พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีใหม่หลังจำหน่ายคดีบางส่วน การรับฟังพยานแม้ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนว่าร่วมกันกระทำผิด จำเลยบางคนรับสารภาพ บางคนปฏิเสธ ศาลสั่งให้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่ภายใน 7 วัน เป็นการสั่งจำหน่ายคดีที่เกี่ยวกับจำเลยที่ปฏิเสธ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา176 วรรคสอง เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้มาใหม่ภายในกำหนด คดีนี้จึงเป็นคดีใหม่ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงต้องดำเนินคดีใหม่นี้ให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาจะนำการดำเนินคดีที่โจทก์ได้ปฏิบัติไว้แล้วในคดีเดิมมาถือว่าเป็นการดำเนินคดีนี้ด้วยไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้กระทำได้ จึงนำบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิมมาถือเป็นบัญชีพยานในคดีนี้ด้วยไม่ได้
โจทก์และจำเลยเป็นคู่ความเดียวกันในคดีเดิมก่อนที่ศาลจะสั่งให้แยกฟ้องข้อความและข้อหาที่ฟ้องและขอให้ลงโทษเป็นทำนองเดียวกันกับคดีนี้ พยานโจทก์ทุกคนที่ศาลสืบมาในคดีนี้ก็เป็นพยานที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิม การที่โจทก์ไม่ได้ ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีที่ฟ้องใหม่นี้จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกัยประเด็นสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนกฎหมายจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)
โจทก์และจำเลยเป็นคู่ความเดียวกันในคดีเดิมก่อนที่ศาลจะสั่งให้แยกฟ้องข้อความและข้อหาที่ฟ้องและขอให้ลงโทษเป็นทำนองเดียวกันกับคดีนี้ พยานโจทก์ทุกคนที่ศาลสืบมาในคดีนี้ก็เป็นพยานที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิม การที่โจทก์ไม่ได้ ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีที่ฟ้องใหม่นี้จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกัยประเด็นสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนกฎหมายจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแยกฟ้องคดีอาญาและข้อยกเว้นการยื่นบัญชีพยานเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยหลายคนว่าร่วมกันกระทำผิด จำเลยบางคนรับสารภาพบางคนปฏิเสธ ศาลสั่งให้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ปฏิเสธเป็นคดีใหม่ภายใน 7 วัน เป็นการสั่งจำหน่ายคดีที่เกี่ยวกับจำเลยที่ปฏิบัติ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคสอง เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้มาใหม่ภายในกำหนด คดีนี้จึงเป็นคดีใหม่ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงต้องดำเนินคดีใหม่นี้ให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาจะนำการดำเนินคดีที่โจทก์ได้ปฏิบัติไว้แล้วในคดีเดิมมาถือว่าเป็นการดำเนินคดีนี้ด้วยไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้กระทำได้ จึงนำบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิมมาถือเป็นบัญชีพยานในคดีนี้ด้วยไม่ได้
โจทก์และจำเลยเป็นคู่ความเดียวกันในคดีเดิมก่อนที่ศาลจะสั่งให้แยกฟ้องข้อความและข้อหาที่ฟ้องและขอให้ลงโทษเป็นทำนองเดียวกันกับคดีนี้ พยานโจทก์ทุกคนที่ศาลสืบมาในคดีนี้ก็เป็นพยานที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิม การที่โจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีที่ฟ้องใหม่นี้จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนกฎหมายจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
โจทก์และจำเลยเป็นคู่ความเดียวกันในคดีเดิมก่อนที่ศาลจะสั่งให้แยกฟ้องข้อความและข้อหาที่ฟ้องและขอให้ลงโทษเป็นทำนองเดียวกันกับคดีนี้ พยานโจทก์ทุกคนที่ศาลสืบมาในคดีนี้ก็เป็นพยานที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีพยานที่โจทก์ยื่นไว้ในคดีเดิม การที่โจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานไว้ในคดีที่ฟ้องใหม่นี้จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนกฎหมายจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมเงิน, วันชำระหนี้, การบอกกล่าวทวงถาม, การงดสืบพยาน, และผลของการไม่ยื่นบัญชีพยาน
จำเลยทำหนังสือให้โจทก์ไว้มีใจความว่า 'ข้าพเจ้านายศุภวัตรแก้วประดับได้ยืมเงินจากนายยีซบมูฮำหมัดจำนวน 130,000 บาท และจะชำระคืนให้ตามเช็คธนาคารชาร์เตอร์เลขที่ 917820 ซึ่งได้ให้ไว้เป็นการค้ำประกัน' แล้วลงลายมือชื่อไว้ ดังนี้ หนังสือนั้นเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามกฎหมายแล้ว
เช็คธนาคารชาร์เตอร์ฉบับดังกล่าวลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2518 ซึ่งเป็นวันสั่งจ่ายนั้น ถือว่าหนี้เงินยืมนั้นได้กำหนดวันชำระไว้แล้ว คือวันที่ลงในเช็คดังกล่าวนั้นเอง เมื่อเช็คถึงกำหนดแล้วโจทก์นำไปขึ้นเงินไม่ได้ย่อมถือได้ว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่าย
การที่โจทก์รับเช็คของบุคคลอื่นไว้เป็นการค้ำประกันหนี้ นั้น ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนวัตถุประสงค์แห่งหนี้และเปลี่ยนตัวลูกหนี้อันจะทำให้จำเลยพ้นความรับผิดตามหนี้นั้น
ศาลชั้นต้นได้ทำการชี้สองสถานและแจ้งวันกำหนดนัดสืบพยานให้โจทก์จำเลยทราบ หลังจากนั้นมีการเลื่อนการสืบพยานโจทก์สองคราวนับตั้งแต่วันทำการชี้สองสถานเป็นต้นมาจนกระทั่งวันสืบพยานโจทก์ครั้งหลังสุดเป็นเวลา 2 เดือนเศษหากจำเลยมีความสนใจในคดีของตนตามสมควรย่อมมีเวลาที่จะตระเตรียมคดีได้เพียงพอ แต่จำเลยก็มิได้ยื่นบัญชีพยานเมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีพยานก็มีผลเท่ากับจำเลยไม่มีพยานจะนำสืบ จำเลยจะอ้างตนเองเข้าสืบย่อมไม่ได้ที่ศาลล่างไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำเอกสารการกู้ยืมแล้ว ย่อมไม่มีประเด็นเรื่องปิดอากรแสตมป์
เช็คธนาคารชาร์เตอร์ฉบับดังกล่าวลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2518 ซึ่งเป็นวันสั่งจ่ายนั้น ถือว่าหนี้เงินยืมนั้นได้กำหนดวันชำระไว้แล้ว คือวันที่ลงในเช็คดังกล่าวนั้นเอง เมื่อเช็คถึงกำหนดแล้วโจทก์นำไปขึ้นเงินไม่ได้ย่อมถือได้ว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่าย
การที่โจทก์รับเช็คของบุคคลอื่นไว้เป็นการค้ำประกันหนี้ นั้น ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนวัตถุประสงค์แห่งหนี้และเปลี่ยนตัวลูกหนี้อันจะทำให้จำเลยพ้นความรับผิดตามหนี้นั้น
ศาลชั้นต้นได้ทำการชี้สองสถานและแจ้งวันกำหนดนัดสืบพยานให้โจทก์จำเลยทราบ หลังจากนั้นมีการเลื่อนการสืบพยานโจทก์สองคราวนับตั้งแต่วันทำการชี้สองสถานเป็นต้นมาจนกระทั่งวันสืบพยานโจทก์ครั้งหลังสุดเป็นเวลา 2 เดือนเศษหากจำเลยมีความสนใจในคดีของตนตามสมควรย่อมมีเวลาที่จะตระเตรียมคดีได้เพียงพอ แต่จำเลยก็มิได้ยื่นบัญชีพยานเมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีพยานก็มีผลเท่ากับจำเลยไม่มีพยานจะนำสืบ จำเลยจะอ้างตนเองเข้าสืบย่อมไม่ได้ที่ศาลล่างไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำเอกสารการกู้ยืมแล้ว ย่อมไม่มีประเด็นเรื่องปิดอากรแสตมป์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีและการยื่นบัญชีพยาน: ศาลมีอำนาจพิจารณาการขอเลื่อนก่อน และโจทก์ยังคงสิทธิยื่นบัญชีพยานได้หลังการเลื่อน
ในวันนับสือพยานซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าป่วย ทนายจำเลยแถลงว่าไม่ค้าน แต่ค้านว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีพยานก่อนสืบพยานโจทก์ 3 วัน ขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ดังนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคำร้องขอเลื่อนเสียก่อน ส่วนการยื่นบัญชีระบุพยานเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 อีกชั้นหนึ่ง หลังจากที่ศาลมีคำสั่งเรื่องการขอเลื่อนคดีแล้วจะถือว่าโจทก์หมดสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเสียในชั้นนี้ยังไม่ได้
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนสืบพยาน 3 วัน ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และนัดสืบพยานจำเลยต่อไป ครั้นสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษารับบัญชีระบุพยานโจทก์และดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าขอให้มีการสืบพยานโจทก์ด้วย และการที่จะมีการสืบพยานโจทก์ได้ก็จะต้องให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียก่อน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงหาเกินคำขอของโจทก์ที่อุทธรณ์ไม่
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนสืบพยาน 3 วัน ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และนัดสืบพยานจำเลยต่อไป ครั้นสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษารับบัญชีระบุพยานโจทก์และดำเนินกระบวนการพิจารณาต่อไป ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าขอให้มีการสืบพยานโจทก์ด้วย และการที่จะมีการสืบพยานโจทก์ได้ก็จะต้องให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียก่อน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงหาเกินคำขอของโจทก์ที่อุทธรณ์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 547/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานที่ไม่ถูกต้องและการยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติม ศาลย่อมมีสิทธิรับพยานใหม่ได้หากยื่นก่อนวันนัดสืบ
ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานแทนโจทก์โดยไม่มีอำนาจ แต่ต่อมาทนายโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมก่อนวันนัดสืบพยาน ไม่น้อยกว่า 3 วัน แม้จะแถลงว่าเป็นการขออ้างพยานเพิ่มเติม ทั้ง ๆ ที่บัญชีระบุพยานเดิมใช้ไม่ได้ บัญชีระบุพยานที่ทนายโจทก์ ได้ยื่นต่อศาลก่อนวันนัดสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันนั้นก็ไม่เสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานในคดีอาญา: ขอบเขตการอ้างพยานหลักฐานตามบัญชีพยาน
คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์นั้น ศาลจะต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อนฉะนั้น แม้บัญชีระบุพยานของโจทก์จะมี คำว่า'บัญชีพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้อง' ก็ดี ก็จะถือว่าเป็นการระบุพยานเฉพาะแต่ในตอนไต่สวนมูลฟ้องไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์มีความประสงค์ที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานในคดีนั้นตามบัญชีระบุพยานของตนตลอดทั้งเรื่อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติม แม้เลยกำหนด หากไม่ทำให้คู่ความเสียเปรียบ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
การขอยื่นบัญชีพยายาฝ่ายฝืนกฎหมายหากไม่ทำให้คู่ความอีกฝ่ายเสียเปรียบศาลควรอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อเนื่องจากคดีที่ศาลรอการลงโทษ โดยจำเลยรับตามฟ้อง โจทก์ไม่ต้องอ้างในบัญชีพยาน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าขอให้ลงโทษจำเลยในคดีที่ศาลได้รอการลงโทษไว้ โดยนับโทษติดต่อกันไปตามลำดับดังนี้ โจทก์ไม่จำต้องอ้างคดีดังกล่าวไว้ในบัญชีพยาน เมื่อจำเลยรับตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาตามคำรับของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้ยื่นบัญชีพยานหลังศาลนัดสืบพยาน: พิจารณาเหตุผลความจำเป็นและไม่ทำให้คู่ความเสียเปรียบ
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีพยานจำเลยซึ่งยื่นก่อนหน้าวันศาลนัดสืบพยานเพียง 2 วันนั้น เมื่อปรากฎว่าจำเลยมีเหตุอ้างที่ต้องยื่นช้าพอสมควร ไม่ใช่เป็นการจงใจฝ่าฝืนระเบียบไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในทางคดีอย่างไรและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้ยื่นบัญชีพยานช้าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ไม่ถือเป็นการผิดกระบวนพิจารณา
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีพยานจำเลยซึ่งยื่นก่อนหน้าวันศาลนัดสืบพยานเพียง 2 วัน นั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีเหตุอ้างที่ต้องยื่นช้าพอสมควร ไม่ใช่เป็นการจงใจฝ่าฝืนระเบียบไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในทางคดีอย่างไร และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา