พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3504/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จในคดีขับไล่: ข้อความที่ไม่กระทบผลคดี ไม่เป็นความผิด
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากตึกแถวที่เช่าเนื่องจากครบกำหนดอายุสัญญาเช่าแล้ว เมื่อจำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์จริงแม้จำเลยจะเบิกความว่าลายมือชื่อผู้เช่าในสัญญาเช่าที่โจทก์นำมาฟ้องไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยและสัญญาเช่าปลอม ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใดเพราะสัญญาเช่าจะปลอมหรือไม่จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่อาศัยในตึกแถวที่เช่าอีกต่อไป ข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลดังกล่าวจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี แม้จะเป็นความเท็จจำเลยก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3328/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทจำกัดเฉพาะความเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ การต่อสู้เกินประเด็นไม่กระทบผลคดี
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่เพิกถอน น.ส.3 ก.ของโจทก์ที่อ้างว่าออกทับที่ดินสาธารณประโยชน์ โดยโจทก์อ้างว่าที่ดินนั้นไม่ใช่ที่ดินสาธารณประโยชน์ ประเด็นแห่งคดีจึงอยู่ที่เหตุที่จำเลยออกคำสั่ง คือที่ดินพิพาทเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์หรือไม่เท่านั้น การที่จำเลยให้การต่อสู้เพิ่มเติมจากประเด็นดังกล่าวออกไปอีกว่า จำเลยเพิกถอนชอบแล้ว เพราะ น.ส.3 ก. ออกโดยผิดกฎหมาย เนื่องจากโจทก์ไม่ได้ครอบครองมาก่อน อันเป็นผลให้ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นประเด็นข้อนี้ขึ้น แต่ข้อต่อสู้นี้ไม่มีผลกระทบถึงผลแห่งคดีย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทให้คู่ความนำสืบ จึงเป็นการกำหนดประเด็นขึ้นโดยไม่ชอบ ถือได้ว่าคดีไม่มีประเด็นดังกล่าว แม้ศาลล่างจะวินิจฉัยมาก็ไม่ผูกพันศาลฎีกาที่จะต้องวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3239/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต่อศาลในคดีอาญา: ผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของพยานและผลคดี
ตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยได้ความว่าจำเลยรู้เห็นใกล้ชิดกับเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ แต่ในชั้นศาลจำเลยกลับเบิกความอันเป็นเท็จว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุ หากจำเลยเบิกความไปตามที่รู้เห็นดังที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวน จำเลยย่อมเป็นพยานที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์สนับสนุนคำของพยานโจทก์ปากอื่นให้มีน้ำหนักมั่นคงยิ่งขึ้น อันอาจทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปในทางตรงข้ามได้ ดังนี้ แม้ศาลจะมิได้หยิบยกคำเบิกความของจำเลยขึ้นวินิจฉัย คำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยก็เป็นข้อสำคัญในคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2940/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทต้องมีผลกระทบต่อผลคดี สัญญาเช่าสิ้นสุด ผู้รับโอนสิทธิไม่ผูกพันสัญญาพิเศษ
ในการกำหนดประเด็นข้อพิพาท ศาลย่อมคำนึงว่าข้ออ้างข้อเถียงที่จะกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทจะต้องมีผลกระทบกระเทือนถึงผลแห่งคดี ถ้าข้อโต้เถียงใดไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงผลแห่งคดี ย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทให้คู่ความนำสืบ
คดีฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าออกจากห้องพิพาท โจทก์มีโฉนดที่ดินและหนังสือสัญญาซื้อขายซึ่งทำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แสดงโดยแจ้งชัดว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินพร้อมด้วยห้องพิพาทซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินจากเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม การที่จำเลยเถียงว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจากเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมไม่ใช่เจ้าของที่ดินรวมทั้งห้องพิพาท จึงเป็นการดึงดันเถียงโดยมีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า ที่ศาลสั่งตัดพยานจำเลยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 แล้ว
เมื่อสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับเจ้าของเดิมสิ้นกำหนดเวลาเช่าแล้ว ถึงหากจำเลยจะมีสัญญาต่างตอบแทนกับเจ้าของเดิมยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา สัญญานั้นก็คงผูกพันเฉพาะคู่สัญญาโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องพิพาทคงรับโอนมาเฉพาะสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่าตามสัญญาเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 หาถูกผูกพันตามสัญญาต่างตอบแทนพิเศษนั้นด้วยไม่
คดีฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าออกจากห้องพิพาท โจทก์มีโฉนดที่ดินและหนังสือสัญญาซื้อขายซึ่งทำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แสดงโดยแจ้งชัดว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินพร้อมด้วยห้องพิพาทซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินจากเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม การที่จำเลยเถียงว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจากเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมไม่ใช่เจ้าของที่ดินรวมทั้งห้องพิพาท จึงเป็นการดึงดันเถียงโดยมีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า ที่ศาลสั่งตัดพยานจำเลยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 แล้ว
เมื่อสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับเจ้าของเดิมสิ้นกำหนดเวลาเช่าแล้ว ถึงหากจำเลยจะมีสัญญาต่างตอบแทนกับเจ้าของเดิมยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา สัญญานั้นก็คงผูกพันเฉพาะคู่สัญญาโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องพิพาทคงรับโอนมาเฉพาะสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่าตามสัญญาเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 หาถูกผูกพันตามสัญญาต่างตอบแทนพิเศษนั้นด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่-ฟ้องแย้งคืนเงินประกัน: พิจารณาฟ้องแย้งหลังมีผลคดีหลัก
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวที่เช่า จำเลยให้การว่าสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนด การบอกกล่าวไม่ชอบขับไล่จำเลยไม่ได้ พร้อมกับฟ้องแย้งว่า โจทก์รับเงินประกันการเสียหายไว้จากจำเลยจำนวนหนึ่ง เมื่อเลิกสัญญาเช่ากันโจทก์ต้องคืนเงินประกันดังกล่าวให้จำเลยดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องที่จะเกิดตามมาภายหลัง เมื่อจำเลยถูกขับไล่แล้วโจทก์จึงจะต้องคืนเงินประกันความเสียหาย ถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไป เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะคืนเงินประกัน เป็นเรื่องที่จะต้องเรียกร้องกันอีกต่างหากเมื่อปรากฏผลในคดีนี้แล้ว จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้ากันใช้ผลคดีอื่นเป็นข้อวินิจฉัยคดีปัจจุบัน หากฝ่ายแพ้ต้องปฏิบัติตามข้อตกลง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้าน และที่ดินพิพาทกับเรียกค่าเสียหายอ้างว่าบ้านและที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยอาศัย จำเลยให้การว่าบ้านและที่ดินพิพาทเป็นของบิดาจำเลยให้ภริยาโจทก์มีชื่อในโฉนดที่ดินแทน ก่อนตายบิดาจำเลยได้สั่งให้โจทก์ ภริยาโจทก์ จำเลยและน้อง ๆ รักษาบ้านและที่ดินพิพาทไว้เป็นที่อยู่อาศัยของญาติพี่น้อง แล้วจำเลยได้ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่งว่า โจทก์คดีนี้ยอมยกที่ดินและบ้านพิพาทตีใช้หนี้แก่จำเลยแล้ว ขอให้โจทก์คดีนี้ใช้เงิน 198,000 บาท ให้จำเลย หรือโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ในชั้นพิจารณาคดีนี้โจทก์จำเลยตกลงกันว่า ถ้าผลอีกคดีหนึ่งนั้นโจทก์ในคดีนี้ชนะคดีจำเลยยอมแพ้คดีนี้ด้วย และยอมชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง แต่ถ้าโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดีดังกล่าว โจทก์ก็ต้องแพ้คดีนี้ด้วย โดยโจทก์ต้องยอมชำระเงินให้จำเลย 198,000 บาท เพื่อให้จำเลยออกจากบ้านและที่ดินพิพาทหรือยอมโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลฎีกาฟังว่าจำเลยได้ออกเงินช่วยรักษาพยาบาลภรรยาโจทกย์จริง แต่จำเลยฟ้องรวมมากับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไม่อาจทราบได้ว่าค่าใช้จ่าย และค่ารักษาพยาบาลอย่างละเท่าไร ไม่อาจพิพากษาให้ได้ จึงพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิจำเลยไปฟ้องเรียกเงินทดรองในการรักษาพยาบาลภรรยาโจทก์ ดังนี้ คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ถือว่าผลคดีตรงตามคำท้าแล้ว คือโจทก์คดีนี้เป็นฝ่ายชนะในคดีนั้น จำเลยจึงต้องแพ้คดีนี้ตามคำท้า จำเลยจะอ้างว่าคดียังไม่เสร็จเด็ดขาด และจำเลยยังไม่สละสิทธิข้อต่อสู้ในคำให้การคดีนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าทายผลคดี: ศาลพิพากษาตามข้อตกลงเมื่อผลคดีตรงตามที่ท้าทายไว้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้าน และที่ดินพิพาทกับเรียกค่าเสียหายอ้างว่าบ้านและที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยอาศัย จำเลยให้การว่าบ้านและที่ดินพิพาทเป็นของบิดาจำเลยให้ภริยาโจทก์มีชื่อในโฉนดที่ดินแทน ก่อนตายบิดาจำเลยได้สั่งให้โจทก์ ภริยาโจทก์ จำเลยและน้อง ๆ รักษาบ้านและที่ดินพิพาทไว้เป็นที่อยู่อาศัยของญาติพี่น้อง แล้วจำเลยได้ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่งว่า โจทก์คดีนี้ยอมยกที่ดินและบ้านพิพาทตีใช้หนี้แก่จำเลยแล้ว ขอให้โจทก์คดีนี้ใช้เงิน 198,000 บาท ให้จำเลย หรือโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ในชั้นพิจารณาคดีนี้โจทก์จำเลยตกลงกันว่า ถ้าผลอีกคดีหนึ่งนั้นโจทก์ในคดีนี้ชนะคดีจำเลยยอมแพ้คดีนี้ด้วย และยอมชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้องแต่ถ้าโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดีดังกล่าว โจทก์ก็ต้องแพ้คดีนี้ด้วย โดยโจทก์ต้องยอมชำระเงินให้จำเลย 198,000 บาท เพื่อให้จำเลยออกจากบ้านและที่ดินพิพาทหรือยอมโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลฎีกาฟังว่าจำเลยได้ออกเงินช่วยรักษาพยาบาลภรรยาโจทก์จริง แต่จำเลยฟ้องรวมมากับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไม่อาจทราบได้ว่าค่าใช้จ่าย และค่ารักษาพยาบาลอย่างละเท่าไร ไม่อาจพิพากษาให้ได้จึงพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิจำเลยไปฟ้องเรียกเงินทดรองในการรักษาพยาบาลภรรยาโจทก์ดังนี้ คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ถือว่าผลคดีตรงตามคำท้าแล้ว คือโจทก์คดีนี้เป็นฝ่ายชนะในคดีนั้น จำเลยจึงต้องแพ้คดีนี้ตามคำท้า จำเลยจะอ้างว่าคดียังไม่เสร็จเด็ดขาด และจำเลยยังไม่สละสิทธิข้อต่อสู้ในคำให้การคดีนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคดีแพ่งต้องสอดคล้องกับผลคดีอาญา หากศาลอาญาตัดสินว่าจำเลยไม่มีส่วนร่วมในการซื้อขาย จึงไม่มีความรับผิดในคดีแพ่ง
มูลคดีเรื่องเดียวกันนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำการฉ้อโกงเอากระบือของโจทก์ไปโดยหลอกลวงว่าจะซื้อกระบือ ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซื้อกระบือของโจทก์ไป จำเลยที่ 1 มิได้กระทำผิดตามฟ้อง ดังนี้ การพิพากษาคดีนี้อันเป็นคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้เกี่ยวข้องกับการซื้อกระบือรายนี้ จึงไม่มีกรณีที่จะต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 486/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคดีแพ่งต้องสอดคล้องกับผลคดีอาญา หากศาลอาญาไม่พบสิทธิครอบครอง คดีแพ่งก็ต้องยกฟ้อง
ฟ้องคดีแพ่งฐานละเมิด ซึ่งมีมูลคดีเป็นอันเดียวกับคดีอาญาฐานบุกรุก. ศาลฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาว่า.'ตามหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ถนัดว่า. โจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท' ศาลในคดีแพ่งต้องถือตาม และต้องพิพากษายกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียมศาล: ดุลพินิจตามความสุจริตของผู้ฟ้องร้อง แม้ผลคดีไม่เป็นคุณ
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าฟ้องเคลือบคลุม ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินคดีต่อไป ส่วนเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ครั้งนั้นให้ศาลชั้นต้นสั่งเมื่อพิพากษาคดีใหม่ ครั้นพิพากษาคดีใหม่ศาลชั้นต้นมิได้สั่งเรื่องค่าธรรมเนียมดังกล่าวไว้ด้วย ดังนี้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ศาลใช้ดุลพินิจในการสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือการดำเนินคดีได้ ไม่จำต้องสั่งคืนให้โจทก์ตามที่โจทก์ขอ คดีนี้ศาลฎีกาจึงสั่งให้ค่าธรรมเนียมชั้นศาลอุทธรณ์ครั้งแรกนั้นเป็นพับไปแก่โจทก์