พบผลลัพธ์ทั้งหมด 41 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่มรณะ และผลกระทบต่อข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่เหลือ
จำเลยคนหนึ่งได้มรณะในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ไม่มีผู้ใดยื่นคำขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ และไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นคำขอให้ศาลหมายเรียกผู้ใดเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยผู้นั้นมรณะ ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยผู้นั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยผู้มรณะจึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนข้อพิพาทที่เกี่ยวกับจำเลยอื่น ถ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ซึ่งยุติแล้วนั้น ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่การวินิจฉัยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อทายาทโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีเกิน 1 ปีหลังมรณะ
คดีที่อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล โจทก์ได้มรณะเสียก่อนศาลพิพากษาคดี ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีแทนเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์มรณะเช่นนี้ ศาลก็ต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 วรรค 2
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 วรรค 2 นั้น เป็นที่เห็นได้ชัดว่ากฎหมายประสงค์ให้ศาลจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเท่านั้นมิได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนญาตอย่างใด (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2508)
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 วรรค 2 นั้น เป็นที่เห็นได้ชัดว่ากฎหมายประสงค์ให้ศาลจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเท่านั้นมิได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนญาตอย่างใด (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำท้าและการสาบานพยานหลังคู่ความถึงแก่กรรม
คำท้าของคู่ความในศาลนั้น แม้คู่ความฝ่ายหนึ่งตายก็ยังมีผลผูกพันคู่ความอีกฝ่ายอยู่ ฉะนั้น การสาบานของพยานคนกลางตามคำท้าของคู่ความนั้น แม้จะสาบานภายหลังที่คู่ความฝ่ายหนึ่งตาย และอยู่ในระหว่างที่ยังไม่มีผู้ใดร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนก็ตามจึงหาตกเป็นโมฆะไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหลังมรณะ พินัยกรรมสั่งให้เป็นของกลาง และการก่อตั้งทรัสต์ที่ไม่สมบูรณ์
ตามหลักกฎหมายทั่วไปไม่ว่าจะก่อนประมวลกฎหมายหรือภายหลังประมวลกฎหมายก็ดีเมื่อคนหนึ่งตายลงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทั้งหลายของคนตายนั้นจะต้องตกทอดในที่สุดแม้จะไม่มีทายาท ก็จะต้องตกเป็นของรัฐ
ข้อกำหนดในพินัยกรรมให้ทรัพย์สินเป็นของกลางโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้และไม่เป็นกรรมสิทธิ์แก่ใครนั้นเป็นการเลิกล้างกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
ความสำคัญในเรื่องทรัสต์คือการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือสั่งให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกไปอยู่แก่ทรัสตีโดยมีเงื่อนไขคำมั่นมัดทรัสตีอยู่ว่าทรัสตีจะต้องถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นเพื่อจัดการให้ผู้รับประโยชน์ได้รับประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้ให้เป็นที่แน่นอน
คำสั่งในพินัยกรรมที่ว่า เมื่อญาติพี่น้องของผู้ตายคนใดจะมาอยู่อาศัยในที่ดินของผู้ตายก็อยู่ได้แต่ต้องขออนุญาตผู้ปกครองทรัพย์สินนั้นก่อนเมื่อผู้ปกครองทรัพย์เห็นสมควรอนุญาตให้แล้ว จึงจะอยู่ได้ดังนี้ได้ชื่อว่าการตั้งทรัสต์มิได้ระบุตัวผู้รับประโยชน์โดยแน่นอน เป็นการขาดหลักในเรื่องทรัสต์ที่ได้ยอมรับนับถือกันโดยทั่วไป
ข้อกำหนดในพินัยกรรมให้ทรัพย์สินเป็นของกลางโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้และไม่เป็นกรรมสิทธิ์แก่ใครนั้นเป็นการเลิกล้างกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
ความสำคัญในเรื่องทรัสต์คือการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือสั่งให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกไปอยู่แก่ทรัสตีโดยมีเงื่อนไขคำมั่นมัดทรัสตีอยู่ว่าทรัสตีจะต้องถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นเพื่อจัดการให้ผู้รับประโยชน์ได้รับประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้ให้เป็นที่แน่นอน
คำสั่งในพินัยกรรมที่ว่า เมื่อญาติพี่น้องของผู้ตายคนใดจะมาอยู่อาศัยในที่ดินของผู้ตายก็อยู่ได้แต่ต้องขออนุญาตผู้ปกครองทรัพย์สินนั้นก่อนเมื่อผู้ปกครองทรัพย์เห็นสมควรอนุญาตให้แล้ว จึงจะอยู่ได้ดังนี้ได้ชื่อว่าการตั้งทรัสต์มิได้ระบุตัวผู้รับประโยชน์โดยแน่นอน เป็นการขาดหลักในเรื่องทรัสต์ที่ได้ยอมรับนับถือกันโดยทั่วไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความบังคับตามสัญญายอมความหลังมรณะ คดีนี้มิใช่การฟ้องมรดกจึงไม่อยู่ในบังคับอายุความ 1 ปี
คดีเดิมพนักงานอัยการเป็นโจทก์แทนผู้ร้องฟ้องจำเลยผู้เป็นบิดาของผู้ร้อง ที่สุดจำเลยกับผู้ร้องทำสัญญายอมความกัน ใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ถ้าหากจำเลยตาย จะจัดการแบ่งที่ดินพร้อมด้วยเรือนให้
ต่อมาจำเลยตาย ผู้ร้องจึงร้องขอให้แบ่งแยกที่ดินและเรือนตามสัญญายอมซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว
คำร้องในชั้นนี้ไม่ใช่เรื่องฟ้องคดีมรดก จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความ 1 ปี.
ต่อมาจำเลยตาย ผู้ร้องจึงร้องขอให้แบ่งแยกที่ดินและเรือนตามสัญญายอมซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว
คำร้องในชั้นนี้ไม่ใช่เรื่องฟ้องคดีมรดก จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความ 1 ปี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความบังคับตามสัญญายอมความหลังมรณะ ไม่ใช่คดีมรดก
คดีเดิมพนักงานอัยการเป็นโจทก์แทนผู้ร้องฟ้องจำเลยผู้เป็นบิดาของผู้ร้อง ที่สุดจำเลยกับผู้ร้องทำสัญญายอมความกันใจความสำคัญตอนหนึ่งว่าถ้าหากจำเลยตายจะจัดการแบ่งที่ดินพร้อมด้วยเรือนให้
ต่อมาจำเลยตาย ผู้ร้องจึงร้องขอให้แบ่งแยกที่ดินและเรือนตามสัญญายอมซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้วคำร้องในชั้นนี้ไม่ใช่เรื่องฟ้องคดีมรดก จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความ 1 ปี
ต่อมาจำเลยตาย ผู้ร้องจึงร้องขอให้แบ่งแยกที่ดินและเรือนตามสัญญายอมซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้วคำร้องในชั้นนี้ไม่ใช่เรื่องฟ้องคดีมรดก จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความ 1 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งผู้รับมรดก: ทายาทโดยชอบด้วยกฎหมายเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลยที่มรณะ
โจทก์ขอให้เรียก ซ.ภรรยาของจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยแทนสามีซึ่งมรณะ ซ.ต่อสู้ว่าไม่ได้เป็นภรรยาโดยชอบด้วย ก.ม. ทั้งไม่ได้รับมรดกจากสามีแต่ประการใด แต่เมื่อไต่สวนแล้วศาลเชื่อว่า ซ.เป็นภรรยาโดยชอบด้วย ก.ม.เป็นทายาทของสามีผู้วายชนม์ ศาลก็ย่อมตั้งให้ ซ.เป็นผู้รับมรดกความได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งทายาทเป็นคู่ความแทนจำเลยที่มรณะ: สิทธิในการรับมรดกและความจำเป็นในการเป็นผู้รับมรดก
โจทก์ขอให้เรียก ซ. ภรรยาของจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยแทนสามีซึ่งมรณะ ซ. ต่อสู้ว่าไม่ได้เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งไม่ได้รับมรดกจากสามีแต่ประการใดแต่เมื่อไต่สวนแล้วศาลเชื่อว่า ซ. เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นทายาทของสามีผู้วายชนม์ ศาลก็ย่อมตั้งให้ ซ. เป็นผู้รับมรดกความได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์สินหลังมรณะและการบังคับคดี: สิทธิทายาท vs. เจ้าหนี้
ผู้ร้องขัดทรัพย์ร้องขัดทรัพย์ กล่าวว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นของพี่สาวผู้ร้อง พี่สาวผู้ร้องตายเสียประมาณ 3 ปีเศษมานี้ ผู้ร้องเป็นทายาทได้ครอบครองตลอดมาโดยไม่มีทายาทอื่นโต้แย้งสิทธิแต่ประการใด จึงตกเป็นของผู้ร้องตามกฎหมาย ดังนี้คดิมีประเด็นที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องครอบครองมาฝ่ายเดียวเกิน 1 ปี ตามที่ผู้ร้องอ้างมาในคำร้องหรือหาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์จากเจ้าหนี้และการครอบครองทรัพย์สินหลังมรณะ: สิทธิทายาท vs. สิทธิเจ้าหนี้
ผู้ร้องขัดทรัพย์ ร้องขัดทรัพย์ กล่าวว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นของพี่สาวผู้ร้อง พี่สาวผู้ร้องตายเสียประมาณ 3 ปีเศษมานี้ ผู้ร้องเป็นทายาทได้ครอบครองตลอดมาโดยไม่มีทายาทอื่นโต้แย้งสิทธิแต่ประการใด จึงตกเป็นของผู้ร้องตามกฎหมาย ดังนี้คดีมีประเด็นที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องครอบครองมาฝ่ายเดียวเกิน 1 ปี ตามที่ผู้ร้องอ้างมาในคำร้องหรือหาไม่