คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยึด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 74 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการรักษาทรัพย์ที่ยึดตามคำพิพากษา
จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่ ส. ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์แต่ ส. ไม่ได้เป็นตัวเจ้าหนี้และไม่เป็นผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ นอกจากนี้ ส. ไม่ได้อยู่ร่วมกับโจทก์ และในวันที่ ส. รับชำระหนี้โจทก์ก็ไม่ได้รู้เห็นด้วย จึงหาเป็นการแสดงว่าโจทก์ให้ ส.รับชำระหนี้แทนและเป็นการให้สัตยาบันในการชำระหนี้ไม่ดังนี้ การชำระหนี้ไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 315.
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมอบทรัพย์สินที่ยึดให้ผู้ดรักษาเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานบังคับคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิดหลังการบังคับคดีเสร็จสิ้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเพิกถอนการยึดและการขายทอดตลาด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง การคัดค้านการบังคับคดีต้องกระทำก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง เมื่อการบังคับคดีได้เสร็จลงไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการยึดและการขายทอดตลาด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันละเมิดต่อโจทก์โดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นชอบที่จะฟังพยานหลักฐานจากการสืบพยานทั้งสองฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องละเมิดเสียก่อนว่า ฟ้องโจทก์รับฟังได้หรือไม่ และจำเลยทั้งสามจะต้องรับผิดหรือไม่เพียงใด การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและมีคำพิพากษาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยแล้วพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3659/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดเครื่องหมายการค้า: การยึดสินค้าปลอมและการดำเนินการตามกฎหมายโดยเจ้าพนักงาน
จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าฮาริสของบริษัทอ. ที่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ต่างประเทศ โจทก์เคยสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจากจำเลยที่ 1ย่อมรู้จัก รอยประดิษฐ์เครื่องหมายการค้าของสินค้าที่จำเลยที่ 1เป็นตัวแทนจำหน่ายได้ดี การที่โจทก์ที่ 1 สั่งสินค้ามาตรวัดความดันแก๊สของกลางซึ่งมีเครื่องหมายการค้าฮาริสปลอมเข้ามาจำหน่ายโดยเจตนาให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นสินค้าของบริษัทอ.จึงทำให้บริษัทดังกล่าวเสียหายเป็นการละเมิด ดังนั้น จำเลยที่ 2หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ผู้ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท อ.ให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ละเมิดสิทธิดังกล่าว จึงมีสิทธิมอบให้จำเลยที่ 3 ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจให้ดำเนินการตามกฎหมายกับโจทก์ได้ การที่จำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเมื่อได้รับแจ้งความแล้วได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายตามอำนาจหน้าที่และโดยสุจริต กล่าวคือทำการตรวจค้น เมื่อได้ความว่าสินค้าของกลางมีการนำเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นมาใช้เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าของผู้อื่นอันเข้าลักษณะความผิดทางอาญา จึงได้ยึดสินค้าดังกล่าวเป็นของกลางแล้วมอบเรื่องให้พนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจดำเนินคดีต่อไปการกระทำของจำเลยที่ 4 และที่ 5 ดังกล่าว เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ หนังสือมอบอำนาจทำขึ้นในต่างประเทศ มีการรับรองโดยโนตารีปับลิกและกงสุลไทยแห่งเมืองนั้นรับรองอีกชั้นหนึ่งว่าเป็นลายมือชื่อและตราประทับของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจริงเป็นหนังสือมอบอำนาจถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้น ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อแม้ถูกยึดจากความผิดผู้เช่า ผู้ให้เช่ายังมีสิทธิขอคืนได้
ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางได้ให้ช.เช่าซื้อไปในระหว่างสัญญาเช่าซื้อจำเลยนำรถยนต์ดังกล่าวไปใช้บรรทุกแร่จนมีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและศาลสั่งริบรถยนต์บรรทุกของกลางเมื่อปรากฏว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดย่อมมีสิทธิร้องขอคืนรถยนต์ของกลางได้แม้สัญญาเช่าซื้อมีข้อกำหนดว่าถ้ารถถูกยึดหรือตกเป็นของรัฐผู้เช่ายินยอมชดใช้ราคาค่าเช่าซื้อที่เหลือทั้งหมดให้เจ้าของทันทีก็เป็นเพียงข้อตกลงให้ผู้ร้องได้ค่าเช่าซื้อโดยครบถ้วนเท่านั้นไม่มีผลเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลาง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4820/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเกี่ยวกับทรัพย์สิน โอนได้แม้ไม่จดทะเบียน เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่สามารถยึดได้
สิทธิการเช่าอาคารมิใช่เป็นทรัพยสิทธิที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แต่เป็นสิทธิเกี่ยวกับทรัพย์สินซึ่งอาจจำหน่ายจ่ายโอนกันได้โดยไม่ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อจำเลยผู้มีสิทธิการเช่าอาคารพิพาทได้โอนสิทธินั้นให้แก่ผู้ร้องไปแล้วโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยจะนำยึดสิทธิการเช่าดังกล่าวหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3453/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้และการแบ่งมรดกจากทรัพย์สินที่ถูกยึด
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเดิมบิดาจำเลยเป็นหนี้โจทก์โดยเอาบ้านพิพาทค้ำประกันไว้เมื่อบิดาจำเลยตายจำเลยได้ชำระหนี้บางส่วนแทนผู้ตายแก่โจทก์ส่วนที่เหลือทำสัญญาไว้จำเลยไม่ชำระหนี้และศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์โดยยึดบ้านที่ค้ำประกันเพื่อขายทอดตลาดการที่จำเลยเข้าทำสัญญากู้กับโจทก์ยอมรับใช้หนี้ของบิดานั้นเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้โดยจำเลยเข้ารับภาระเป็นลูกหนี้แทนบิดาทำให้หนี้เดิมระงับและบิดาจำเลยลูกหนี้คนเก่าหลุดพ้นจากหนี้ไปการแปลงหนี้ดังกล่าวโจทก์จำเลยจะทำสัญญากันโดยลำพังไม่ต้องให้บิดาจำเลยลูกหนี้คนเก่าเข้ามาเกี่ยวข้องทำสัญญาด้วยก็ได้เพราะการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้นั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา350ห้ามแต่เพียงว่าจะทำโดยขืนใจลูกหนี้เดิมไม่ได้เท่านั้นเมื่อบิดาจำเลยลูกหนี้คนเดิมตายไปแล้วกรณีที่จะถือว่าเป็นการขืนใจลูกหนี้เดิมก็ไม่มีหนี้ตามคำพิพากษาจึงเป็นหนี้ของจำเลยแต่ผู้เดียวผู้ร้องทั้งหกและจำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมมีสิทธิรับมรดกบ้านที่ถูกยึดคนละส่วนผู้ร้องทั้งหมดจึงมีสิทธิขอกันส่วนเงินขายบ้านที่ถูกยึดคนละส่วนรวม6ส่วน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4895/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการขัดทรัพย์: สิทธิของผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่ถูกยึด
คำร้องของผู้ร้องทั้งห้าอ้างว่า ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านร่วมกับจำเลย เมื่อจำเลยเป็นเจ้าของทรัพย์ดังกล่าว และจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ โจทก์ย่อมยึดทรัพย์นั้นมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ได้ผู้ร้องทั้งห้าจะร้องขัดทรัพย์ขอให้ถอนการยึดและระงับการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวหาได้ไม่แม้ผู้ร้องจะอ้างว่า จำเลยได้ครอบครองที่ดินเป็นสัดส่วนแต่ก็ไม่ได้ระบุว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนไหนจนได้กรรมสิทธิ์แยกไปจากที่ดินส่วนที่เป็นของผู้ร้อง อันจะแบ่งขายที่ดินส่วนที่เป็นของจำเลยโดยเฉพาะได้ จำเลยยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับผู้ร้องที่ 1 ถึงที่ 4 อยู่ จึงไม่อาจแยกขายทอดตลาดที่ดินส่วนของจำเลยได้ คำร้องของผู้ร้องทั้งห้าในส่วนที่ขอให้กันเงินค่าขายที่ดินและบ้านให้แก่ผู้ร้องหากมีการขายทอดตลาดนั้นเป็นเรื่องขอให้ศาลกันส่วนของผู้ร้องในที่ดินและบ้านหาใช่เป็นเรื่องร้องขัดทรัพย์ไม่หากผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านร่วมกับจำเลยจริง เมื่อมีการขายทอดตลาดที่ดินและบ้าน ผู้ร้องก็มีสิทธิขอกันเงินค่าที่ดินและบ้านตามส่วนที่ตนมีกรรมสิทธิ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บ้านแม้ปลูกบนที่ดินผู้อื่น ก็เป็นอสังหาริมทรัพย์ ยึดขายทอดตลาดได้ ผู้มีสิทธิอุทธรณ์ได้
แม้บ้านพิพาทจะปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของบุคคลอื่นและโจทก์ได้นำยึดขายทอดตลาดเพื่อให้ผู้ซื้อรื้อถอนเอาไป แต่สภาพของบ้านก่อนมีการรื้อถอนย่อมเป็นอสังหาริมทรัพย์เพราะได้ปลูกสร้างไว้ติดกับที่ดิน ผู้ร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วย อสังหาริมทรัพย์ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัย: การจ่ายค่าสินไหมทดแทนเมื่อรถถูกยึด ไม่ใช่ความเสียหายจากลักทรัพย์
โจทก์รับประกันภัยรถยนต์จากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 โจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยที่ 1 เพราะจำเลยแจ้งว่ารถถูกลักไป เมื่อปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรยึดรถนั้นเนื่องจากมีผู้นำไปขนสินค้าหลบหนีภาษี ซึ่งตามกรมธรรม์ประกันภัย โจทก์จะใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อเมื่อเกิดวินาศภัยแก่รถยนต์สูญหายไปเนื่องจากถูกคนร้ายลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ฉะนั้นจำเลยที่ 1 จึงต้องคืนเงินค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 869/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดสุราของกลางและการตกเป็นของแผ่นดินเมื่อไม่มาร้องขอคืนภายในกำหนด
สุราของกลางถูกเจ้าพนักงานศุลกากรยึดไว้ในฐานะเป็นของไม่เสียภาษีศุลกากรตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2517 โจทก์เข้ามอบตัวต่อตำรวจเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2517 จนกระทั่งศาลพิพากษาเรื่องโจทก์ปิดอากรแสตมป์สุราไม่ครบถ้วนตาม พระราชบัญญัติสุราฯแล้วโจทก์จึงมาขอสุราของกลางคืนซึ่งก็เป็นเวลาเกิน 30 วันนับแต่วันยึดแล้ว สุราของกลางจึงตกเป็นของแผ่นดินตาม พระราชบัญญัติศุลกากรฯ มาตรา 24 วรรค 2 ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืน
of 8