พบผลลัพธ์ทั้งหมด 150 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5912/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาของผู้ตาย: การกำหนดภูมิลำเนาเพื่อการจัดการมรดกเมื่อมีสถานที่อยู่อาศัยหลายแห่ง
แม้ผู้ตายมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านและถึงแก่ความตายที่จังหวัดพิจิตรแต่ผู้ตายก็ได้อยู่กินเป็นสามีภริยากับผู้ร้องถึง 20 ปี ที่จังหวัดสมุทรปราการและได้ซื้อที่ดินไว้ที่จังหวัดสมุทรปราการด้วย แสดงว่าผู้ตายมีบ้านอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นสถานที่อยู่อันเป็นแหล่งสำคัญอีกแห่งหนึ่งด้วย บ้านที่จังหวัดสมุทรปราการจึงเป็นภูมิลำเนาของผู้ตาย ผู้ร้องมีสิทธิเสนอคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 จัตวา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5139/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีแทนผู้ตาย: ภริยาจำเลยไม่อาจเป็นผู้ดำเนินคดีได้เนื่องจากอาจเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์
โจทก์ร่วมถึงแก่ความตายในระหว่างพิจารณา ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีต่างผู้ตาย ปรากฏว่าผู้ร้องเป็นภริยาจำเลย อาจทำให้พยานหลักฐานโจทก์เสียหายได้ จึงไม่เป็นการสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าดำเนินคดีต่างโจทก์ร่วมผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4634/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดอุปการะจากผู้ตายกับสิทธิรับเงินทดแทน: กรณีผู้ค้ำประกันรถยนต์
ผู้ตายซึ่งเป็นลูกจ้างถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง ก่อนตาย ผู้ตายเช่าซื้อรถยนต์ให้โจทก์ใช้สอยประกอบอาชีพและให้โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันการเช่าซื้อเมื่อถึงแก่ความตายทำให้ผู้ตายไม่ได้ชำระค่าเช่าซื้อการที่โจทก์ต้องหาเงินไปชำระค่าเช่าซื้อ เป็นการปฏิบัติในฐานะเป็นผู้ค้ำประกัน ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดอุปการะจากผู้ตายตามพระราชบัญญัติเงินทดแทนพ.ศ. 2537 มาตรา 20 วรรคท้าย โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4634/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับเงินทดแทนกรณีผู้ค้ำประกันถูกทวงหนี้หลังผู้ตายประสบอันตราย ไม่ถือเป็นการขาดอุปการะ
การที่โจทก์ถูกทวงถามจากผู้ให้เช่าซื้อให้ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์เป็นกรณีที่ผู้ให้เช่าซื้อทวงถามโจทก์ให้ปฏิบัติตามสัญญาค้ำประกันในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันการเช่าซื้อดังกล่าวดังนั้นแม้จะถือว่าโจทก์เป็นผู้อยู่ในอุปการะของผู้ตายและได้รับความเดือนร้อนจากการที่ถูกผู้ให้เช่าซื้อทวงถามจริงก็เป็นกรณีที่โจทก์ได้รับความเดือนร้อนเพราะโจทก์ถูกบังคับตามสัญญาค้ำประกันถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเดือนร้อนเพราะขาดอุปการะจากผู้ตายตามพระราชบัญญัติเงินทดแทนพ.ศ.2537มาตรา20วรรคท้ายโจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4113/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าของผู้ตายก่อนเสียชีวิตมีน้ำหนักรับฟังได้ และพยานหลักฐานสนับสนุนยืนยันตัวจำเลยเป็นผู้กระทำผิด
การที่ผู้ตายซึ่งถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างมากวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากอ. และพูดบอกถึงคนที่ทำร้ายตนในโอกาสแรกแล้วก็เงียบเสียงไปพูดไม่ได้อีกและถึงแก่ความตายในคืนนั้นเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ตายรู้ตัวว่าจะต้องตายและผู้ตายคงไม่มีเวลาที่จะคิดปรักปรำผู้อื่นโดยไม่เป็นความจริงคำพูดของผู้ตายที่พูดบอกก่อนตายจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4113/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าของผู้ตายก่อนสิ้นใจมีน้ำหนักรับฟังได้ หากแสดงให้เห็นว่ารู้ตัวว่ากำลังจะตายและไม่มีเวลาปรักปรำผู้อื่น
บาดแผลที่ผู้ตายได้รับเป็นบาดแผลฉกรรจ์เมื่อผู้ตายวิ่งมาขอความช่วยเหลือแล้วผู้ตายก็เงียบเสียงไปพูดไม่ได้อีกขณะนำผู้ตายส่งโรงพยาบาลมีผู้ถามอาการผู้ตายผู้ตายส่งเสียงฮือแล้วไม่พูดอะไรการที่ผู้ตายวิ่งมาขอความช่วยเหลือและบอกถึงคนที่ทำร้ายตนในโอกาสแรกเช่นนี้แสดงให้เห็นได้อยู่ในตัวว่าผู้ตายรู้ตัวว่าตนจะต้องตายและผู้ตายไม่มีเวลาที่จะคิดปรักปรำบุคคลอื่นโดยไม่เป็นความจริงดังนั้นคำพูดของผู้ตายที่พูดบอกก่อนตายจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังชันสูตรพลิกศพ: กรณีผู้ตายไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงานขณะถูกทำร้าย
ขณะที่ผู้ตายถูกทำร้าย ผู้ตายมิได้เป็นผู้ต้องหาและอยู่ในความควบคุมตัวของเจ้าพนักงาน แม้ผู้ตายจะถึง แก่ความตายในระหว่างที่เจ้าพนักงานตำรวจนำตัวส่งโรงพยาบาลก็ไม่ใช่กรณีที่มีความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จึงไม่ใช่กรณีที่ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรคสาม เมื่อพนักงานสอบสวนและแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพเสร็จแล้ว พนักงานอัยการโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7073/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขาดไร้อุปการะ: การคำนวณจากเงินเดือนรายได้ของผู้ตาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ความตายของผู้ตายทำให้โจทก์ผู้เป็นสามีของผู้ตายต้องขาดรายได้จากผู้ตายเท่ากับเงินเดือนที่ผู้ตายได้รับจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเป็นรายเดือนเดือนละ 8,960 บาท หรือปีละ107,520 บาท เป็นเวลา 14 ปี รวมเป็นเงิน 1,505,280 บาท เป็นการบรรยายฟ้องถึงเรื่องค่าขาดไร้อุปการะนั่นเอง ศาลพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าขาดไร้อุปการะได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5430/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกระทำผิด: ร่วมกันออกติดตามและทำร้ายผู้ตาย
อ และจำเลยต่างออกตามหาผู้ตายและ อ. กับจำเลยออกมาพร้อมกันโดยต่างมีอาวุธ เมื่อมาพบผู้ตายระหว่างทาง อ. เป็นผู้เข้าทำร้ายผู้ตายแล้วจำเลยกับ อ. หลบหนีจากที่เกิดเหตุไปด้วยกัน ถือได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับ อ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5012/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้มีส่วนได้เสียร่วมจากธุรกิจที่ทำร่วมกับผู้ตาย
ผู้คัดค้านได้ร่วมประกอบธุรกิจการค้ากับผู้ตายทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการดังกล่าวจึงเป็นของผู้ตายและผู้คัดค้านร่วมกันเมื่อกิจการนั้นยังคงดำเนินอยู่ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1713วรรคแรกมีสิทธิร้องคัดค้านการที่ผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกและมีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ ทรัพย์ใดจะเกิดจากการประกอบกิจการร่วมกันของผู้ตายกับผู้คัดค้านหรือไม่ไม่เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในคดีนี้ ผู้ร้องและผู้คัดค้านร่วมกันแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าคดีตกลงกันได้โดยจะขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันไม่คัดค้านกันอีกต่อไปตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่26มิถุนายน2535ข้อตกลงของผู้ร้องและผู้คัดค้านดังกล่าวเป็นการตกลงกันในประเด็นแห่งคดีบางข้อแม้จะมีการสืบพยานผู้ร้องและผู้คัดค้านต่อไปก็เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงสิทธิในการเป็นผู้จัดการมรดกและคุณสมบัติของผู้จะเป็นผู้จัดการมรดกตามกฎหมายเมื่อฟังว่าผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นผู้มีสิทธิและคุณสมบัติในการเป็นผู้จัดการมรดกตามกฎหมายแล้วก็จะต้องตั้งให้ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันไปตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา138วรรคแรกแม้จะได้ความจากคำเบิกความของผู้ร้องว่ายอมตกลงตามที่ผู้พิพากษาไกล่เกลี่ยก็ไม่ปรากฎว่าข้อตกลงนั้นฝ่าฝืนต่อกฎหมายการไกล่เกลี่ยของผู้พิพากษาเพื่อให้คู่ความตกลงกันเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของผู้พิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา20ซึ่งย่อมเป็นไปตามความสมัครใจของคู่ความ