คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประมวลกฎหมายแพ่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 416 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามคำพิพากษาต้องใช้ในเวลาที่ใช้เงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้เป็นเงินตราต่างประเทศ การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและ การค้าระหว่างประกาศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเป็นเงินตราต่างประเทศพร้อมกับให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทตามอัตราเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานคร ณ สิ้นวันทำการในวันที่มีคำพิพากษาเป็นเกณฑ์นั้น เป็นการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่สอดคล้องกับ ป.พ.พ. มาตรา 196 วรรคสอง ที่ให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ สถานที่และในเวลาที่ใช้เงิน ปัญหาข้อนี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอุทธรณ์ แต่ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เห็นสมควร หยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชำรุดบกพร่องของสินค้าหลังส่งมอบ ผู้ขายไม่ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 472
ความชำรุดบกพร่องในทรัพย์สินซึ่งขายอันผู้ขายจะต้องรับผิดต่อผู้ซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 472 จะต้องเป็นความชำรุดบกพร่องที่มีอยู่ก่อนแล้วหรือมีอยู่ในขณะทำสัญญาซื้อขายหรือในเวลาส่งมอบทรัพย์สินที่ขาย ส่วนความชำรุดบกพร่องที่มีขึ้นภายหลัง ผู้ขายหาต้องรับผิดไม่ ฉะนั้น เมื่อโจทก์ทำและติดตั้งถังคริสตัลที่โรงงานของจำเลยตามสัญญาซื้อขายแล้ว จำเลยได้ดำเนินการผลิตผงชูรสได้นานประมาณ 2 เดือน จึงเกิดปัญหาหรือความเสียหายในส่วนชุดกวนของถังคริสตัล โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9526/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินโดยสุจริตและผลกระทบต่อกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1310
คำว่า "สุจริต" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1310 นั้น มีความหมายว่าผู้ปลูกสร้างได้ปลูกสร้างโรงเรือนลงในที่ดินโดยไม่ทราบว่าที่ดินเป็นของผู้ใดแต่เข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนเองและเชื่อว่าตนมีสิทธิปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินนั้นโดยชอบ เมื่อจำเลยได้ปลูกบ้านในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ส. โดยทราบอยู่ว่าที่ดินพิพาทเป็นของ ส. และได้ขออนุญาต ส. ปลูกบ้าน จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยได้ปลูกบ้านในที่ดินพิพาทโดยสุจริต แม้จำเลยจะต่อเติมบ้านในภายหลังอีกโดย ส. และโจทก์ไม่ห้ามปรามขัดขวางก็จะบังคับให้โจทก์ซึ่งเป็นทายาของ ส. รับเอาบ้านแล้วใช้ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ การที่จำเลยปลูกสร้างบ้านในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ส. นั้น มิได้ทำให้โรงเรือนตกเป็นส่วนควบของที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของ ส. และโจทก์แต่อย่างใดตามมาตรา 146

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9284/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของโรงแรมต่อทรัพย์สินของแขก:จำกัดความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 675
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าสำนักโรงแรมมิได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุโดยตรงให้ทรัพย์สินของโจทก์สูญหาย ไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยต้องรับผิดเพียงที่กฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดเกี่ยวกับวิธีเฉพาะสำหรับเจ้าสำนักโรงแรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674,675 และ 676 เท่านั้น
ทรัพย์สินของโจทก์ที่หายคือ นาฬิกาเรือนทองฝังเพชรสายสร้อยคอทองคำ เหรียญหลวงพ่อคูณกรอบทองคำล้อมเพชรพระนางพญาเลี่ยมทอง ตุ้มหูเพชร เข็มกลัดเพชรและเงินสดทรัพย์สินดังกล่าวจึงเกี่ยวด้วยเงินทอง ตรา ธนบัตร อัญมณี และของมีค่าอื่น ๆ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 675 วรรคสอง ให้จำกัดความรับผิดไว้เพียง 500 บาท เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้งโจทก์เป็นคนเดินทางหรือแขกอาศัยเมื่อไม่ฝากของมีค่าไว้จำเลยจึงรับผิดเพียง 500 บาท ไม่ว่าของมีค่านั้นผู้เดินทางจะสวมใส่มาโดยเปิดเผยหรือไม่ก็ตาม และหาใช่ว่าจะต้องฝากทรัพย์สินเฉพาะผู้ลงทะเบียนเข้าพักในโรงแรมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2887/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์และได้ชำระคืนบางส่วนแล้วจำเลยต้องรับผิดชำระหนี้ที่เหลือให้โจทก์ จำเลยให้การว่า ไม่ได้กู้เงินโจทก์ ที่จำเลยเขียนสัญญากู้เงินให้โจทก์เพราะโจทก์ทวงถามให้ผู้กู้เงินรายอื่นหลายคนชำระหนี้และมีการโต้เถียงกันเพื่อตัดปัญหาความยุ่งยากและเดือดร้อน คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยจะต้องชำระเงินตามสัญญากู้เงินให้แก่โจทก์หรือไม่ เพียงใดการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินให้ไว้ต่อโจทก์ เป็นเรื่องที่จำเลยยอมตนเข้าเป็นลูกหนี้เงินกู้แทนลูกหนี้รายอื่นและไม่ปรากฏว่ามีการขืนใจลูกหนี้เดิม การกู้เงินระหว่างโจทก์และจำเลยมีลักษณะเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์นั้น เป็นการวินิจฉัยถึงที่มาแห่งมูลหนี้ของการทำหนังสือสัญญากู้เงินระหว่างโจทก์จำเลย จึงเป็นการวินิจฉัยไปตามประเด็นข้อพิพาท ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงดอกเบี้ยในสัญญาเช่าซื้อ: ศาลวินิจฉัยดอกเบี้ยค่าเสียหายอ้างอิงอัตราตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ
ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยในสัญญาเช่าซื้อข้อ 9 ที่ว่าถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดหรือผิดสัญญาและต้องชำระเงินใด ๆ ให้แก่เจ้าของผู้เช่าซื้อยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับจากวันผิดนัดนั้นเงินที่ผิดนัดค้างชำระ หมายถึงหนี้เงินที่จำเลยต้องชำระให้โจทก์ตามสัญญา แต่ค่าเสียหายในกรณีที่จำเลยชำระหนี้ไม่ตรงตามเวลาไม่ใช่หนี้เงินตามที่สัญญาเช่าซื้อข้อ 9 ระบุไว้จึงบังคับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในค่าเสียหายดังกล่าวไม่ได้คงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2669/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคิดอัตราแลกเปลี่ยนในคดีหนี้เงินตราต่างประเทศ ศาลพิพากษาเกินคำขอไม่ได้
เอกสารที่ต้องแนบมาท้ายคำฟ้องตามข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2540 ข้อ 7 ก็เพื่อจะให้จำเลยได้รู้ว่ามีเอกสารใดที่เกี่ยวข้องตามคำฟ้องบ้างในเบื้องต้น อันจะทำให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยความสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น แม้เอกสารดังกล่าวเป็นภาษาต่างประเทศ ไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทยก็ไม่มีผลทำให้ฟ้องที่มีการบรรยายฟ้องโดยชอบแล้วกลายเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพียงแต่ในชั้นพิจารณาจะต้องมีคำแปลเป็นภาษาไทยตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 46
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ด้วยเงินตราต่างประเทศคือเงินดอลลาร์สหรัฐ การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพิพากษากำหนดให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินในวันที่มีคำพิพากษาเป็นเกณฑ์ นอกจากจะไม่เป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 196 วรรคสองแล้ว ยังเป็นการพิพากษาเกินคำขอของโจทก์โดยกำหนดการคิดอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นนอกเหนือจากที่ปรากฎในคำฟ้อง จึงไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 142 วรรคหนึ่ง
(วรรคสอง ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2544)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละมรดกต้องไม่ระบุผู้รับประโยชน์ การระบุเจตนาให้แก่ผู้อื่นไม่ใช่การสละมรดก
การสละมรดก หมายถึง การสละส่วนของตนโดยไม่เจาะจงว่าจะให้มรดกที่สละนั้นตกได้แก่บุคคลอื่นใด เพราะมิเช่นนั้นแล้วบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1615วรรคสอง จะไม่มีผลบังคับ ดังนั้น หนังสือที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านทำขึ้นโดยมีเจตนาจะไม่รับทรัพย์มรดกของผู้ตาย โดยจะยกให้ ด. ผู้เดียว จึงมิใช่เป็นการสละมรดก ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8887/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ค่าไฟฟ้า: การไฟฟ้านครหลวงเป็นผู้ประกอบการค้า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/34(1)
การไฟฟ้านครหลวงโจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจมีวัตถุประสงค์ในการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า และดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าเป็นผู้ประกอบการค้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/34(1) โจทก์ฟ้องเรียกค่ากระแสไฟฟ้าเป็นค่าสินค้าเกินกำหนด2 ปี จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3564/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความ 6 เดือน ตาม ม.563 พ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ เริ่มนับเมื่อส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า แม้สัญญายังไม่สิ้นสุด
คำว่า ส่งทรัพย์สินที่เช่าตามถ้อยคำในมาตรา 563 ป.พ.พ. มิได้ให้คำจำกัดความไว้ และการส่งคืนทรัพย์สิน ที่เช่าตามมาตราดังกล่าว กฎหมายก็มิได้บัญญัติไว้ให้เกี่ยวเนื่องหรือเกี่ยวข้องกับสัญญาเช่าสิ้นสุดหรือการบอกเลิกสัญญาเช่าและตามความในมาตรา 564 ถึงมาตรา 571 (ความระงับแห่งสัญญาเช่า) ก็ไม่ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะว่า ถ้าได้มีการส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าแล้วให้ถือว่าสัญญาเช่าสิ้นสุด ฉะนั้นอายุความ 6 เดือน ตามมาตรา 563 จึงต้องเป็นเรื่องการส่งคืนทรัพย์ที่เช่าเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องคำนึงถึงสัญญาเช่าสิ้นสุดหรือการบอกเลิกสัญญาเช่า
จำเลยได้ติดต่อขอเช่าและทำสัญญาเช่าอุปกรณ์ป้องกันสายไฟฟ้าแรงสูง (ไลน์การ์ด) จากโจทก์จำนวน 43 ชุด โจทก์ได้ให้พนักงานนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปติดตั้งให้จำเลยเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นจำเลยก็ได้รับประโยชน์หรือ ถือว่าได้ใช้อุปกรณ์ที่เช่าดังกล่าวตลอดมา ในระหว่างอายุสัญญาเช่าได้เกิดฝนตกหนักทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ในบริเวณที่อุปกรณ์ป้องกันสายไฟฟ้าแรงสูง (ไลน์การ์ด) ติดตั้งอยู่ ทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวได้รับความเสียหาย 23 ชุด คิดเป็นเงิน 197,780 บาท การที่พนักงานของโจทก์ไปทำการรื้อถอนและเก็บอุปกรณ์ดังกล่าวคืนมานั้นหากไม่มีความชำนาญจะติดตั้งอุปกรณ์ไลน์การ์ดไม่ได้ เพราะไม่มีการดับไฟฟ้าแรงสูง ดังนั้นการที่พนักงานของโจทก์ไป รื้อถอนอุปกรณ์ดังกล่าวและเก็บเอามาทั้งหมดด้วยความยินยอมของจำเลยตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2535 และต่อมาโจทก์เรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายบางส่วนจำนวน 23 ชุด พฤติการณ์จึงพอถือได้ว่าได้มีการ ส่งคืนหรือทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิมตามความหมายทั่ว ๆ ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2535 การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 6 เดือน คดีโจทก์จึงขาดอายุความซึ่งไม่พักต้องคำนึงถึงว่าผู้ว่าการของโจทก์จะได้รับรู้หรือไม่อย่างไร เพราะมาตรา 563 มิได้บัญญัติถึงการรับรู้ของผู้เสียหายไว้ด้วยดังเช่น มาตรา 448 วรรคหนึ่ง
of 42