คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ระหว่างพิจารณา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 89 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3376/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน: คดีฟ้องแย้งเดิมอยู่ระหว่างพิจารณา ห้ามฟ้องคดีใหม่ถึงแม้จะถอนอุทธรณ์แล้ว
เดิมจำเลยที่1ในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการฐานผิดสัญญาและเรียกค่าสินค้าโจทก์ให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยที่1ผิดสัญญาขอให้บังคับจำเลยที่1ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยศาลจังหวัดสมุทรปราการมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งโจทก์อุทธรณ์คำสั่งคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์มาฟ้องจำเลยที่1เป็นคดีนี้และต่อมาโจทก์จึงขอถอนอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟ้องแย้งเมื่อฟ้องแย้งในคดีเดิมของโจทก์เป็นเรื่องเดียวกันกับคดีนี้และโจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีเดิมมีฐานะเป็นโจทก์ในส่วนฟ้องแย้งในคดีเดิมด้วยการที่คดีเดิมอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ฟ้องจำเลยที่1คดีนี้จึงซ้อนกับฟ้องแย้งในคดีของศาลจังหวัดสมุทรปราการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา173แม้ต่อมาโจทก์ได้ถอนอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟ้องแย้งแล้วก็หาทำให้ฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในขณะยื่นฟ้องมาแต่ต้นกลายเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3376/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน: คดีเดิมอยู่ระหว่างพิจารณา ห้ามฟ้องคดีเดียวกันซ้ำ แม้ถอนอุทธรณ์แล้วก็ไม่ช่วย
คดีเดิมโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยได้ฟ้องแย้งจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีเดิมศาลจังหวัดสมุทรปราการมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้ง โจทก์อุทธรณ์คำสั่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีนี้ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับฟ้องแย้งคดีเดิมและต่อมาโจทก์ถอนอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟ้องแย้ง ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงซ้อนกับฟ้องแย้งในคดีเดิมต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง แม้ต่อมาจะปรากฏว่าโจทก์ได้ถอนอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟ้องแย้งแล้วก็หาทำให้ฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในขณะยื่นคำฟ้องมาแต่ต้นกลายเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2660/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองสิทธิครอบครองที่ดินระหว่างพิจารณาคดี: ห้ามจำเลยก่อสร้างอาคารจนกว่าคดีถึงที่สุด
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ขอให้ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและรบกวนการครอบครองจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินพิพาทจึงมีประเด็นพิพาทกันว่าฝ่ายใดเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะให้จำเลยและบริวารเข้าไปปลูกสร้างอาคารในที่ดินพิพาทก่อนคดีถึงที่สุดกรณีมีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา254(2)มาใช้โดยห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปดำเนินการใดๆในที่ดินพิพาทจนกว่าคดีถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2158/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งงดสืบพยานและการไม่โต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณา ทำให้ต้องห้ามอุทธรณ์ตามกฎหมาย
การที่ศาลชั้นต้นสอบถามข้อเท็จจริงจากคู่ความแล้วสั่งงดสืบพยาน ในวันนัดสืบพยานโจทก์และพิพากษาคดีโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ได้ความ ถือไม่ได้ว่าเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์เห็นว่าชอบที่จะมีการสืบพยานต่อไปก็ต้องโต้แย้งคำสั่งไว้ มิฉะนั้นต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 107/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวเป็นดุลพินิจศาลระหว่างพิจารณาคดี ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์หลังศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัย
แม้คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 4 จะไม่ถึงที่สุดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 119 ทวิ วรรคสาม ตามที่จำเลยที่ 4 ฎีกาก็ตาม แต่คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 4เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นเห็นว่า การปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 4 อาจก่อให้เกิดภัยอันตรายแก่พยานและเกิดความเสียหายแก่การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่พิจารณาโดยอาศัยหลักเกณฑ์แห่ง ป.วิ.อ. มาตรา 108 เพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นไปโดยไม่เกิดความเสียหายแก่คดีในระหว่างพิจารณาจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน กรณีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 196 ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 มาจึงเป็นการไม่ถูกต้อง ไม่มีผลให้จำเลยที่ 4 มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4732/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงการชำระค่าเช่าระหว่างพิจารณาคดี ไม่สามารถใช้บังคับขับไล่ได้ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย โจทก์จะต้องพิสูจน์ว่าจำเลยไม่มีสิทธิในอาคารและที่ดินพิพาทที่โจทก์ฟ้องให้ขับไล่ แม้ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นโจทก์จำเลยตกลงกันว่า จำเลยจะนำค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาวางศาลทุกเดือนจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ถ้าหากจำเลยผิดนัดไม่นำเงินค่าเช่ามาวางศาลในเดือนใด จำเลยยินยอมให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดีเกี่ยวกับเงินค่าเช่าดังกล่าว และบังคับให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทในคดีนี้ได้ทันทีก็ตาม แต่เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงกันให้ถือเอาคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีแพ่งอีกเรื่องหนึ่งมาเป็นข้อแพ้ชนะกัน และเมื่อคดีที่คู่ความท้ากันยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แม้จำเลยจะผิดนัด โจทก์จะมาขอให้ศาลออกคำบังคับในคดีนี้หาได้ไม่ เพราะหากจำเลยต้องถูกบังคับให้ออกจากอาคารและที่ดินพิพาทกับต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ก็มีผลเท่ากับโจทก์ชนะคดีในประเด็นที่พิพาทกันนั่นเอง ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการคุ้มครองประโยชน์คู่ความในระหว่างพิจารณา โจทก์จึงนำข้อตกลงดังกล่าวมาบังคับให้จำเลยออกจากอาคารและที่ดินพิพาทไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 966/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลที่ไม่รับคำให้การ: การจำกัดสิทธิอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยก คำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลยมิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย อันถือว่าเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่โต้แย้งคำสั่งศาลระหว่างพิจารณา ทำให้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ แม้จะเกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อย
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากคู่ความไม่เห็นด้วยก็ต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ไม่ว่าการไม่ส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่ก็ตาม คู่ความที่ไม่เห็นด้วยจึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 เมื่อจำเลยที่ 4 มิได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณา จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณา แม้คดีเปลี่ยนประเภทจากไม่มีทุนทรัพย์เป็นมีทุนทรัพย์
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากทรัพย์พิพาทและส่งมอบทรัพย์พิพาทแก่โจทก์ โดยเสียค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นได้สั่งรับฟ้องของโจทก์แล้ว แม้จำเลยทั้งสองให้การว่า คดีที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่ก่อนหรือในวันสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจรับคำร้องและไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ระหว่างพิจารณาก่อนโจทก์นำค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอยู่มาวางศาลให้ครบถ้วนตามคำสั่งศาลได้ เพราะศาลชั้นต้นได้รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาตั้งแต่วันที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 486/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอใช้เงินที่ถูกคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดี ไม่ใช่การขอทุเลาการบังคับ จึงมีสิทธิฎีกาได้
ศาลมีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 264 โดยให้จำเลยนำเงินมาฝากธนาคารไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือมีคำสั่งศาลเป็นอย่างอื่น เมื่อคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ และไม่ปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นการที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ว่ามีความจำเป็นและประสงค์จะนำเงินนอกเหนือไปจากการคุ้มครองประโยชน์ไปใช้จ่าย ดังนี้เป็นคำขออันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาตามป.วิ.พ. มาตรา 264 ไม่ใช่เรื่องการขอทุเลาการบังคับตามมาตรา231 เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง จึงไม่เป็นการสั่งในเรื่องการทุเลาการบังคับ และไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยมีสิทธิฎีกาได้ตามมาตรา 228(2)247.
of 9