คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประเด็นพิพาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 59 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6920/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นที่พิพาทจริง คดีนี้พิพาทเรื่องหุ้น ไม่ใช่เงินปันผล
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองซื้อหุ้นของโจทก์โดยไม่ชอบขอให้จำเลยทั้งสองคืนหุ้นและใบหุ้นที่ซื้อไว้โดยไม่ชอบให้ตัดสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่โดยอาศัยหุ้นดังกล่าวและรับเงินค่าหุ้นนั้นคืนไปจากโจทก์จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าซื้อหุ้นไว้โดยชอบโดยมิได้ฟ้องแย้งเรียกเงินปันผลของหุ้นดังนี้คำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยขอให้โจทก์นำเงินปันผลของหุ้นดังกล่าวมาชำระให้แก่จำเลยทั้งสองพร้อมดอกเบี้ยจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา264

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5217/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีทางพิพาท ศาลต้องวินิจฉัยความกว้างของทางพิพาท แม้ไม่ได้กำหนดประเด็น
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าไม่มีทางพิพาทซึ่งเท่ากับต่อสู้ถึงความกว้างของทางพิพาทด้วย ศาลจึงต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า มีทางพิพาทหรือไม่ถ้ามีกว้างเท่าใด แม้จะไม่ได้กำหนดประเด็นว่าทางพิพาทกว้างเท่าใดเป็นประเด็นพิพาทไว้ก็ตาม ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถึงความกว้างของทางพิพาทจึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นนอกประเด็นข้อพิพาทเดิม และข้อห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
จำเลยทั้งสองให้การเพียงว่าโจทก์คิด ดอกเบี้ยเกินอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศไว้มิได้ให้การถึงการคิดดอกเบี้ยทบต้นและสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเบิกกันเมื่อใดศาลชั้นต้นจึงมิได้กำหนดให้เป็น ประเด็นข้อพิพาทและที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยดอกเบี้ยทบต้นก็เกิดจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องโจทก์เท่านั้นดังนั้นที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เรื่องการคิดดอกเบี้ยทบต้นโดยมิได้ให้การไว้และศาลอุทธรณ์ภาค1ยกขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสมรส: ศาลวินิจฉัยได้แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์ประเด็นการจัดการบ้านเรือน
ผู้ร้องอ้างว่าหนี้เงินกู้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์มิใช่หนี้ร่วมผู้ร้องมิได้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นยินยอมด้วยโจทก์คัดค้านว่าจำเลยได้นำเงินกู้ไปใช้ในการอุปการะเลี้ยงดูในครอบครัวและนำเงินบางส่วนไปชำระหนี้ค่าปลูกสร้างและตกแต่งบ้านที่โจทก์นำยึดคดีมีประเด็นพิพาทว่าหนี้เงินกู้นั้นเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1490หรือไม่การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าหนี้ดังกล่าวจำเลยก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียวแต่ผู้ร้องได้ให้สัตยาบันจึงเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา1490(4)แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์ตั้งประเด็นว่าเป็นหนี้ร่วมเพราะเกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือนและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัวตามมาตรา1490(1)ศาลอุทธรณ์ภาค3ก็มีอำนาจวินิจฉัยว่าเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา1490(1)นี้ได้ไม่เป็นการนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7263/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ต้องอยู่ภายในประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ การวินิจฉัยเกินกว่าอุทธรณ์เป็นกรณีที่มิชอบ
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แล้วศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยบุกรุก จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ปลูกสร้างโรงเรือนและรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ ส่วนข้อความในอุทธรณ์ที่จำเลยกล่าวถึงการจัดทำแผนที่วิวาทว่า โรงเรือนและรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์4 ตารางวา เป็นกรณีที่จำเลยกล่าวถึงข้อที่ศาลชั้นต้นอ้างไว้ในคำพิพากษาเท่านั้นมิใช่จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงว่าโรงเรือนและรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์จริง คดียังคงมีประเด็นว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดโดยปลูกสร้างบ้านและรั้วรุกล้ำที่ดินของโจทก์ จึงไม่เป็นการวินิจฉัยเกินกว่าอุทธรณ์ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7082/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออก น.ส.3ก. โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลมีอำนาจวินิจฉัยแม้ไม่ใช่ประเด็นพิพาท และเพิกถอนได้
ปัญหาว่า น.ส.3 ก. ออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทหรือไม่มีคำขอของคู่ความให้วินิจฉัย ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทจาก ท. และครอบครองมาโดยตลอดส่วนโจทก์มีชื่อเป็นผู้ทรงสิทธิครอบครองตาม น.ส. 3 ก.ในที่ดินพิพาทเพราะโจทก์รับสมอ้างไปดำเนินการแทนจำเลยเท่านั้นแสดงว่ามีการออก น.ส.3 ก. ในนามโจทก์ ทั้งที่โจทก์มิได้เป็นผู้ซื้อและครอบครองที่ดินพิพาท เป็นการออกโดยฝ่าฝืนต่อ ประมวลกฎหมายที่ดิน จึงไม่มีผลเป็น น.ส.3 ก. โจทก์และจำเลยต่างไม่มีสิทธิจะใช้ประโยชน์จาก น.ส.3 ก. ดังกล่าวได้ เมื่อ น.ส.3 ก.นั้นออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นสมควรให้เพิกถอนน.ส.3 ก. ฉบับนั้นเสียด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6976/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกและการขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อไม่มีประเด็นพิพาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของ ซ.ผู้ตายเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทจึงไม่มีประเด็นที่พิพาท ในวันไต่สวนคำร้องผู้ร้องขอถอนคำร้อง ศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งจำหน่ายคดีไม่ใช่กรณีศาลแสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาและมีคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท ผู้ร้องจึงขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 ไม่ได้ หลังจากศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องถอนคำร้องและจำหน่ายคดีแล้วผู้ร้องขอให้ศาลเรียก ร. เข้ามาในคดี และเรียกเอกสารในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1554/2535 ของศาลชั้นต้นมาประกอบการพิจารณาไม่ทำให้คดีนี้มีประเด็นที่พิพาทเพราะการถอนคำร้องลบล้างผลแห่งการยื่นคำร้องและทำให้คู่ความกลับคืนเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 เมื่อผู้ร้องถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกไปแล้วจึงไม่มีคำร้องที่ผู้ร้องจะยกขึ้นมาขอพิจารณาใหม่ได้ แต่เป็นกรณีที่ผู้ร้องอาจยื่นคำร้องใหม่ได้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6828/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหรือไม่: ประเด็นสิทธิในรถยนต์หลังปฏิบัติตามคำบังคับศาล
คดีก่อนมีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ผิดสัญญาซื้อขายรถยนต์พิพาททั้งสองคันต่อจำเลยหรือไม่ ส่วนคดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทว่ารถยนต์คันพิพาทยังอยู่กับจำเลยหรือไม่ หรือจำเลยได้มอบรถยนต์คันพิพาทให้โจทก์แล้ว ซึ่งเป็นคนละประเด็นกันและเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวอ้างสิทธิที่เกิดขึ้นใหม่ภายหลังที่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลในคดีก่อนแล้ว และไม่ปรากฏว่ามีการวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ขอรถยนต์พิพาทคืนในชั้นบังคับคดีในคดีก่อนฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตประเด็นพิพาท: ศาลวินิจฉัยค่าเช่าบริการวิทยุติดตามตัวได้ แม้ประเด็นพิพาทกว้าง
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดหรือไม่เป็นการกำหนดประเด็นอย่างกว้าง ๆเมื่อค่าเสียหายตามคำฟ้องของโจทก์มีทั้ง ค่าเสียหายฐานผิดสัญญาเช่าใช้บริการวิทยุติดตามตัว อันได้แก่ค่าเช่าใช้บริการที่ค้างชำระเป็นต้น และค่าเสียหายอันเกิดจากการขาดประโยชน์ที่จำเลยไม่ส่งมอบวิทยุติดตามตัวคืนโจทก์จึงไม่สามารถนำออกให้เช่าหาประโยชน์ได้ด้วย ดังนั้นคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับค่าเช่าใช้บริการวิทยุติดตามตัวจึงไม่นอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1995/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินจากการแบ่งสินสมรส: ศาลพิพากษาตามประเด็นผู้ร้องอ้างสิทธิในทรัพย์สิน
คดีร้องขัดทรัพย์ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยจึงมีอยู่ตามคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องซึ่งอ้างว่าทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องโดยได้มาจากการแบ่งปันสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 เมื่อหย่ากัน ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าทรัพย์สินที่ยึดเป็นของผู้ร้องหรือไม่จึงชอบแล้ว เมื่อคดีมีประเด็นพิพาทเพียงข้อเดียวว่า ทรัพย์สินที่ยึดเป็นของผู้ร้องหรือไม่เท่านั้น ปัญหาตามฎีกาของโจทก์ที่ว่า แม้โจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องด้วย แต่ผู้ร้องก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2เพราะเป็นหนี้ที่จำเลยที่ 2 มิได้ทำเฉพาะตัว หากแต่เป็นการกระทำที่เกี่ยวข้องกับกิจการอันจำเป็นในครอบครัวเกี่ยวกับสินสมรสและเป็นหนี้เกิดจากการงานที่จำเลยที่ 2 กับผู้ร้องทำด้วยกันในฐานะที่เป็นสามี ภริยากัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1490 โจทก์จึงมีสิทธินำยึดทรัพย์รายนี้มาชำระหนี้ได้นั้นจึงเป็นเรื่องนอกประเด็นตามคำร้อง อีกทั้งมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนด้วย โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกาในประเด็นข้อนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 6