คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ราคาทรัพย์สิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 72 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5434/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีที่มีราคาทรัพย์สินไม่เกิน 50,000 บาท: ผู้พิพากษาต้องพิจารณาเหตุอันควรอุทธรณ์ตามกฎหมาย
ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมีหน้าที่พิจารณาเพียงว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้หรือไม่เท่านั้นการที่ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีไม่ต้องห้ามอุทธรณ์จึงไม่จำต้องรับรองและมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ร้องทั้งสามจึงเป็นการสั่งคดีในส่วนของผู้ร้องที่1และที่3โดยผิดหลงและเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดีถือไม่ได้ว่าผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้รับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5434/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีที่มีราคาทรัพย์สินไม่เกิน 50,000 บาท และการรับรองเหตุอุทธรณ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
คดีของผู้ร้องมีราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน50,000บาทและต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่าคดีผู้ร้องมีเหุตอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องดังกล่าวผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมีหน้าที่พิจารณาเพียงว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้หรือไม่เท่านั้นการที่ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีนี้ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์จึงไม่จำต้องรับรองและมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ร้องจึงเป็นการสั่งโดยหลงผิดและเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบไม่ได้ปฎิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดีถือไม่ได้ว่าผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้รับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่งแล้วศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของผู้ร้องว่าจะรับรองหรือไม่แล้วดำเนินการต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่ราคาทรัพย์สินพิพาทต่ำกว่าสองแสนบาท และการโต้เถียงข้อเท็จจริง
คดีที่โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้ง จะอุทธรณ์ฎีกาได้เพียงใดหรือไม่ต้องแยกพิจารณาคนละส่วน เมื่อฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งต่างมีราคาทรัพย์สินหรือทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่โจทก์ฎีกาว่าที่ดินพิพาทในคดีนี้เป็นที่ดินคนละแปลงกับที่ดินที่ศาลพิพากษาว่าเป็นของจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1489/2528 ของศาลชั้นต้น พยานหลักฐานของจำเลยในคดีดังกล่าวรับฟังไม่ได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย โจทก์มีพยานเอกสารและพยานบุคคลหลายปากยืนยันว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาท ที่ดินพิพาทจึงเป็นของโจทก์นั้นเป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าวศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อราคาทรัพย์สินในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท และเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริง
คดีที่โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้งจะอุทธรณ์ฎีกาได้เพียงใดหรือไม่ต้องแยกพิจารณาคนและส่วนเมื่อฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งต่างมีราคาทรัพย์สินหรือทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทคดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่งที่โจทก์ฎีกาว่าที่ดินพิพาทในคดีนี้เป็นที่ดินคนละแปลงกับที่ดินที่ศาลพิพากษาว่าเป็นของจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่1489/2528ของศาลชั้นต้นพยานหลักฐานของจำเลยในคดีดังกล่าวรับฟังไม่ได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยโจทก์มีพยานเอกสารและพยานบุคคลหลายปากยืนยันว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทที่ดินพิพาทจึงเป็นของโจทก์นั้นเป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าวศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์เป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแบ่งแยกที่ดินพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์และการครอบครอง ซึ่งมีราคาทรัพย์สินพิพาทไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสี่แบ่งแยกที่ดินให้โจทก์ตามจำนวนเนื้อที่ที่โจทก์ครอบครองจำเลยทั้งสี่ให้การว่าการแบ่งแยกที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสี่จะต้องแบ่งแยกให้โจทก์และจำเลยทั้งสี่ได้เนื้อที่ฝ่ายละครึ่งเป็นการให้การต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่โจทก์ครอบครองเกินส่วนของตนมาจึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วยตามแผนที่วิวาทระบุว่าที่ดินส่วนที่โจทก์ครอบครองมีเนื้อที่มากกว่าจำนวนทั้งสี่2งาน38ตารางวาเมื่อดูสภาพที่ดินพิพาทตามภาพถ่ายศาลฎีกาประเมินราคาที่ดินพิพาทได้เองโดยไม่ต้องส่งสำนวนคืนไปให้ศาลชั้นต้นประเมินราคาที่ดินพิพาทก่อนสภาพที่ดินพิพาทเป็นที่นาในชนบทห่างไกลความเจริญเนื้อที่2งาน38ตารางวามีราคาไม่เกินสองแสนบาทศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทแทนจำเลยทั้งสี่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทเป็นส่วนสัดไม่ใช่ครอบครองแทนจำเลยทั้งสี่เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2956/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายและการประเมินราคาทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นภาษี
กองทัพบกโจทก์เป็นนิติบุคคล มีผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้แทนมีอำนาจบังคับบัญชาและรับผิดชอบ จึงเป็นผู้มีอำนาจทำการแทนโจทก์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 75 หรือที่แก้ไขใหม่ มาตรา 70 การที่กองบัญชาการควบคุม กองพลทหารราบที่ 4 ส่วนราชการของโจทก์มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการการสอบสวนเพื่อทราบข้อเท็จจริงและมีการรายงานเหตุการเสียชีวิตของนายทหารชั้นสัญญาบัตรให้โจทก์ทราบ ตลอดจนมีการทำบันทึกเรื่องค่าเสียหาย จะถือว่าโจทก์ทราบไม่ได้ กรณีต้องถือว่าโจทก์เพิ่งทราบเหตุและตัวผู้ต้องรับผิดเมื่อผู้บัญชาการทหารบกได้ทราบรายงานและลงนามอนุมัติให้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2531 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2532 ยังไม่พ้นกำหนด 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา448 ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
การที่โจทก์ซื้อรถมาโดยได้รับยกเว้นภาษีอากรนั้น ราคาที่โจทก์ซื้อย่อมมิใช่ราคาที่แท้จริงในท้องตลาด เพราะราคาในท้องตลาดต้องเป็นราคาที่รวมค่าภาษีอากรเข้าด้วยแล้ว ดังนี้ราคารถที่จะให้ชดใช้ต้องถือตามราคาปกติในท้องตลาด อันเป็นมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2547/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์และการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเกินอำนาจศาลอุทธรณ์เมื่อราคาทรัพย์สินไม่เกินห้าหมื่นบาท
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยสร้างรั้วรุกล้ำเข้ามา ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนรั้วออกไป จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยกั้นรั้วตามแนวเขตที่ดินของจำเลยซึ่งจำเลยได้กรรมสิทธิ์มาโดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ แม้โจทก์จะมีคำขอให้จำเลยรื้อถอนรั้วที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินอยู่ด้วยก็ตาม แต่เมื่อประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าที่ดินพิพาทเป็นของใคร ส่วนคำขอให้รื้อถอนรั้วออกไปเป็นผลต่อเนื่องในเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเท่านั้น เรียกไม่ได้ว่าเป็นคดีมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แยกกันได้จากคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์อย่างเดียว เมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาทคดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2547/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์จำกัด การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเกินอำนาจศาลอุทธรณ์เมื่อราคาทรัพย์สินไม่เกินห้าหมื่นบาท
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์จำเลยสร้างรั้วรุกล้ำเข้ามาขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนรั้วออกไปจากที่ดินพิพาทของโจทก์จำเลยให้การว่าจำเลยกั้นรั้วตามแนวเขตที่ดินของจำเลยที่จำเลยได้กรรมสิทธิ์มาโดยการครอบครองปรปักษ์เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ที่ดินพิพาทราคา9,600บาทแม้จะมีคำขอให้จำเลยรื้อถอนรั้วที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินพิพาทด้วยก็ตามแต่ประเด็นสำคัญของคดีอยู่ที่ว่าที่ดินพิพาทเป็นของใครส่วนคำขอให้รื้อถอนรั้วออกไปเป็นผลต่อเนื่องในเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเท่านั้นถือไม่ได้ว่าเป็นคดีมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แยกกันได้จากคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์อย่างเดียวเมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2538/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่มีราคาทรัพย์สินพิพาทเกินสองแสนบาท และประเด็นสิทธิครอบครอง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท แม้จะมีคำขอตามฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ตาม แต่ประเด็นข้อพิพาทที่แท้จริงของคดีก็คือ โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ส่วนคำขอที่ขอให้ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็เป็นผลต่อเนื่องมาจากประเด็นว่าสิทธิครอบครองเป็นของโจทก์หรือจำเลย จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคา-เงินได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง เมื่อคดีนี้เป็นคดีมีราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาสองแสนบาท จำเลยฎีกาโต้เถียงดุลพินิจให้การรับฟังพยานหลักฐานเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง และไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะฎีกาได้ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2538/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุราคาทรัพย์สินเกินสองแสนบาท และฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท แม้จะมีคำขอตามฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ตามแต่ประเด็นข้อพิพาทที่แท้จริงของคดีก็คือ โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ส่วนคำขอที่ขอให้ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็เป็นผลต่อเนื่องมาจากประเด็นว่าสิทธิครอบครองเป็นของโจทก์หรือจำเลย จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง เมื่อคดีนี้เป็นคดีมีราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาสองแสนบาท จำเลยฎีกาโต้เถียงดุลพินิจให้การรับฟังพยานหลักฐานเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงและไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะฎีกาได้ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกา
of 8