คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บัญชีระบุพยาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 161 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2319/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาเลื่อนคดีก่อนสั่งงดสืบพยาน: การยื่นบัญชีระบุพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ตามบทบัญญัติแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสอง ที่กำหนดให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน นั้น หมายความว่าจะต้องเป็นวันนัดที่ได้มีการสืบพยานกันจริง ๆ แต่ถ้าหากถึงวันนัดแล้วศาลอนุญาตให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลื่อนคดีได้ก็ไม่ถือว่าวันนัดดังกล่าวเป็นวันนัดสืบพยานตามความหมายของมาตรา 88 วรรคสอง ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์มาศาลและแถลงขอเลื่อนคดีอ้างว่า ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ซึ่งต้องเบิกความเป็นพยานต่อศาลติดธุระไม่สามารถมาศาลได้ ศาลชั้นต้นต้องพิจารณาสั่งเกี่ยวกับการขอเลื่อนคดีของโจทก์เสียก่อนเพราะถ้าหากศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้วันนัดดังกล่าวก็ไม่เป็นวันนัดสืบพยานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง และโจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งใหม่ให้ถูกต้องได้ การที่ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งงดสืบพยานโจทก์เสียก่อนโดยไม่ได้พิจารณาสั่งเรื่องการขอเลื่อนคดีของโจทก์เช่นนี้ จึงเป็นการไม่ถูกต้อง โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายโดยขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตามรูปคดีจึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2 ก แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาตามจำนวนทุนทรัพย์ จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2043/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ระบุพยานหลักฐานในบัญชีระบุพยานตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และการที่ศาลไม่รับฟังพยานหลักฐานที่มิได้ระบุ
ประกาศของกระทรวงการคลังเรื่องอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบการที่โจทก์ไม่ระบุอ้างประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวเป็นพยานในบัญชีระบุพยานจึงเป็นการไม่ปฎิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88ประกาศดังกล่าวจึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา86วรรคแรกเมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้บัญญัติกฎเกณฑ์และขั้นตอนต่างๆเกี่ยวกับเรื่องการอ้างพยานหลักฐานไว้ชัดแจ้งแล้วจึงเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องขวนขวายและปฎิบัติให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์และขั้นตอนดังกล่าวทั้งพยานที่ว่าโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยได้ในอัตราใดก็มิใช่พยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีเพราะมิใช่เป็นข้อที่จะทำให้โจทก์แพ้หรือชนะคดีที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับฟังประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1937/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า: เหตุสมควร & การอนุญาตศาล
แม้คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานภายในเวลากำหนด ป.วิ.พ.มาตรา 88 วรรคท้าย ก็มิได้ตัดโอกาสที่จะยื่นบัญชีระบุพยานเสียทีเดียว คงให้โอกาสแก่คู่ความฝ่ายที่มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานได้ หากปรากฏตามคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานว่ามีเหตุสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ และถ้าศาลเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมจำเป็นที่จะต้องสืบพยานเช่นว่านั้น ศาลก็อนุญาตตามคำร้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานอ้างเหตุว่า ส.ทนายความคนก่อนของโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนตัวออกจากเป็นทนายความโดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบ เป็นเหตุให้ ส.ยุติการปฏิบัติหน้าที่ของทนายความตั้งแต่วันนั้นและจากวันดังกล่าว ส.ก็ไม่ได้มาศาล ดังนี้เมื่อการไม่ยื่นบัญชีระบุพยานเป็นความบกพร่องของทนายความซึ่งโจทก์ไม่อาจทราบได้ จึงนับว่ามีเหตุอันสมควรที่โจทก์ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดได้ และเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นที่กำหนดไว้เป็นไปโดยเที่ยงธรรม ทั้งจำเลยก็ไม่ได้สืบพยานแต่ประการใดกรณีไม่อาจทำให้จำเลยเสียเปรียบ จึงชอบที่รับบัญชีระบุพยานโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1937/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานหลังพ้นกำหนดเวลา เมื่อมีเหตุสมควรและไม่ทำให้คู่ความเสียเปรียบ
แม้คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน ภายในเวลากำหนดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคท้ายก็มิได้ตัดโอกาสที่จะยื่นบัญชีระบุพยานเสียทีเดียว คงให้โอกาสแก่คู่ความฝ่ายที่มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานได้ หากปรากฏตามคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานว่ามีเหตุสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ และถ้าศาลเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมจำเป็นที่จะต้องสืบพยานเช่นว่านั้น ศาลก็อนุญาตตามคำร้อง โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานอ้างเหตุว่าส.ทนายความคนก่อนของโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนตัวออกจากเป็นทนายความโดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบ เป็นเหตุให้ ส.ยุติการปฏิบัติหน้าที่ของทนายความตั้งแต่วันนั้นและจากวันดังกล่าวส. ก็ไม่ได้มาศาล ดังนี้เมื่อการไม่ยื่นบัญชีระบุพยานเป็นความบกพร่องของทนายความซึ่งโจทก์ไม่อาจทราบได้ จึงนับว่ามีเหตุอันสมควร ที่โจทก์ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดได้ และเพื่อให้ การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นที่กำหนดไว้เป็นไปโดยเที่ยงธรรม ทั้งจำเลยก็ไม่ได้สืบพยานแต่ประการใดกรณีไม่อาจทำให้จำเลยเสียเปรียบ จึงชอบที่รับบัญชีระบุพยานโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9152/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมต้องแสดงเหตุอันสมควรและไม่ทำให้คู่ความเสียเปรียบ
ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีในชั้นผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองมีว่า จำเลยเป็นหนี้ผู้ร้องและจำนองที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นประกันการชำระหนี้ตามคำร้องนั้นโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งทั้งผู้ร้องและโจทก์ต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อสนับสนุนข้ออ้างตามคำร้องและข้ออ้างตามคำคัดค้านของตนตามประเด็นแห่งคดีที่พิพาทกัน ดังนั้น การยื่นบัญชีระบุจึงต้องตกอยู่ในบังคับบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ.มาตรา 88 ที่บังคับใช้ในขณะนั้น แต่ตามคำร้องโจทก์ที่ขอยื่นระบุพยานเพิ่มเติมระบุเพียงว่า เพื่อให้ครบถ้วนสมบูรณ์และเป็นพยานสำคัญ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมขอให้ศาลอนุญาต โดยมิได้แสดงเหตุอันสมควรว่าโจทก์ไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตน หรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด อีกทั้งหากจะอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานตามคำร้องขอดังกล่าวแล้ว ก็จะทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบ เพราะผู้ร้องได้สืบพยานเสร็จสิ้นแล้วและไม่มีโอกาสนำสืบหักล้างได้ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9152/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมต้องมีเหตุผลสมควร หากไม่มีเหตุผลและคู่ความฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบ ศาลชอบที่จะไม่อนุญาต
ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีในชั้นผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองมีว่าจำเลยเป็นหนี้ผู้ร้องและจำนองที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นประกันการชำระหนี้ตามคำร้องนั้นโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ซึ่งทั้งผู้ร้องและโจทก์ต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อสนับสนุนข้ออ้างตามคำร้องและข้ออ้างตามคำคัดค้านของตนตามประเด็นแห่งคดีที่พิพาทกันดังนั้นการยื่นบัญชีระบุจึงต้องตกอยู่ในบังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88ที่บังคับใช้ในขณะนั้นแต่ตามคำร้องโจทก์ที่ขอยื่นระบุพยานเพิ่มเติมระบุเพียงว่าเพื่อให้ครบถ้วนสมบูรณ์และเป็นพยานสำคัญเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมขอให้ศาลอนุญาตโดยมิได้แสดงเหตุอันสมควรว่าโจทก์ไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตนหรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใดอีกทั้งหากจะอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานตามคำร้องขอดังกล่าวแล้วก็จะทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบเพราะผู้ร้องได้สืบพยานเสร็จสิ้นแล้วและไม่มีโอกาสนำสืบหักล้างได้ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6520/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม จำเลยต้องแสดงเหตุสมควรที่ไม่อาจยื่นตามกำหนด
คำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยอ้างว่าจำเลยมีการศึกษาน้อยจึงไม่ทราบวิธีดำเนินกระบวนพิจารณาคดีและมิได้โต้แย้งทักท้วงการยื่นบัญชีระบุพยานของทนายจำเลยนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างจำเลยกับทนายของจำเลยเองส่วนข้อที่อ้างว่าจำเลยไม่สามารถทราบได้ว่าจะต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของจำเลยว่าพยานหลักฐานได้มีอยู่นั้นจำเลยมิได้แสดงถึงเหตุอันสมควรให้ฟังได้ว่าจำเลยไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตนอย่างไรและมิได้แสดงถึงเหตุที่จำเลยไม่ทราบว่าพยานหลักฐานได้มีอยู่ไว้ในคำร้องตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88วรรคสามกรณีจึงไม่มีเหตุที่จะให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5269/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยาน เกินกำหนด – ศาลไม่รับ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่งกำหนดให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานหลังวันชี้สองสถานถึงแปดวัน ทั้งไม่ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานโดยแสดงให้เป็นที่พอใจต่อศาลว่ามีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ตามวรรคสี่ของมาตราเดียวกัน จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5269/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานไม่ตรงตามกำหนดเวลา และการไม่อนุญาตให้แก้ไขโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88วรรคหนึ่งกำหนดให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าสิบห้าวันโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานหลังวันชี้สองสถานถึงแปดวันทั้งไม่ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานโดยแสดงให้เป็นที่พอใจต่อศาลว่ามีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตากำหนดเวลาดังกล่าวได้ตามวรรคสี่ของมาตราเดียวกันจึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7937/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานแม้ขาดสำเนาบัญชีระบุพยาน: ศาลมีดุลยพินิจเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ความตอนท้ายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา87(2)บัญญัติยกเว้นไว้ว่าถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอนุมาตรานี้ก็ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้คดีอาญาเรื่องนี้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88แล้วเพียงแต่ขาดสำเนาเพื่อส่งแก่จำเลยจำเลยมีโอกาสไปขอตรวจดูบัญชีระบุพยานที่ยื่นไว้ต่อศาลได้อยู่แล้วทั้งในการสืบพยานโจทก์ทุกปากจำเลยได้ถามค้านพยานจำเลยไม่เสียเปรียบและไม่ได้รับความเสียหายโจทก์ไม่ได้ประสงค์จะเอาเปรียบในทางคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาได้
of 17