คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปัญหาข้อกฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 69 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218: การโต้แย้งข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย ถือเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 และมาตรา 72 ลงโทษจำคุก 5 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุก 3 ปี ตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นวางมา เช่นนี้ เป็นการแก้เฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลยไม่ได้แก้บทมาตราด้วย จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแทงผู้เสียหายหลังจากจำเลยถูกผู้เสียหายยิงและใช้ปืนตีผ่านพ้นไปแล้วและขณะผู้เสียหายวิ่งหนีไป จึงไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึงเพราะเป็นภยันตรายที่ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยฎีกาว่าจำเลยแทงผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายตามเข้ามาตีจำเลยหลังจากยิงจำเลยแล้ว และเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยวิ่งไล่ตามไปกอดปล้ำผู้เสียหายโดยจำเลยไม่ได้ถือมีดไล่ตามไปแทง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ ฎีกาของจำเลยเท่ากับเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตาม บทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ฎีกาเรื่องอำนาจฟ้อง หากข้ออ้างต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ต้องห้าม
คดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แม้จำเลยฎีกาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่เมื่อข้ออ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจำต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์มีสิทธิอยู่ในที่ดินพิพาทตามสัญญาเช่าหรือไม่ซึ่งเป็นที่ยุติและต้องห้ามฎีกา เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลย จึงมีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเมื่อปัญหาข้อกฎหมายไม่กระทบผลคำพิพากษาเดิม แม้ได้รับอนุญาตให้ฎีกา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์เป็นคดีที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 โจทก์ร่วมได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย แต่เมื่อปัญหาข้อกฎหมายนั้นแม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วได้ ดังนี้ ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้องฐานหมิ่นประมาท แม้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาททั้งสองกระทง แม้ฎีกาของโจทก์ที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาททั้งสองกระทงจะเป็นฎีกาปัญหาข้อกฎหมายก็ตาม ก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่แก้ไขใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6175/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการอุทธรณ์: ปัญหาข้อกฎหมายกับการโต้แย้งดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐาน
การกระทำอย่างไรหรือคำพูดอย่างไรที่รับฟังเป็นยุติแล้วจะเป็นความผิดตามกฎหมายบทมาตราใดหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดจึงเป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย หาใช่เป็นการโต้แย้งให้ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องซึ่งฟังยุติแล้ว อันเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานซึ่งเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงแต่อย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 747/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานและการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย และการยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปร่วมกันยื่นคำขอทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดินที่โจทก์ จำเลยและผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินร่วมกัน จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่าที่ดินส่วนของโจทก์มีบุคคลภายนอกครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจไปยื่นคำขอทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดินร่วมกับโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นสั่งให้งดสืบพยานจำเลยแล้ววินิจฉัยว่า คำให้การจำเลยไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไป พิพากษาให้จำเลยไปยื่นคำขอทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดิน ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้งดสืบพยานจำเลยแล้วยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัย ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 คำสั่งดังกล่าวจึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 227 คู่ความไม่ต้องโต้แย้งคำสั่งตามมาตรา 226 ก็อุทธรณ์ฎีกาได้ และคำให้การจำเลยที่อ้างสิทธิของบุคคลภายนอกขึ้นต่อสู้นั้น เป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้อง จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปศาลชั้นต้นสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3425/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยได้
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์และจำเลย แล้ววินิจฉัยชี้ขาดโดยอ้าง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5 เป็นหลักว่าจำเลยกระทำการโดยสุจริต โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แสดงว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยชี้ขาดดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24,228(3) โดยไม่ต้องโต้แย้งคำสั่งไว้ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3019/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม-ปัญหาข้อกฎหมายใหม่-การรับสารภาพ: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาที่ยกข้อกฎหมายใหม่หลังจำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 218
จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอการลงโทษ เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2325/2528 ของศาลชั้นต้น กับฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะมิได้ฟ้องคดีภายใน 72ชั่วโมงและไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการฎีกาดังกล่าวแม้จะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ข้อเท็จจริงตามฎีกาของจำเลยไม่มีปรากฏในการพิจารณาของศาลชั้นต้น ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่เมื่อมีการอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย และการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง
กรณีที่มีการอุทธรณ์เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย การวินิจฉัย ข้อกฎหมายนั้นๆ ศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของ ศาลชั้นต้น แต่ถ้าศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดต่อกฎหมายศาลอุทธรณ์มีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่แล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดไปตามนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243(3)(ก) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจถือเอาข้อเท็จจริงตาม คำพิพากษาคดีแพ่งมาผูกพันโจทก์ในคดีอาญาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยศาลชั้นต้นชอบที่จะวินิจฉัยพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเพื่อประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณานั้น เท่ากับโจทก์อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดต่อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์มีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่แล้วพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดไปตามนั้นได้ ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นฟังว่าเอกสารสัญญากู้ที่จำเลยใช้เป็นหลักฐานฟ้องเรียกเงินกู้จากโจทก์ในคดีแพ่งเป็นเอกสารที่แท้จริงแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานแสดงหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 นั้น เป็น การยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ใน ปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2674/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายใหม่: ต้องเป็นเรื่องความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ปัญหาข้อกฎหมายที่คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวไว้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แต่คู่ความมีสิทธิที่จะฎีกาได้นั้นจะต้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 24 เพียงแต่ให้สิทธิแก่ผู้จัดสรรที่ดินที่จะเรียกร้องเอาราคาที่ดินทั้งหมดที่ผู้ซื้อยังค้างชำระอยู่ในกรณีที่ผู้ซื้อผิดนัดไม่ชำระราคาที่ต้องชำระเป็นคราวๆ ตั้งแต่สองคราวติดต่อกันขึ้นไปก็ได้เท่านั้น จึงมิใช่กฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยไม่มีสิทธิอ้างประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวมาให้ศาลวินิจฉัยในเมื่อมิได้ยกข้อต่อสู้ในเรื่องนี้ไว้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
of 7