พบผลลัพธ์ทั้งหมด 150 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดทับภาพถ่ายบนสำเนาเอกสาร ไม่เป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร หากไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
การที่จำเลยนำเอาภาพถ่ายของจำเลยเองมาปิดทับลงในสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถของจำเลยถึงแม้จะกระทำไปเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจและบุคคลทั่วไปหลงเชื่อว่าเป็นต้นฉบับเอกสารที่แท้จริงแต่ในเมื่อเป็นภาพถ่ายของจำเลยและเป็นสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับรถของจำเลยเองการกระทำของจำเลยย่อมไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆแต่ผู้อื่นหรือประชาชนจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารแม้จำเลยจะนำไปใช้ก็ไม่ทำให้จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามที่โจทก์ฟ้องไปได้ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตามจำเลยผู้ฎีกาก็ยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานปลอมเอกสารสิทธิเบิกจ่ายเงินราชการโดยทุจริต
เอกสารที่ใช้ประกอบเป็นรายงานการเดินทางไปราชการได้แก่ใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงินที่แสดงว่าได้จ่ายเงินไปจริงโดยมีหลักฐานการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการที่ข้าราชการผู้นั้นเซ็นชื่อรับเงินไว้ด้วยเพื่อเบิกเงินจากส่วนราชการไปจ่ายให้และเอกสารการรับเงินที่ส่งไปล้างฎีกาเพื่อแสดงว่าได้มีการจ่ายเงินไปถูกต้องแล้วนั้นเป็นหลักฐานแห่งการก่อและระงับสิทธิในเงินค่าใช้จ่ายไปราชการซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นและรับรองในหน้าที่จึงเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา1(8)และ(9) จำเลยที่2เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานทั่วไปและช่วยควบคุมการจ่ายเงินให้ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตปลอมเอกสารดังกล่าวเพื่อขอเบิกเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของข้าราชการในสังกัดจำนวนหลายคนด้วยกันจึงมีความผิดฐานเจ้าพนักงานปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา264,266(1),268ประกอบมาตรา157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4764/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าต้องระบุการกระทำต่อเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 108 และศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนแต่ปรากฎตามคำฟ้องว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำการปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรตามมาตรา108 ดังกล่าว คงบรรยายฟ้องว่า จำเลยมีน้ำมันหล่อลื่นที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมตามมาตรา 108 ไว้เพื่อจำหน่ายและเสนอจำหน่ายอันเป็นความผิดตามมาตรา 110 ซึ่งมีระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 108 เท่านั้น กรณีจึงไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 108 แห่ง พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ได้ ศาลฎีกาชอบที่จะแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2917/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาปลอมแปลงแบบพิมพ์ใบหุ้นเพื่อใช้แทนของจริง ถือเป็นตัวการร่วมกระทำผิดฐานปลอมเอกสาร
การที่จำเลยทำปลอมแบบพิมพ์ใบหุ้นแสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะนำใบหุ้นนั้นไปดำเนินการกรอกข้อความรายละเอียดอื่นๆที่เป็นสาระสำคัญลงในใบหุ้นเพื่อใช้อย่างใบหุ้นที่แท้จริงซึ่งต่อมาก็ได้มีการกรอกข้อความรายละเอียดต่างๆลงในใบหุ้นแล้วนำไปฝากขายตามพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยมีส่วนรู้เห็นในการกรอกข้อความรายละเอียดอื่นๆที่เป็นสาระสำคัญลงในใบหุ้นด้วยจึงเป็นตัวการด้วยกันเมื่อการกระทำของจำเลยทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่นจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานปลอมใบหุ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ-ปลอมแปลงเอกสารราชการ-ใช้เอกสารปลอมเพื่อออกโฉนดที่ดิน
การที่จำเลยไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า น.ส. 3 ก.เลขที่ 2076 ของจำเลยที่เก็บไว้ที่บ้านสูญหายไป จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าข้อความที่แจ้งเป็นความเท็จการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานแจ้งให้พนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมาย-อาญา มาตรา 267
จำเลยได้ทำนิติกรรมขายที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 2076ไปแล้ว น.ส.3 ก. เลขที่ดังกล่าวจึงมิได้อยู่ในความครอบครองของจำเลย แต่จำเลยกลับให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่นั้น และรับรองว่าจำเลยมิได้ทำนิติกรรมหรือมีภาระติดพันอื่นใดเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ตามใบไต่สวนซึ่งเป็นเอกสารราชการ และให้ถ้อยคำตามเอกสารซึ่งเป็นเอกสารราชการว่า น.ส.3 ก. เลขที่ดังกล่าวเก็บไว้ที่บ้านสูญหายไปการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
จำเลยนำภาพถ่ายสำเนา น.ส. 3 ก. เลขที่ 2076 มาแก้ไขโดยการเพิ่มเติมตัดทอนข้อความ และแก้รูปแผนที่ที่ดินให้ผิดไปจากความจริง แล้วจำเลยได้ถ่ายภาพสำเนาดังกล่าวเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจว่าเอกสารที่จำเลยทำขึ้นเป็นภาพถ่ายสำเนาที่แท้จริงที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และเมื่อจำเลยได้นำภาพถ่ายสำเนาที่จำเลยทำขึ้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกโฉนดที่ดิน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม
จำเลยได้ทำนิติกรรมขายที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 2076ไปแล้ว น.ส.3 ก. เลขที่ดังกล่าวจึงมิได้อยู่ในความครอบครองของจำเลย แต่จำเลยกลับให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่นั้น และรับรองว่าจำเลยมิได้ทำนิติกรรมหรือมีภาระติดพันอื่นใดเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ตามใบไต่สวนซึ่งเป็นเอกสารราชการ และให้ถ้อยคำตามเอกสารซึ่งเป็นเอกสารราชการว่า น.ส.3 ก. เลขที่ดังกล่าวเก็บไว้ที่บ้านสูญหายไปการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
จำเลยนำภาพถ่ายสำเนา น.ส. 3 ก. เลขที่ 2076 มาแก้ไขโดยการเพิ่มเติมตัดทอนข้อความ และแก้รูปแผนที่ที่ดินให้ผิดไปจากความจริง แล้วจำเลยได้ถ่ายภาพสำเนาดังกล่าวเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าใจว่าเอกสารที่จำเลยทำขึ้นเป็นภาพถ่ายสำเนาที่แท้จริงที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และเมื่อจำเลยได้นำภาพถ่ายสำเนาที่จำเลยทำขึ้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอออกโฉนดที่ดิน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6966/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงกู้ยืมเงินพร้อมปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม
จำเลยกับพวกหลอกลวงโจทก์ร่วมว่าพวกของจำเลยชื่อ ก. และขอกู้ยืมเงินโจทก์ร่วมโดยพวกของจำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินลงชื่อ ก. กับมอบโฉนดที่ดิน ซึ่งมีชื่อ ก. ให้โจทก์ร่วมยึดถือไว้ การกระทำของจำเลยกับพวกมีเจตนาทุจริตเพื่อให้ได้เงินจากโจทก์ร่วม และมิให้โจทก์ร่วมใช้สัญญากู้ยืมเงินนั้นเป็นหลักฐานฟ้องร้องเรียกเงินคืน ทำให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหาย จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ เมื่อจำเลยกับพวกได้มอบสัญญากู้ยืมเงินนั้นให้โจทก์ร่วมยึดถือไว้ จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอมอีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5905/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเครื่องหมายการค้าต่างชนิดและของผู้เสียหายต่างเจ้าของ ถือเป็นความผิดหลายกระทง
จำเลยที่ 1 ปลอมเครื่องหมายการค้า ROLEX ของผู้เสียหายที่ 1เครื่องหมายการค้า must de Cartier ของผู้เสียหายที่ 2 เครื่องหมายการค้าCUCCI ของผู้เสียหายที่ 3 เครื่องหมายการค้า LONGINES ของผู้เสียหายที่ 4และเครื่องหมายการค้า dunhill ของผู้เสียหายที่ 5 ซึ่งเป็นการปลอมเครื่องหมายการค้าต่างชนิดและของผู้เสียหายต่างเจ้าของกัน ถือได้ว่าเป็นการกระทำต่างกรรมต่างเจตนากัน ต้องลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานปลอมเครื่องหมายการค้าตามพระราชบัญญัติ-เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 108 ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป หาใช่ความผิดกรรมเดียวกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5905/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเครื่องหมายการค้าต่างชนิดและต่างเจ้าของ ถือเป็นหลายกรรมต้องลงโทษทุกกรรม
จำเลยปลอมเครื่องหมายการค้าต่างชนิดและของผู้เสียหายต่างเจ้าของกัน ถือได้ว่าเป็นการกระทำต่างกรรมต่างเจตนากันต้องลงโทษฐานปลอมเครื่องหมายการค้าตามพระราชบัญญัติเครื่องหมาย การค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 108 ทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2262/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ: ไม่ต้องปรับบทตามมาตราทั่วไป
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 แล้ว ก็ไม่จำต้องปรับบทความผิดตามป.อ.มาตรา 264 ซึ่งเป็นบททั่วไปในคำพิพากษาอีก
จำเลยกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม การปรับบทลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 268 ในคำพิพากษาต้องระบุบทมาตราประกอบด้วย
จำเลยกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม การปรับบทลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 268 ในคำพิพากษาต้องระบุบทมาตราประกอบด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาหลักคือการได้เงิน: การลักทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร และฉ้อโกง
การที่จำเลยลักสมุดคู่ฝากเงินธนาคารของ ว.ไปแล้วปลอมลายมือชื่อของ ว.ลงในใบถอนเงินของธนาคาร และนำสมุดคู่ฝากเงินพร้อมใบถอนเงินไปแสดงต่อพนักงานธนาคารและรับเงินไป เป็นการกระทำที่มีเจตนามุ่งหมายเพื่อให้ได้เงินจากธนาคารเป็นหลัก การกระทำต่าง ๆ เป็นเพียงวิธีการเพื่อจะให้ได้เงินไปเท่านั้น แม้การกระทำแต่ละอย่างจะเป็นความผิดก็เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่จำเลยให้การรับสารภาพก็เป็นการรับว่าได้กระทำการต่าง ๆ ดังที่โจทก์ฟ้อง ส่วนที่จำเลยจะผิดกฎหมายบทใดเป็นอำนาจศาลจะพิจารณาวินิจฉัย