พบผลลัพธ์ทั้งหมด 34 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำพิพากษาตามยอม: การปฏิบัติตามหน้าที่ตามสัญญาประนีประนอมความสำคัญกว่าการรอไต่สวนฝ่ายผิดสัญญา
เมื่อศาลพิพากษาตามยอมให้โจทก์และจำเลยต่างปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษา ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จำเลยต่างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จำเลยย่อมชอบที่จะร้องขอให้ดำเนินการบังคับไปตามคำพิพากษาในส่วนที่บังคับอีกฝ่ายให้ปฏิบัติ ในเมื่อคดีนี้ยังไม่มีการบังคับคดี จำเลยจึงจะขอให้งดการบังคับคดี เพื่อที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่ และคดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2748-2749/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิยึดหนี้ค่าฝากทรัพย์-การคิดค่าฝาก-การบังคับตามคำพิพากษา-การสิ้นสุดสิทธิ
จำเลยสั่งสินค้าจากต่างประเทศนำเข้ามาโดยทางเรือและขนถ่ายขึ้นที่ท่าเรือของโจทก์ แล้วฝากเก็บสินค้านั้นไว้ที่โรงพักสินค้าของโจทก์จำเลยย่อมมีความผูกพันตามสัญญาฝากทรัพย์ที่จะต้องชำระบำเหน็จค่าฝากให้โจทก์ แม้โจทก์จะเก็บรักษาทรัพย์ของจำเลยไม่ดีจนเป็นเหตุให้ทรัพย์นั้นเสื่อมเสียไปบ้าง ก็ไม่ทำให้สิทธิที่จะได้รับบำเหน็จค่าฝากของโจทก์ต้องสูญสิ้นไป ความเสียหายอันเกิดจากการเก็บรักษาทรัพย์ที่ฝากไว้ไม่ดีอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวเรียกร้องเอาแก่กันอีกส่วนหนึ่ง
การท่าเรือแห่งประเทศไทยโจทก์เป็นองค์การประกอบกิจการท่าเรือเพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน มีบทกฎหมายพิเศษที่ก่อตั้งและรับรองโจทก์ ให้โจทก์มีอำนาจกำหนดอัตราค่าภาระการใช้ท่าเรือซึ่งรวมทั้งค่าฝากทรัพย์ที่เก็บไว้ที่ท่าเรือนั้นด้วย ผู้ใดมาใช้บริการเอาทรัพย์ฝากเก็บไว้ที่ท่าเรือ สัญญาฝากทรัพย์ระหว่างโจทก์กับผู้นั้นก็เกิดขึ้นโดยไม่ต้องตกลงกันในเรื่องบำเหน็จค่าฝากดังเช่นกรณีของบุคคลธรรมดา เพราะเท่ากับคู่สัญญาได้ตกลงกันในตัวให้ถือตามอัตราที่โจทก์กำหนดแม้ภายหลังจากโจทก์รับฝากทรัพย์ของจำเลยไว้แล้ว โจทก์จะกำหนดอัตราค่าฝากทรัพย์ขึ้นใหม่สูงขึ้นกว่าเดิม ก็ถือได้ว่าอัตราค่าฝากใหม่นั้นเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในข้อตกลงเดิมในสัญญาฝากทรัพย์ระหว่างโจทก์จำเลยทั้งจำเลยก็รู้อยู่แล้วว่าโจทก์ขึ้นราคาค่าฝาก แต่ไม่ขนทรัพย์ออกไปคงฝากไว้กับโจทก์อยู่เรื่อยมา จึงถือได้ว่าจำเลยตกลงยอมเสียค่าบำเหน็จค่าฝากให้โจทก์ตามอัตราใหม่ แม้จำนวนบำเหน็จค่าฝากจะท่วมราคาทรัพย์ที่ฝากมากก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้ว่า หากจำเลยต้องรับผิดใช้เงินให้โจทก์ก็ขอหักกลบลบหนี้กันค่าเสียหายที่โจทก์เก็บรักษาทรัพย์ของจำเลยไม่ดีโดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้ง ค่าเสียหายที่จำเลยกล่าวอ้างนี้ โจทก์นำสืบปฏิเสธว่าทรัพย์ของจำเลยไม่เสียหาย จึงเป็นหนี้ที่ยังมีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยจะขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์หาได้ไม่
ทรัพย์ที่ฝากย่อมจะถูกยึดหน่วงเอาไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระค่าฝาก แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้จำเลยนำสินค้าของจำเลยออกไปจากโรงพักสินค้าของโจทก์ตามที่โจทก์ฟ้อง และจำเลยได้จัดการปฏิบัติตามคำพิพากษานั้นแล้ว โจทก์ก็ยังมีสิทธิยึดหน่วงสินค้านั้นไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระบำเหน็จค่าฝาก แต่ต้องถือว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาในส่วนที่บังคับให้จำเลยนำสินค้าออกไปแล้ว แม้สินค้าจะยังอยู่ในโรงพักสินค้าของโจทก์ต่อมาก็เป็นเรื่องโจทก์ใช้สิทธิยึดถือเอาไว้เองตามสิทธิยึดหน่วงของโจทก์มิใช่จำเลยฝ่าฝืนไม่นำออกไป การคิดบำเหน็จค่าฝากทรัพย์จากจำเลยตามคำพิพากษาจึงต้องยุติลงในวันที่จำเลยไปขอขนสินค้าออกแล้วโจทก์ไม่ยอมให้ขน
การท่าเรือแห่งประเทศไทยโจทก์เป็นองค์การประกอบกิจการท่าเรือเพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน มีบทกฎหมายพิเศษที่ก่อตั้งและรับรองโจทก์ ให้โจทก์มีอำนาจกำหนดอัตราค่าภาระการใช้ท่าเรือซึ่งรวมทั้งค่าฝากทรัพย์ที่เก็บไว้ที่ท่าเรือนั้นด้วย ผู้ใดมาใช้บริการเอาทรัพย์ฝากเก็บไว้ที่ท่าเรือ สัญญาฝากทรัพย์ระหว่างโจทก์กับผู้นั้นก็เกิดขึ้นโดยไม่ต้องตกลงกันในเรื่องบำเหน็จค่าฝากดังเช่นกรณีของบุคคลธรรมดา เพราะเท่ากับคู่สัญญาได้ตกลงกันในตัวให้ถือตามอัตราที่โจทก์กำหนดแม้ภายหลังจากโจทก์รับฝากทรัพย์ของจำเลยไว้แล้ว โจทก์จะกำหนดอัตราค่าฝากทรัพย์ขึ้นใหม่สูงขึ้นกว่าเดิม ก็ถือได้ว่าอัตราค่าฝากใหม่นั้นเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในข้อตกลงเดิมในสัญญาฝากทรัพย์ระหว่างโจทก์จำเลยทั้งจำเลยก็รู้อยู่แล้วว่าโจทก์ขึ้นราคาค่าฝาก แต่ไม่ขนทรัพย์ออกไปคงฝากไว้กับโจทก์อยู่เรื่อยมา จึงถือได้ว่าจำเลยตกลงยอมเสียค่าบำเหน็จค่าฝากให้โจทก์ตามอัตราใหม่ แม้จำนวนบำเหน็จค่าฝากจะท่วมราคาทรัพย์ที่ฝากมากก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้ว่า หากจำเลยต้องรับผิดใช้เงินให้โจทก์ก็ขอหักกลบลบหนี้กันค่าเสียหายที่โจทก์เก็บรักษาทรัพย์ของจำเลยไม่ดีโดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้ง ค่าเสียหายที่จำเลยกล่าวอ้างนี้ โจทก์นำสืบปฏิเสธว่าทรัพย์ของจำเลยไม่เสียหาย จึงเป็นหนี้ที่ยังมีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยจะขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์หาได้ไม่
ทรัพย์ที่ฝากย่อมจะถูกยึดหน่วงเอาไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระค่าฝาก แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้จำเลยนำสินค้าของจำเลยออกไปจากโรงพักสินค้าของโจทก์ตามที่โจทก์ฟ้อง และจำเลยได้จัดการปฏิบัติตามคำพิพากษานั้นแล้ว โจทก์ก็ยังมีสิทธิยึดหน่วงสินค้านั้นไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระบำเหน็จค่าฝาก แต่ต้องถือว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาในส่วนที่บังคับให้จำเลยนำสินค้าออกไปแล้ว แม้สินค้าจะยังอยู่ในโรงพักสินค้าของโจทก์ต่อมาก็เป็นเรื่องโจทก์ใช้สิทธิยึดถือเอาไว้เองตามสิทธิยึดหน่วงของโจทก์มิใช่จำเลยฝ่าฝืนไม่นำออกไป การคิดบำเหน็จค่าฝากทรัพย์จากจำเลยตามคำพิพากษาจึงต้องยุติลงในวันที่จำเลยไปขอขนสินค้าออกแล้วโจทก์ไม่ยอมให้ขน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำพิพากษาซื้อขาย: จำเลยต้องรังวัดแบ่งแยกที่ดินก่อนโอนให้โจทก์ โจทก์ไม่ผิดสัญญา
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลศาลได้พิพากษาคดีเสร็จเด็ดขาดและได้มีคำบังคับให้โจทก์จำเลยปฏิบัติตามสัญญานั้นแล้ว
ต่อมาโจทก์จำเลยต่างโต้เถียงกันว่าฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา โดยโจทก์ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้ จำเลยว่าโจทก์ไม่ไปรับโอนกรรมสิทธิ์ตามนัด ถือว่าโจทก์ผิดสัญญา จำเลยจึงไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ได้จะโอนขายให้ผู้อื่นซึ่งให้ราคาสูงกว่า
ตามสัญญาจำเลยจะต้องทำการรังวัดให้ทราบเนื้อที่ให้แน่นอนและมีหน้าที่แบ่งแยกที่ดินพิพาทกับเจ้าของร่วมคนอื่นก่อนแล้วจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ได้ จำเลยยังไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวนี้จะถือว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ได้ โจทก์จึงคงมีสิทธิบังคับให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทตามคำพิพากษาตามยอมได้ บทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 เป็นบทใช้กับการเลิกสัญญา แต่กรณีนี้เป็นการบังคับตามคำพิพากษา
ต่อมาโจทก์จำเลยต่างโต้เถียงกันว่าฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา โดยโจทก์ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้ จำเลยว่าโจทก์ไม่ไปรับโอนกรรมสิทธิ์ตามนัด ถือว่าโจทก์ผิดสัญญา จำเลยจึงไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ได้จะโอนขายให้ผู้อื่นซึ่งให้ราคาสูงกว่า
ตามสัญญาจำเลยจะต้องทำการรังวัดให้ทราบเนื้อที่ให้แน่นอนและมีหน้าที่แบ่งแยกที่ดินพิพาทกับเจ้าของร่วมคนอื่นก่อนแล้วจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ได้ จำเลยยังไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวนี้จะถือว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ได้ โจทก์จึงคงมีสิทธิบังคับให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทตามคำพิพากษาตามยอมได้ บทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 เป็นบทใช้กับการเลิกสัญญา แต่กรณีนี้เป็นการบังคับตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำพิพากษาคดีอาญา: ศาลชอบบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาห้ามประกอบกิจการ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม
เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลก็ชอบที่จะบังคับคดีให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 เมื่อบังคับคดีแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ.ก็เป็นเรื่องที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะกรณีเช่นนี้ต้องนำเอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับ มิฉะนั้นคำพิพากษาของศาลก็ไร้ผล
แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ได้ระบุไว้ว่าให้ใช้มาตราใดโดยเฉพาะ แต่ก็ได้กล่าวไว้ว่าให้นำเอาภาค 4 ลักษณะ 2 หมวด1 มาใช้บังคับ ดังนั้น การจะใช้มาตราใดมาปรับแก่คดีก็เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะดำเนินการต่อไป
แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ได้ระบุไว้ว่าให้ใช้มาตราใดโดยเฉพาะ แต่ก็ได้กล่าวไว้ว่าให้นำเอาภาค 4 ลักษณะ 2 หมวด1 มาใช้บังคับ ดังนั้น การจะใช้มาตราใดมาปรับแก่คดีก็เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะดำเนินการต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำพิพากษาคดีอาญา: การห้ามประกอบกิจการและการนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้
เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลก็ชอบที่จะบังคับคดีให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา245. เมื่อบังคับคดีแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ.ก็เป็นเรื่องที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป. เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ.กรณีเช่นนี้ต้องนำเอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับ. มิฉะนั้นคำพิพากษาของศาลก็ไร้ผล.
แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ได้ระบุไว้ว่าให้ใช้มาตราใดโดยเฉพาะ. แต่ก็ได้กล่าวไว้ว่าให้นำเอาภาค 4 ลักษณะ 2 หมวด1 มาใช้บังคับ. ดังนั้น การจะใช้มาตราใดมาปรับแก่คดีก็เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะดำเนินการต่อไป.
แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ได้ระบุไว้ว่าให้ใช้มาตราใดโดยเฉพาะ. แต่ก็ได้กล่าวไว้ว่าให้นำเอาภาค 4 ลักษณะ 2 หมวด1 มาใช้บังคับ. ดังนั้น การจะใช้มาตราใดมาปรับแก่คดีก็เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะดำเนินการต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำพิพากษาขับไล่และการพิจารณาข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการครอบครองที่ดิน จำเลยต้องปฏิบัติตามคำบังคับ
คดีฟ้องขับไล่ที่โจทก์ร้องขอให้ศาลสั่งจำเลยปฏิบัติตามคำบังคับโดยอ้างว่าจำเลยผู้แพ้คดียังคงอยู่ที่บ้าน และปลูกบ้านใหม่ในที่พิพาทนั้น เมื่อจำเลยโต้แย้งศาลชอบที่จะพิจารณาและตัดสินตามกระบวนพิจารณา
เอกสารและถ้อยคำที่มิใช่พยานหลักฐานตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับรอง นั้น ย่อมฟังเป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้
เอกสารและถ้อยคำที่มิใช่พยานหลักฐานตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับรอง นั้น ย่อมฟังเป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขวันต้องขังในหมายจำคุกที่ไม่กระทบคำพิพากษา: เป็นเรื่องการบังคับตามคำพิพากษา ไม่ใช่การแก้ฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับวันถูกควบคุมตัวของจำเลยมาไม่ตรงกับความเป็นจริง จนกระทั่งศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด โดยนับวันต้องขังตามวันที่โจทก์บรรยายในฟ้อง ดังนี้ โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องขอแก้วันต้องขังของจำเลยให้ตรงกับความเป็นจริงได้ เพราะไม่ใช่เป็นการขอแก้ฟ้อง และไม่ทำให้ศาลต้องแก้ไขคำพิพากษาแต่อย่างใด เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับตามคำพิพากษาเท่านั้น (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขวันต้องขังตามหมายจำคุก: ไม่ใช่การแก้ฟ้อง แต่เป็นการบังคับตามคำพิพากษา
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับวันถูกควบคุมตัวของจำเลยมาไม่ตรงกับความเป็นจริง จนกระทั่งศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด โดยนับวันต้องขังตามวันที่โจทก์บรรยายในฟ้อง ดังนี้ โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องขอแก้วันต้องขังของจำเลยให้ตรงกับความเป็นจริงได้ เพราะไม่ใช่เป็นการขอแก้ฟ้อง และไม่ทำให้ศาลต้องแก้ไขคำพิพากษาแต่อย่างใดเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับตามคำพิพากษาเท่านั้น(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1649/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำพิพากษาให้รื้อถอนสิ่งรุกล้ำ แม้มีผู้เช่าอยู่จำเลยก็ต้องปฏิบัติตาม
ในคดีแพ่งศาลมีคำพิพากษาบังคับให้จำเลยรื้อชายคาห้องจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับโดยอ้างว่าขัดข้องมีคนเช่าห้องอยู่ศาลก็อาจจับขังจำเลยบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้
หนี้อันเกิดจากสัญญาที่ว่าจำเลยจะยอมรื้อชายคานั้น ศาลอาจบังคับให้จำเลยรื้อชายคาได้จำเลยจะอ้างว่าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับ ขอให้ศาลสั่งให้บุคคลภายนอกทำการรื้อชายคาโดยจำเลยจะเสียค่าใช้จ่ายให้ไม่ได้
หนี้อันเกิดจากสัญญาที่ว่าจำเลยจะยอมรื้อชายคานั้น ศาลอาจบังคับให้จำเลยรื้อชายคาได้จำเลยจะอ้างว่าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับ ขอให้ศาลสั่งให้บุคคลภายนอกทำการรื้อชายคาโดยจำเลยจะเสียค่าใช้จ่ายให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1649/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บังคับตามคำพิพากษาให้รื้อถอนสิ่งรุกล้ำ แม้มีผู้เช่าอาศัยอยู่ ก็ยังคงสามารถบังคับได้
ในคดีแพ่งศาลมีคำพิพากษาบังคับให้จำเลยรื้อชายคาห้องจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับโดยอ้างว่าขัดข้องมีคนเช่าห้องอยู่ ศาลก็อาจจับขังจำเลยบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้
หนี้อันเกิดจากสัญญาที่ว่าจำเลยจะยอมรื้อชายคานั้นศาลอาจบังคับให้จำเลยรื้อชายคาได้ จำเลยจะอ้างว่าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับ ขอให้ศาลสั่งให้บุคคลภายนอกทำการรื้อชายคาโดยจำเลยจะเสียค่าใช้จ่ายให้นั้นไม่ได้
หนี้อันเกิดจากสัญญาที่ว่าจำเลยจะยอมรื้อชายคานั้นศาลอาจบังคับให้จำเลยรื้อชายคาได้ จำเลยจะอ้างว่าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับ ขอให้ศาลสั่งให้บุคคลภายนอกทำการรื้อชายคาโดยจำเลยจะเสียค่าใช้จ่ายให้นั้นไม่ได้