พบผลลัพธ์ทั้งหมด 26 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าต้องเป็นไปตามกฎหมาย แม้ผู้เช่าทราบเจตนาของผู้ให้เช่าแล้ว หากระยะเวลาบอกกล่าวไม่ถูกต้อง สิทธิในการฟ้องขับไล่ยังไม่สมบูรณ์
การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ให้บอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่าระยะเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งนั้น ห้องเช่าที่ชำระค่าเช่าเป็นรายเดือน ผู้ให้เช่าจะบอกกล่าวล่วงหน้าเพียง 7 วันไม่ถึง 1 เดือนดังนี้ถือว่ายังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่าแม้ผู้เช่าจะรู้อยู่ดีว่าผู้ให้เช่าประสงค์ให้ตนออกจากห้องเช่าก็ดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจอธิบดีกำหนดวิธีการลงบัญชีโรงสี: การปฏิบัติตามคำสั่งเป็นไปตามกฎหมาย
มาตรา 201 มีความว่าให้ผู้ทำการโรงสีทำบัญชีตามแบบและวิธีการที่อธิบดีกำหนด แสดงรายการปริมาณข้าวซึ่งมีอยู่ได้มาและจำหน่ายไปเป็นรายวัน
อธิบดีจึงกำหนดว่าทุกวันที่มีการรับหรือจำหน่ายข้าวผู้ทำการโรงสีต้องลงรายการรับหรือจำหน่าย ดังนี้ คำสั่งของอธิบดีย่อมเป็นการชอบด้วยกฎหมาย ผู้ทำการโรงสีฝ่าฝืนก็มีความผิด
อธิบดีจึงกำหนดว่าทุกวันที่มีการรับหรือจำหน่ายข้าวผู้ทำการโรงสีต้องลงรายการรับหรือจำหน่าย ดังนี้ คำสั่งของอธิบดีย่อมเป็นการชอบด้วยกฎหมาย ผู้ทำการโรงสีฝ่าฝืนก็มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ลงชื่อในคำให้การและการปฏิบัติตามกฎหมายพยาน
ไม่ยอมลงชื่อในคำให้การ มีผิดตามกฎหมายข้างบน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5387/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยครบถ้วน การชำระค่าฤชาธรรมเนียมอย่างเดียวไม่เพียงพอ
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย หากจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น จำเลยต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 234 โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง เมื่อปรากฏว่า จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยเพียงแต่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลเท่านั้น แต่มิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวโดยครบถ้วน คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยแต่งทนายความเพื่อช่วยในการพิจารณามาโดยตลอดรวมทั้งในการยื่นอุทธรณ์และการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง จึงไม่อาจกล่าวอ้างว่าตนไม่ทราบข้อที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวได้ การที่จำเลยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลนับเป็นความบกพร่องของฝ่ายจำเลยเอง
จำเลยแต่งทนายความเพื่อช่วยในการพิจารณามาโดยตลอดรวมทั้งในการยื่นอุทธรณ์และการยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง จึงไม่อาจกล่าวอ้างว่าตนไม่ทราบข้อที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวได้ การที่จำเลยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลนับเป็นความบกพร่องของฝ่ายจำเลยเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5499/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ถูกต้อง จำเลยต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ไม่สามารถยื่นคำร้องซ้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 232 ทางแก้ของจำเลยที่ 1 คือต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์ และนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามมาตรา 234 แต่จำเลยที่ 1 ไม่ดำเนินการ กลับยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวเพื่อให้มีคำสั่งคืนอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 ทำมาใหม่หรือแก้ไขเพิ่มเติมหรือชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วน เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้องการที่จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งนั้น จึงเป็นการพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์เพื่อให้กลับไปสู่การวินิจฉัยเรื่องที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เท่ากับเป็นการหลีกเลี่ยงให้จำเลยที่ 1 สามารถอุทธรณ์ได้โดยไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 234 อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะได้รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3521/2564
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เรือสนับสนุนการประมงต้องปฏิบัติตามกฎหมายการตรวจเรือ แม้มีการเปลี่ยนแปลงประเภทภายหลังกำหนด
คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2560 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติมครั้งที่ 4 มีข้อกำหนดให้เจ้าของเรือประมงและเรือที่เกี่ยวข้องกับการประมงและเรือสนับสนุนการประมงต้องนำเรือมาให้คณะทำงานตรวจเรือตรวจสอบและทำเครื่องหมายที่แสดงอัตลักษณ์เรือภายในเวลาที่กำหนด ต่อมามีประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 101/2560 เรื่อง การตรวจสอบและทำเครื่องหมายที่แสดงอัตลักษณ์และการแจ้งรายการเกี่ยวกับเรือตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2560 โดยกำหนดให้เจ้าของ ผู้มีกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองเรือหรือผู้รับมอบอำนาจเจ้าของเรือตามรายชื่อแนบท้ายประกาศกรมเจ้าท่าฉบับนี้ อันรวมถึงจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของเรือมายื่นคำขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรือและทำเครื่องหมายแสดงอัตลักษณ์หรือมาแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับเรือ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของเรือแอลพีเอส 5 เรือมีน้ำหนัก 166 ตันกรอส ประเภทเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต ใช้บรรทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันที่มีจุดวาบไฟสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส ได้ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงต้องมายื่นคำขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรือและทำเครื่องหมายแสดงอัตลักษณ์เรือ หรือมาแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับเรือ การที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง