พบผลลัพธ์ทั้งหมด 82 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์: เหตุเปลี่ยนทนายความไม่ถือเป็นพฤติการณ์พิเศษหากจำเลยปล่อยปละละเลย
ในวันสุดท้ายของระยะเวลาอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ อ้างเหตุว่า คดีครบกำหนดที่จำเลยต้องยื่นอุทธรณ์ แต่เนื่องจากจำเลยได้ถอนทนายความเดิมและแต่งตั้งทนายความคนใหม่ ซึ่งทนายความคนใหม่ไม่ทราบรายละเอียดในการดำเนินคดีตั้งแต่ต้นเพื่อทำคำฟ้องอุทธรณ์ยื่นต่อศาล จำเลยจึงขอขยายระยะเวลา ยื่นอุทธรณ์ออกไป 20 วัน นับแต่วันครบกำหนดอุทธรณ์ เพื่อให้ทนายความคนใหม่ได้ศึกษารายละเอียดต่าง ๆซึ่งมีเอกสารที่เกี่ยวข้องหลายฉบับพยานบุคคลหลายปากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตามคำร้องของ จำเลยเช่นนี้ส่อแสดงว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการในระยะเวลาอันควรเพื่อยื่นอุทธรณ์เสียตั้งแต่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาทั้งที่มีระยะเวลานานถึง 1 เดือน จำเลยกลับปล่อยปละละเลยไม่สนใจคดีของตนจนกระทั่งวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์จึงเพิ่งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์อ้างเหตุเปลี่ยนทนายความ กรณีนับเป็นความผิดพลาดบกพร่องของจำเลยเอง และพฤติการณ์เป็นการประวิงคดีให้ล่าช้ามิใช่พฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7567/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์เนื่องจากไม่ได้รับสำเนาคำพิพากษาภายในกำหนด
การเขียนอุทธรณ์ของโจทก์จะต้องตรวจดูถ้อยคำต่าง ๆในคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยละเอียดเพื่อหาข้อโต้แย้งทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นหยิบยกขึ้นวินิจฉัยมิฉะนั้นอาจไม่เป็นอุทธรณ์ตามกฎหมาย โจทก์จึงจำต้องมีสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้นไว้ประกอบการเขียนอุทธรณ์และโจทก์ก็ยื่นคำแถลงขอคัดสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อศาลชั้นต้นแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นไม่สามารถจัดการให้โจทก์ได้รับสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้นภายในกำหนดระยะเวลา อุทธรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องนอกเหนือการบังคับของโจทก์ การที่ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงถือเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์พิเศษ ศาลชอบที่จะขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5029/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์: เหตุผลความล่าช้าจากการยืนยันจากจำเลยไม่ถือเป็นพฤติการณ์พิเศษ
ในวันครบกำหนดอุทธรณ์ ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไป 15 วัน โดยอ้างเหตุว่าเพิ่งได้รับการยืนยันจากจำเลยให้ว่าความในชั้นอุทธรณ์ จึงไม่สามารถยื่นคำอุทธรณ์ได้ทันนั้น เมื่อคดีนี้มิได้มีถ้อยคำสำนวนมากมายจนไม่อาจตรวจและทำคำฟ้องอุทธรณ์ได้ทันภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ไว้ถึง 1 เดือน เหตุที่อ้างว่าจำเลยเพิ่งยืนยันให้ว่าความในชั้นอุทธรณ์เป็นเรื่องที่จำเลยเพิกเฉยเสียเอง ยังถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ได้ และมิใช่กรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์นั้นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาวางเงินประกันค่าเสียหาย: พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะพิจารณา
คำสั่งศาลชั้นต้นให้โจทก์วางเงินประกันค่าเสียหายเพิ่มภายใน45 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ซึ่งต่อมาศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้น เป็นกรณีที่ศาลกำหนดระยะเวลาโดยอาศัยอำนาจศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะหรือห้ามไว้ไปในทางที่เห็นว่ายุติธรรมและสมควร แต่เมื่ออ่านคำพิพากษาฎีกาแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอีกครั้งหนึ่งให้โจทก์วางประกันเพิ่มภายในกำหนด 45 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของศาลชั้นต้น ดังนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องอขยายระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 23 และศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะขยายระยะเวลาดังกล่าวได้แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ และคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย
โจทก์อ้างเหตุผลตามคำร้องของโจทก์ในการขอขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23 แต่เพียงว่า จำนวนเงินที่ต้องวางศาลมีจำนวนสูงถึง70,000,000 บาท โจทก์พยายามหาเงินเพื่อนำมาวางศาลให้ทันในกำหนดแต่หาไม่ทัน ทั้งโจทก์ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ นอกจากรายได้พอใช้จ่ายเป็นเดือน ๆ เท่านั้นเหตุผลในคำร้องของโจทก์ดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลาการวางเงินประกันค่าเสียหายให้โจทก์ได้
โจทก์อ้างเหตุผลตามคำร้องของโจทก์ในการขอขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23 แต่เพียงว่า จำนวนเงินที่ต้องวางศาลมีจำนวนสูงถึง70,000,000 บาท โจทก์พยายามหาเงินเพื่อนำมาวางศาลให้ทันในกำหนดแต่หาไม่ทัน ทั้งโจทก์ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ นอกจากรายได้พอใช้จ่ายเป็นเดือน ๆ เท่านั้นเหตุผลในคำร้องของโจทก์ดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลาการวางเงินประกันค่าเสียหายให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาวางหลักประกันชั่วคราวหลังคดีถึงที่สุด ศาลพิจารณาพฤติการณ์พิเศษตามมาตรา 23
คำสั่งศาลชั้นต้นให้โจทก์วางเงินประกันค่าเสียหายเพิ่มภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งซึ่งต่อมาศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้น เป็นกรณีที่ศาลกำหนดระยะเวลาโดยอาศัยอำนาจศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะหรือห้ามไว้ไปในทางที่เห็นว่ายุติธรรมและสมควร แต่เมื่ออ่านคำพิพากษาฎีกาแล้วศาลชั้นต้นมีคำสั่งอีกครั้งหนึ่งให้โจทก์วางประกันเพิ่มภายในกำหนด 45 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นดังนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 23 และศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะขยายระยะเวลาดังกล่าวได้แต่การขยายระยะเวลาเช่นว่านี้ให้พึงกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ และคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย โจทก์อ้างเหตุผลตามคำร้องของโจทก์ในการขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23แต่เพียงว่า จำนวนเงินที่ต้องวางศาลมีจำนวนสูงถึง70,000,000 บาท โจทก์พยายามหาเงินเพื่อนำมาวางศาลให้ทันในกำหนดแต่หาไม่ทัน ทั้งโจทก์ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ นอกจาก รายได้พอใช้จ่ายเป็นเดือน ๆ เท่านั้นเหตุผลในคำร้องของโจทก์ดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะ เวลาการวางเงินประกันค่าเสียหายให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2030/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาอุทธรณ์ต้องมีพฤติการณ์พิเศษ การละเลยของโจทก์ไม่อาจใช้ขยายเวลาได้
ในเรื่องขยายระยะเวลา เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะจึงต้องนำบทบัญญัติแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาใช้บังคับ คดีนี้ โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ส่งสำนวนไปให้สำนักงานอัยการเขตเพื่อให้อัยการศาลสูงพิจารณาแต่สำนักงานอัยการเขตมีสำนวนที่จะต้องพิจารณาอุทธรณ์เป็นจำนวนมากจึงไม่อาจพิจารณาให้ทันกำหนดเวลาอุทธรณ์นั้น เมื่อปรากฏว่าคดีนี้มิได้มีถ้อยคำสำนวนจำนวนมากเป็นพิเศษ ทั้งมิได้มีปัญหายุ่งยากสลับซับซ้อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้โจทก์และจำเลยฟังแล้วแต่โจทก์ละเลยเพิกเฉย เพิ่งมายื่นคำร้องขอถ่ายคำพิพากษาคำให้การพยานโจทก์ คำให้การพยานจำเลย และเอกสารที่โจทก์อ้างส่งศาลก่อนครบกำหนดอุทธรณ์ เพียง 2 วัน ศาลชั้นต้นก็อนุญาตในวันนั้นโดยมิได้ชักช้า ทั้งยังอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้โจทก์อีก 2 ครั้งเป็นเวลากว่า 15 วัน การที่สำนักงานอัยการเขต ไม่อาจพิจารณาอุทธรณ์ได้ทันกำหนดเวลาเกิดจากเหตุ ที่โจทก์ไม่รีบดำเนินการเสียแต่แรกเมื่อได้ฟังคำพิพากษา ศาลชั้นต้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะขยาย ระยะเวลาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5983/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมอุทธรณ์: พฤติการณ์พิเศษหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
การประปาส่วนภูมิภาคโจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจอันเป็นหน่วยงานของ รัฐบาล มีระเบียบในการเบิกจ่ายเงินไม่เหมือนหน่วยงานของเอกชน และเมื่อเบิกจ่ายแล้วต้องจัดส่งมายังสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งทำหน้าที่เป็นทนายความย่อมมีความล่าช้าอยู่บ้าง ถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมในการยื่นอุทธรณ์ตามคำร้องของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4855/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลายื่นฎีกา: พฤติการณ์พิเศษต้องมีเหตุผลเหนือกว่าการเปลี่ยนตัวทนายความ
พนักงานอัยการซึ่งเป็นทนายความคนเดิมของจำเลยย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่น ก็ยังเป็นทนายความของจำเลยอยู่มีสิทธิที่จะดำเนินคดีต่อไปได้ การพนักงานอัยการซึ่งเป็นทนายความคนใหม่ของจำเลยยื่นคำร้องขอคัดสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาก่อนครบกำหนดยื่นฎีกา 1 วันโดยอ้างว่าเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นทนายความของจำเลยเนื่องจากทนายความคนเดิมย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่น จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ศาลสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4002/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์: พฤติการณ์พิเศษและเหตุผลที่รับฟังได้
การขอขยายหรือย่นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15จะกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและศาลได้มีคำสั่งหรือคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้นเว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่9กันยายน2537วันที่ครบกำหนด1เดือนนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟ้องคือวันที่9ตุลาคม2537เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดทำการดังนั้นวันสุดท้ายที่โจทก์มีสิทธิยื่นอุทธรณ์คือวันที่10ตุลาคม2537โจทก์มีเวลาเพียงพอที่จะเสนอความเห็นให้อัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ได้ทันกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแต่โจทก์เพิ่งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ก่อนครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์เพียง3วันอ้างว่าต้องเสนออัยการสูงสุดรับรองอุทธรณ์ทั้งที่ปรากฏว่าเป็นคดีที่ไม่มีข้อเท็จจริงยุ่งยากซับซ้อนจำเลยก็ให้การรับสารภาพข้ออ้างของโจทก์ถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษอันจะเป็นเหตุให้โจทก์ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากพฤติการณ์พิเศษ – โจทก์ต้องพิสูจน์ความเสียหายเฉพาะเจาะจง
โจทก์อ้างในคำฟ้องว่า การที่จำเลยไม่ชำระเงินค่าไม้สักแปรรูปแก่โจทก์ ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์อันจะพึงได้รับอีกวันละ 10,000 บาทเป็นกรณีที่โจทก์เรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ ซึ่งจำเลยต้องได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าก่อนแล้ว โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นถึงพฤติการณ์พิเศษที่เป็นเหตุให้โจทก์ต้องขาดประโยชน์ดังกล่าวแต่อย่างใด คงนำสืบแต่เพียงว่าเหตุที่โจทก์เรียกค่าเสียหายวันละ 10,000 บาทเพราะไม้สักแปรรูปเป็นไม้ราคาแพง จำเลยนำออกขายตามท้องตลาดได้ถึงคิวปิกเมตรละ30,000 บาทเศษ เท่านั้น ซึ่งหาใช่ความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าว