พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2594/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่านา: สิทธิผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา และความรับผิดของผู้รับโอนกรรมสิทธิ์
โจทก์ทำนาของจำเลย ค่าพันธุ์ข้าวปลูกโจทก์จำเลยออกกันคนละกึ่งส่วนค่าใช้จ่ายอย่างอื่นโจทก์เป็นผู้ออก ผลประโยชน์ที่ได้จากการทำนาแบ่งกันคนละครึ่ง โจทก์จะทำนาได้มากน้อยเท่าใดแล้วแต่ความสามารถของโจทก์ จำเลยมิได้กำหนดกฎเกณฑ์หรือสั่งการและควบคุมโจทก์ ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยดังกล่าวไม่อยู่ในฐานะนายจ้างลูกจ้าง
การที่จำเลยยอมให้โจทก์ใช้นาพิพาทของจำเลยเพื่อทำนาโดยจำเลยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นข้าวอันเป็นผลผลิตจากการทำนา เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 แล้ว แม้การเช่าจะมิได้กำหนดเวลากันไว้ก็ตาม ก็ถือว่าการเช่านารายนี้มีกำหนดเวลา 6 ปีตามมาตรา 5 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องให้โจทก์เช่าจนครบ 6 ปี
แม้ว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการควบคุมการเช่านาจะยังไม่ถึงที่สุดเมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยยังไม่สิ้นสุด และจำเลยขัดขวางมิให้โจทก์เข้าทำนาตามสิทธิ์ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์จะอ้างว่าตนเข้าครอบครองนาพิพาทระหว่างรอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่
เดิมโจทก์เช่านาพิพาทกับจำเลยคนหนึ่ง ต่อมาจำเลยคนนั้นโอนนาพิพาทไปให้จำเลยอีกคนหนึ่ง จำเลยผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของจำเลยคนก่อนที่มีต่อโจทก์ผู้เช่านา ตามมาตรา 29 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยผู้รับโอนจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
แม้จำเลยคนหนึ่งจะไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งให้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมร่วมกับจำเลยอีกคนหนึ่งผู้ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
การที่จำเลยยอมให้โจทก์ใช้นาพิพาทของจำเลยเพื่อทำนาโดยจำเลยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นข้าวอันเป็นผลผลิตจากการทำนา เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 แล้ว แม้การเช่าจะมิได้กำหนดเวลากันไว้ก็ตาม ก็ถือว่าการเช่านารายนี้มีกำหนดเวลา 6 ปีตามมาตรา 5 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องให้โจทก์เช่าจนครบ 6 ปี
แม้ว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการควบคุมการเช่านาจะยังไม่ถึงที่สุดเมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยยังไม่สิ้นสุด และจำเลยขัดขวางมิให้โจทก์เข้าทำนาตามสิทธิ์ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์จะอ้างว่าตนเข้าครอบครองนาพิพาทระหว่างรอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่
เดิมโจทก์เช่านาพิพาทกับจำเลยคนหนึ่ง ต่อมาจำเลยคนนั้นโอนนาพิพาทไปให้จำเลยอีกคนหนึ่ง จำเลยผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของจำเลยคนก่อนที่มีต่อโจทก์ผู้เช่านา ตามมาตรา 29 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยผู้รับโอนจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
แม้จำเลยคนหนึ่งจะไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งให้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมร่วมกับจำเลยอีกคนหนึ่งผู้ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่านาตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มีความหมายพิเศษ แตกต่างจากเช่าทรัพย์สินทั่วไป
การเช่านานั้นพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 4 บัญญัติให้ความหมายไว้เป็นพิเศษแตกต่างไปจากการเช่าทรัพย์สินตาม ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อมีบทกฎหมายว่าด้วยการเช่านาไว้เป็นพิเศษโดยเฉพาะแล้วจะนำบทบัญญัติทั่วไปว่าด้วยการเช่าทรัพย์สินในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่านาที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดก่อนมี พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ไม่อยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ.ดังกล่าว
การเช่านาที่เป็นผลจากข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งกระทำต่อหน้าศาลและศาลได้พิพากษา และออกคำบังคับเสร็จสิ้นไปแล้วก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ออกใช้บังคับ การเช่านาตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขและคำบังคับตามคำพิพากษา พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ย่อมไม่ลบล้างหรือให้ความคุ้มครองถึงการเช่านาที่ศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วอย่างในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่านาที่เกิดจากคำพิพากษาศาลก่อนพ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ไม่ได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ.ดังกล่าว
การเช่านาที่เป็นผลจากข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งกระทำต่อหน้าศาล และศาลได้พิพากษาและออกคำบังคับเสร็จสิ้นไปแล้ว ก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ออกใช้บังคับ การเช่านาตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขและคำบังคับตามคำพิพากษา พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ย่อมไม่ลบล้าง หรือให้ความคุ้มครองถึงการเช่านาที่ศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วอย่างในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่านาต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา การฟ้องโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจึงไม่มีผล
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ได้บัญญัติเรื่องการบอกเลิกการเช่านาไว้เป็นพิเศษ โจทก์จะถือเอาคำฟ้องเป็นการแสดงเจตนาบอกเลิกการเช่านาหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามที่พระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเลิกการเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสัญญาเช่านาและการบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 การพิสูจน์สถานะผู้เช่า
ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 46 ที่บัญญัติไว้ว่า การเช่านารายใดซึ่งทำไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าไม่มีกำหนดเวลาหรือมีกำหนดเวลาต่ำกว่าหกปี ให้การเช่านารายนั้นมีกำหนดหกปีนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเว้นแต่ผู้เช่าไม่ประสงค์จะเช่านาต่อไป ย่อมหมายความว่าพระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับแก่การเช่าที่ยังคงมีอยู่ในวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเท่านั้น ที่จะมีการยืดการเช่าออกไปได้แต่ถ้าหากการเช่านาระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าสิ้นสุดลงแล้วก่อนวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ก็จะนำมาตรา 46 นี้มาใช้บังคับไม่ได้เพราะในขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านามีผลใช้บังคับนั้น ไม่มีกำหนดระยะเวลาการเช่านาเหลืออยู่ที่จะยืดออกไปอีกได้
เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยเข้าไปไถทำนาในที่นาที่ผู้เสียหายเช่าจากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าในวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา ผู้เสียหายยังเป็นผู้เช่าทำนาจากจำเลยอยู่ แต่เมื่อจำเลยได้ต่อสู้มาแต่ชั้นสอบสวนว่า สัญญาระหว่าง ผู้เสียหายกับจำเลยสิ้นสุดโดยความตกลงของคู่สัญญา มิได้รับในประเด็นข้อนี้ เมื่อโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานเสียแล้วเช่นนี้ คดีก็ยังไม่พอที่จะรับฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 28(4), 45
เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยเข้าไปไถทำนาในที่นาที่ผู้เสียหายเช่าจากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าในวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา ผู้เสียหายยังเป็นผู้เช่าทำนาจากจำเลยอยู่ แต่เมื่อจำเลยได้ต่อสู้มาแต่ชั้นสอบสวนว่า สัญญาระหว่าง ผู้เสียหายกับจำเลยสิ้นสุดโดยความตกลงของคู่สัญญา มิได้รับในประเด็นข้อนี้ เมื่อโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานเสียแล้วเช่นนี้ คดีก็ยังไม่พอที่จะรับฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 28(4), 45
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่านาเดิมก่อนพ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา ใช้บังคับ สิทธิการเช่ายังคงอยู่ แม้มีการโอนกรรมสิทธิ์
โจทก์ทำสัญญาเช่านาจำเลยก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517 ใช้บังคับ เมื่อสัญญานี้ยังไม่ระงับ และเป็นสัญญาที่มีกำหนดเวลาต่ำกว่า 6 ปี จึงมีผลให้การเช่ามีกำหนดเวลา 6 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ
การโอนกรรมสิทธิ์นาที่ให้เช่าหาทำให้สัญญาเช่าระงับไปไม่ ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอน
การโอนกรรมสิทธิ์นาที่ให้เช่าหาทำให้สัญญาเช่าระงับไปไม่ ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่านาเดิมตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 แม้ไม่มีสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้เสียหายได้เช่านาจำเลยก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ใช้บังคับ ไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าต่อกัน และไม่ได้กำหนดเวลาเช่า เมื่อพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ใช้บังคับแล้ว ผู้เสียหายจึงมีสิทธิ์ในการเช่านามีกำหนด 6 ปีนับแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2517 (วันถัดจากวันประกาศใช้พระราชกิจจานุเบกษา) และเมื่อผู้เสียหายมีฐานะเป็นผู้เช่านา ย่อมมีสิทธิ์ครอบครองนาที่เช่าโดยผลแห่งกฎหมายนั้น การเช่าจะยุติหรือสิ้นผลก็ต่อเมื่อผู้เช่า (ผู้เสียหาย) ไม่ประสงค์จะเช่าต่อไป หรือผู้ให้เช่าใช้สิทธิ์บอกเลิกเมื่อมีเหตุตามมาตรา 32 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเช่านาตามพ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา: การเช่าก่อนมีกฎหมาย และสิทธิการครอบครอง
ผู้เสียหายได้เช่านาจำเลยก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517 ใช้บังคับ ไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าต่อกันและไม่ได้กำหนดเวลาเช่า เมื่อพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517 ใช้บังคับแล้ว ผู้เสียหายจึงมีสิทธิในการเช่านามีกำหนด 6 ปีนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม2517(วันถัดจากวันประกาศใช้พระราชกิจจานุเบกษา) และเมื่อผู้เสียหายมีฐานะเป็นผู้เช่านา ย่อมมีสิทธิครอบครองนาที่เช่าโดยผลแห่งกฎหมายนั้น การเช่าจะยุติหรือสิ้นผลก็ต่อเมื่อผู้เช่า (ผู้เสียหาย) ไม่ประสงค์จะเช่าต่อไปหรือผู้ให้เช่าใช้สิทธิบอกเลิกเมื่อมีเหตุตามมาตรา 32 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1916/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่ออายุสัญญาเช่านาตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 และความผิดฐานบุกรุก
ขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มีผลใช้บังคับ คือวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ผู้เสียหายเช่ายังเช่านาพิพาทอยู่ และเป็นการเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลา หรือมีกำหนดเวลาแต่ต่ำกว่า 6 ปี กำหนดการเช่านาที่ทำไว้เดิมนั้นก็ต้องยืดออกไปอีก 6 ปี โดยผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องแสดงเจตนาจะเช่านาต่อไป และต้องไปตกลงกันใหม่กับจำเลยเจ้าของนาอีก เว้นแต่ผู้เสียหายไม่ประสงค์จะเช่านาต่อไปตามมาตรา 46