พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่เกินสมควรแก่เหตุ: กรณีจำเลยถูกกลุ่มบุคคลรายล้อมทำร้ายและใช้ปืนยิงตอบโต้
ผู้ตายกับพวกซึ่งมีจำนวนมากคน ได้รายล้อมเข้าไปโดยอาการที่เห็นได้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยมีแต่ตัวคนเดียวและเป็นเวลากลางคืน จำเลยยิงปืนขึ้นสองนัดนัดแรกเป็นการยิงขู่ แต่ผู้ตายกับพวกก็มิได้หยุดยั้งคงรายล้อมเข้าไปในลักษณะอาการที่จะกลุ้มรุมทำร้ายจำเลยอีก จำเลยใช้ปืนยิงไปนัดที่สองถูกนายเล็กและผู้ตาย ย่อมถือได้ว่าจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน
แม้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าไปกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย แต่พวกผู้ตายไม่มีปืน การที่จำเลยใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
แม้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าไปกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย แต่พวกผู้ตายไม่มีปืน การที่จำเลยใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล้นทรัพย์โดยใช้ปืน: การพิจารณาความต่อเนื่องของการกระทำผิด
จำเลยปล้นกระท่อมนาผู้เสียหาย แล้วต้อนกระบือผู้เสียหายพร้อมทั้งบังคับให้ผู้เสียหายกับพวกติดตามมาด้วย ครั้นจำเลยคุมตัวผู้เสียหายกับพวกห่างจากกระท่อมที่เกิดเหตุได้ประมาณ 40 เส้น จึงปล่อยให้ผู้เสียหายกับพวกกลับ ก่อนจะปล่อยตัวจำเลยได้ใช้ปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า 2 นัด ดังนี้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงในภายหลังไม่ใช่เพื่อความสะดวกในการปล้น หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมอย่างใดการปล้นได้ขาดตอนไปแล้ว จึงมิใช่เป็นการยิงปืนอันต่อเนื่องกับการปล้นแต่ประการใด จะปรับเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสี่ ไม่ได้ จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่า: แม้ปืนไม่ลั่น ก็มีความผิดฐานพยายามฆ่า หากรู้ว่ากระสุนอาจลั่นได้
ในกรณีที่จำเลยใช้ปืนซึ่งเคยรู้มาก่อนแล้วว่ากระสุนอาจจะลั่นได้ยิงผู้เสียหาย แต่กระสุนปืนไม่ลั่น ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 มิใช่ 288, 81
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทเลินเล่อถือปืนในป่า: การกระทำโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ระหว่างเดินทางกลับจากการล่าสัตว์. จำเลยถือปืนแก๊ปยาวบรรจุกระสุนปืนไว้พร้อมที่จะยิงได้ เดินตามหลังผู้ตายห่างราว 5 เมตร ในป่าซึ่งมีเถาวัลย์อยู่ตามเส้นทางที่เดิน. โดยหันปากกระบอกปืนไปทางผู้ตายในท่าคอนปืนเอาปากกระบอกไปข้างหน้า เพียงแต่ใช้ยางในรถปิดรูนมหนูกับนกปืนมิให้กระทบกับแก๊ปที่สวมติดอยู่กับรูนมหนูเท่านั้น. ไม่ระมัดระวังมิให้นกปืนเกี่ยวกับเถาวัลย์ อันจะเป็นเหตุให้ปืนลั่นปะทุขึ้นได้.นกปืนไปเกี่ยวกับเถาวัลย์ ทำให้ปืนลั่น กระสุนปืนถูกผู้ตายที่บริเวณก้านคอด้านหลังถึงแก่ความตาย. จำเลยมีความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทจากการใช้ปืนที่ไม่ปลอดภัยเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
อย่างไรจึงถือว่ากระทำโดยประมาท
อาวุธปืนของจำเลยเป็นปืนแก๊ปชนิดทำขึ้นเองที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรง จำเลยได้บรรจุแก๊ปดินปืน กระสุนปืน ทั้งยังได้ขึ้นไกปืนไว้อีกด้วย การที่จำเลยนำปืนแก๊ปที่ไม่ปลอดภัยดังกล่าวนี้ไปพิงไว้ที่ฝาห้องใกล้ประตูเข้าออกย่อมเห็นได้ว่าเสี่ยงต่ออันตรายที่ไกปืนซึ่งขึ้นไว้ หากถูกกระเทือนเข้ากระสุนปืนที่จำเลยบรรจุไว้ก็จะลั่นออกไปอย่างนี้ จึงหาใช่วิสัยของปกติชนจะพึงกระทำไม่ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาท ต่อมาจำเลยได้ปิดประตูห้องโดยแรง ปืนที่พิงอยู่ได้ล้มกระแทกพื้น ทำให้ปืนลั่น กระสุนจึงถูกผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
อาวุธปืนของจำเลยเป็นปืนแก๊ปชนิดทำขึ้นเองที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรง จำเลยได้บรรจุแก๊ปดินปืน กระสุนปืน ทั้งยังได้ขึ้นไกปืนไว้อีกด้วย การที่จำเลยนำปืนแก๊ปที่ไม่ปลอดภัยดังกล่าวนี้ไปพิงไว้ที่ฝาห้องใกล้ประตูเข้าออกย่อมเห็นได้ว่าเสี่ยงต่ออันตรายที่ไกปืนซึ่งขึ้นไว้ หากถูกกระเทือนเข้ากระสุนปืนที่จำเลยบรรจุไว้ก็จะลั่นออกไปอย่างนี้ จึงหาใช่วิสัยของปกติชนจะพึงกระทำไม่ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาท ต่อมาจำเลยได้ปิดประตูห้องโดยแรง ปืนที่พิงอยู่ได้ล้มกระแทกพื้น ทำให้ปืนลั่น กระสุนจึงถูกผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทจากการใช้ปืนที่ไม่ปลอดภัยทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
อย่างไรจึงถือว่ากระทำโดยประมาท
อาวุธปืนของจำเลยเป็นปืนแก๊ปชนิดทำขึ้นเอง ที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรงจำเลยได้บรรจุแก๊ปดินปืนกระสุนปืนทั้งยังได้ขึ้นไกปืนไว้อีกด้วย การที่จำเลยนำปืนแก๊ปที่ไม่ปลอดภัยดังกล่าวนี้ไปพิงไว้ที่ฝาห้องใกล้ประตูเข้าออกย่อมเห็นได้ว่าเสี่ยงต่ออันตรายที่ไกปืนที่ซึ่งขึ้นไว้ หากถูกกระเทือนเข้ากระสุนปืนที่จำเลยบรรจุไว้ก็จะลั่นออกไปอย่างนี้ จึงหาใช่วิสัยของปกติชนจะพึงกระทำไม่ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาท ต่อมาจำเลยได้ปิดประตูห้องโดยแรง ปืนที่พิงอยู่ได้ล้มกระแทกพื้นทำให้ปืนลั่น กระสุนจึงถูกผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
อาวุธปืนของจำเลยเป็นปืนแก๊ปชนิดทำขึ้นเอง ที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรงจำเลยได้บรรจุแก๊ปดินปืนกระสุนปืนทั้งยังได้ขึ้นไกปืนไว้อีกด้วย การที่จำเลยนำปืนแก๊ปที่ไม่ปลอดภัยดังกล่าวนี้ไปพิงไว้ที่ฝาห้องใกล้ประตูเข้าออกย่อมเห็นได้ว่าเสี่ยงต่ออันตรายที่ไกปืนที่ซึ่งขึ้นไว้ หากถูกกระเทือนเข้ากระสุนปืนที่จำเลยบรรจุไว้ก็จะลั่นออกไปอย่างนี้ จึงหาใช่วิสัยของปกติชนจะพึงกระทำไม่ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาท ต่อมาจำเลยได้ปิดประตูห้องโดยแรง ปืนที่พิงอยู่ได้ล้มกระแทกพื้นทำให้ปืนลั่น กระสุนจึงถูกผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่า: ปืนไม่ได้ง้างนก ไม่พร้อมยิง พฤติการณ์ข่มขู่ด้วยความเมา ไม่ถือเป็นความผิด
จำเลยเอาปืนจี้ผู้เสียหายปืนที่จำเลยใช้จี้นั้นยังไม่ได้ง้างนกปืนขึ้น แม้นิ้วมือของจำเลยจะอยู่ในโกร่งไกปืนสภาพของปืนก็ยังไม่พร้อมที่จะ ยิงได้และมีพฤติการณ์อื่นประกอบแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะยิงเมื่อจำเลยไม่มีเจตนายิงการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 107/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่า: ปืนมีกำลังน้อย ไม่ถึงแก่ชีวิต ลดโทษเป็นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81
จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในระยะใกล้เพียงวาเดียว บาดแผลเป็นวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร บริเวณรอบ ๆ แผลเป็นรอยบวม บาดแผลไม่ลึก เนื่องจากติดกับกระดูกหน้าแข้ง และที่หน้าแข้งที่ตรงกับแผลได้บุ๋มเข้าไปเพียงเล็กน้อย บาดแผลนี้รักษาอยู่ 4 วันก็กลับบ้านได้ แสดงว่าบาดแผลมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเห็นว่าปืนที่จำเลยใช้ยิงมีกำลังน้อยมาก ดังนี้ ความผิดของจำเลยจึงต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81 โดยถือว่าจำเลยมุ่งต่อผล ซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด แต่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำผิด จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 81
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 107/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่าด้วยปืนที่มีกำลังน้อย ศาลลดโทษเหลือความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย
จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในระยะใกล้เพียงวาเดียวบาดแผลเป็นวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซ็นติเมตรบริเวณรอบๆ แผลเป็นรอยบวม บาดแผลไม่ลึกเนื่องจากติดกับกระดูกหน้าแข้งและที่หน้าแข้งที่ตรงกับแผลได้บุ๋มเข้าไปเพียงเล็กน้อยบาดแผลนี้รักษาอยู่ 4 วันก็กลับบ้านได้แสดงว่าบาดแผลมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นซึ่งเห็นว่าปืนที่จำเลยใช้ยิงมีกำลังน้อยมาก ดังนี้ ความผิดของจำเลยจึงต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81 โดยถือว่าจำเลยมุ่งต่อผล ซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด แต่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำผิดจำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 81
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยเจตนาในการใช้ปืนต่อสู้เมื่อถูกรุมทำร้ายในเวลากลางคืน และการพิจารณาความพอสมควรแห่งเหตุ
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยถูกรุมทำร้ายด้วยอาวุธในเวลากลางคืนจำเลยเข้าใจว่าทั้งถูกตีและถูกฟันไม่อาจรู้ได้ว่าจะเป็นอันตรายสักเพียงไหนจำเลยจึงใช้ปืนยิงไปยังกลุ่มคนที่ทำร้าย กระสุนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายซึ่งจำเลยเองก็ไม่รู้ว่ากระสุนปืนถูกผู้ใดดังนี้ถือได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันตัวในการที่คนกลุ่มนั้นทำร้าย และไม่มีอาวุธอื่นใช้ต่อสู้ได้การป้องกันของจำเลยที่ใช้ปืนยิงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยจึงไม่มีความผิด