที่โจทก์อ้างบทมาตราผิดศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอสังหาริมทรัพย์ผู้อื่น และอำนาจศาลในการงดตรวจพยานวัตถุ รวมถึงการลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้อง
คำขอท้ายฟ้องโจทก์ที่ว่า ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 มาตรา 362,364 นั้น แม้จะมีคำว่า "พ.ศ. 2499" เกินมา ก็ย่อมเห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญานั่นเอง ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญาได้
ในคดีอาญา แม้กฎหมายจะกำหนดให้ศาลไปทำการตรวจพยานวัตถุ ที่ไม่สามารถนำมาศาลได้ไว้ก็ตาม แต่ถ้าศาลเห็นว่าไม่จำเป็น ก็อาจใช้ดุลพินิจสั่งงดเสียได้
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยเข้าไปในบ้านอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์เพื่อถือการครอบครองบ้านนั้น การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา362 กรณีไม่จำต้องปรับบทด้วยมาตรา 364 อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานบุกรุก: การพิจารณาบทมาตราที่เหมาะสมเมื่อกระทำโดยกลุ่มบุคคล
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(2) เพราะเป็นการบุกรุกซึ่งมีบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกระทำผิดด้วยแล้ว ก็ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา 362 ซึ่งเป็นบทบัญญัติสำหรับความผิดฐานบุกรุกอันไม่มีเหตุฉกรรจ์อีกบทหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2130/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากวิ่งราวทรัพย์เป็นลักทรัพย์ และการลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานวิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 วรรคแรก ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์แต่ไม่ได้ใช้กิริยาฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ซึ่งเป็นแม่บทได้ แต่จะลงโทษจำเลยตามมาตรา 335 (1) ไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้อ้างมาตรานี้มาในฟ้อง ทั้งโทษตามมาตรา 335 (1) ก็หนักกว่าโทษตามมาตรา 336 วรรคแรก ที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกเงินของข้าราชการ: พิจารณาบทมาตรา 147, 151, และ 157
จำเลยเป็นเสมียนตราจังหวัดมีหน้าที่รับจ่ายและเก็บรักษาเงินของราชการส่วนจังหวัดและราชการส่วนอื่น ๆ โดยเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเงินที่ตนรับไว้ในตำแหน่งหน้าที่เป็นประโยชน์ส่วนตน ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ไม่ใช่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และเมื่อเป็นความผิดตามมาตรา 147 แล้ว ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 157 อีก
of 6