พบผลลัพธ์ทั้งหมด 39 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีที่ถูกต้องเมื่อผู้เสียภาษียอมรับราคาสินค้าที่สำแดงไว้ต่ำกว่าราคาแท้จริง
โจทก์นำสืบได้ว่าราคาสินค้าแท้จริงที่จำเลยที่ 1 ได้สำแดงไว้ตามฟ้องต่ำกว่าราคาแท้จริงในท้องตลาดและเมื่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์เรียกจำเลยที่ 1 ไปพบ ตัวแทนจำเลยที่ 1 ก็ยอมรับว่าราคาสินค้าที่สำแดงไว้ตามฟ้องต่ำกว่าราคาแท้จริง ดังนั้น การประเมินราคาสินค้าให้สูงขึ้นกว่าที่จำเลยสำแดงเพื่อเรียกเก็บภาษีเพิ่มของโจทก์จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4268/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาสินค้าสำแดงถูกต้อง กรมศุลกากรประเมินสูงเกินไปไม่ได้
จำเลยได้สำแดงราคาสินค้าไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดในเวลาและสถานที่ซึ่งนำของเข้าเพื่อเสียภาษีถูกต้องแล้ว กรมศุลกากรกับกรมสรรพากรโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงเพื่อเสียภาษีต่ำกว่าราคาที่โจทก์ถือเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเพื่อเป็นการประเมินเรียกเก็บภาษีดังนั้นการประเมินราคาสินค้าให้สูงขึ้นกว่าที่จำเลยสำแดงเพื่อเรียกเก็บภาษีเพิ่มของโจทก์จึงไม่ชอบ
จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงินประกันแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันชำระเงิน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์คืนเงินประกันแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลพิพากษา จำเลยไม่อุทธรณ์ดังนี้ปัญหาว่าโจทก์ต้องชำระดอกเบี้ยให้แก่จำเลยตั้งแต่เมื่อใด ย่อมไม่เป็นประเด็นในชั้นอุทธรณ์
จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนเงินประกันแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันชำระเงิน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์คืนเงินประกันแก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลพิพากษา จำเลยไม่อุทธรณ์ดังนี้ปัญหาว่าโจทก์ต้องชำระดอกเบี้ยให้แก่จำเลยตั้งแต่เมื่อใด ย่อมไม่เป็นประเด็นในชั้นอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาสินค้าศุลกากร: การประเมินราคาที่แท้จริงตามสภาพตลาดและปัจจัยเปลี่ยนแปลง
โจทก์นำกระจกเข้ามาในราชอาณาจักรและสำแดงราคาเพื่อเสียภาษีอากรตามที่ซื้อมา แต่เป็นราคาต่ำกว่าที่ระบุไว้ในบัญชีกำหนดราคาสินค้าซึ่ง จำเลยได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินราคาสินค้ากระจกที่โจทก์นำเข้าในครั้งก่อน ๆ เมื่อปรากฏว่าในระหว่างเวลานำเข้านั้นราคากระจกลดลงเพราะราคาน้ำมันดิบลดลง ค่าขนส่งลดลง เงินฟรังก์ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่โจทก์ซื้อกระจกมีค่าต่ำลง และบัญชีกำหนดราคาสินค้าดังกล่าวถูกยกเลิกโดยบริษัทผู้ผลิตและใช้บัญชีใหม่แทน จำเลยจึงไม่อาจใช้ราคาตามที่ระบุไว้ในบัญชีกำหนดราคาสินค้าดังกล่าวเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มราคากระจกและเก็บภาษีอากรเพิ่มเติมจากโจทก์ได้ ราคากระจกที่โจทก์สำแดงไว้ดังกล่าวเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดตามความในมาตรา 2 ของ พ.ร.บ. ศุลกากรพุทธศักราช 2469 การเสียภาษีอากรของโจทก์ตามราคาที่โจทก์สำแดงไว้ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2911/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเชิดตัวแทนสั่งซื้อสินค้า: ห้างหุ้นส่วนต้องรับผิดชอบราคาสินค้าที่ตัวแทนสั่งซื้อ
ใบรับบิลและใบส่งของระบุว่าส่งของให้ห้างจำเลยที่ 1 โดยมีป. และ ส. ลงนามเป็นผู้รับบิล และผู้รับสินค้าเป็นส่วนใหญ่เมื่อบุคคลทั้งสองเป็นบุตรสาวของจำเลยที่ 2 และเป็นหุ้นส่วนของห้างจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะ ป. ยังได้รับมอบหมายจากจำเลยที่2 ให้เป็นผู้สั่งของในนามของห้างจำเลยที่ 1 ด้วย เช่นนี้เป็นพฤติการณ์ถือได้ว่า ห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2หุ้นส่วนผู้จัดการได้เชิด ป. ให้เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 มีอำนาจสั่งซื้อสินค้าแทนจำเลยที่ 1 เมื่อ ป. สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์แทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้ราคาให้โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2876-2877/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับขนสินค้าสูญหาย ผู้รับขนต้องรับผิดชดใช้ราคาสินค้าตามสัญญา แม้จะอ้างว่าไม่ได้ตรวจสอบ
ในกรณีรับขน สิทธิของผู้ส่งจะตกเป็นของผู้รับตราส่งต่อเมื่อสินค้าไปถึงตำบลที่กำหนดไว้และผู้รับตราส่งเรียกให้ส่งมอบแล้ว กรณีที่สินค้าสูญหายระหว่างการรับขน ส่งสินค้า โจทก์ได้มอบสินค้าให้จำเลยส่งไปให้แก่ลูกค้าของโจทก์ในประเทศญี่ปุ่นในใบตราส่ง ก็ได้ระบุข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเกี่ยวกับการ ส่งสินค้าตลอดจนค่าขนส่งฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์อย่างใด แม้จะกล่าวในตอนท้ายว่าการกระทำละเมิดของจำเลยทำให้โจทก์ ไม่ได้รับเงินจากลูกค้าก็เห็นได้ว่าฟ้องโจทก์มุ่งประสงค์จะให้จำเลย รับผิดตามสัญญารับขน
สินค้าที่จำเลยรับขนคือพลอยหาใช่หีบห่อหรือกล่องที่ใส่พลอยไม่ เมื่อส่งไปถึงผู้รับตราส่งคงมีแต่หีบห่อหรือกล่องเปล่าย่อมจะถือว่า ของส่งถึงตำบลที่กำหนดให้ส่งแล้ว ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 หา ได้ไม่
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะมิได้ ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยได้ส่งมอบสินค้าหรือวันที่ควรจะส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งแต่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ส่งมอบสินค้าให้จำเลยในฐานะผู้ขนส่งฎีกาของจำเลยจึงแตกต่างไปจากที่จำเลยเคยให้การต่อสู้คดีไว้หาใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยไม่สามารถขนส่งสินค้า ของโจทก์ไปให้ลูกค้าได้ตามสัญญาเพราะสินค้าสูญหาย ไปค่าเสียหาย ที่โจทก์เรียกร้องมาในคำฟ้องก็คือราคาสินค้าตามที่กำหนดไว้ใน ใบกำกับสินค้าหากจำเลยเห็นว่าราคาที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินไป จำเลยก็อาจให้การต่อสู้คดีและนำสืบให้เห็นเช่นนั้นได้โจทก์หาจำต้องระบุรายละเอียดมาในคำฟ้องว่าราคาสินค้าที่เรียกร้องเป็นราคาต้นทุนเท่าใด กำไรเท่าใดไม่ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ตามใบตราส่งที่จำเลยออกให้โจทก์เห็นได้ว่า จำเลยรับขนส่งสินค้า ซึ่งระบุว่าเป็นพลอย เป็นสินค้ามีค่าได้กำหนดราคาสินค้าและเสีย ค่าขนส่งพิเศษสำหรับสินค้ามีค่าจำเลยจึงมีหน้าที่ที่จะต้องขนส่งพลอย ตามที่ระบุไว้ในใบตราส่งไปให้ผู้รับตราส่งตามที่ได้สัญญาไว้แก่โจทก์ หน้าที่ของจำเลยมิใช่มีเพียงแต่ขนส่งกล่องสินค้าโดยไม่ต้องคำนึงว่าสินค้าในกล่องจะมีอยู่หรือไม่ เมื่อสินค้าสูญหายไปไม่ถึงผู้รับตราส่ง จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามมาตรา 616 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะอ้างว่าจำเลยรับสินค้ามาในสภาพที่อยู่ในหีบห่อเรียบร้อยจำเลย มิได้รู้เห็นในการบรรจุสินค้า จึงไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่ ทั้งข้ออ้างดังกล่าวก็ขัดแย้งกับคำให้การของจำเลยซึ่งยอมรับว่าได้ทำสัญญารับขนพลอย ตามรายการที่โจทก์ฟ้องแต่อ้างว่าได้ส่งสินค้าไปถึงจุดหมายปลายทาง โดยไม่มีการสูญหายแล้ว
แม้ราคาสินค้าที่โจทก์เรียกจากจำเลยจะรวมกำไรค่าประกันภัย และค่าขนส่งด้วยแต่ก็เป็นราคาสินค้าที่โจทก์ขายให้แก่ผู้ซื้อซึ่งโจทก์ มีสิทธิได้รับหากมีการ ขนส่งถึงมือผู้ซื้อและราคาจำนวนนี้ได้ระบุไว้ ในใบตราส่งซึ่งถือเสมือนสัญญารับขนระหว่างโจทก์จำเลยทั้งจำเลย ก็มิได้นำสืบหักล้างว่าโจทก์มิได้เสียหายตามจำนวนดังกล่าวโจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าเสียหายตามจำนวนที่เรียกร้อง
สินค้าที่จำเลยรับขนคือพลอยหาใช่หีบห่อหรือกล่องที่ใส่พลอยไม่ เมื่อส่งไปถึงผู้รับตราส่งคงมีแต่หีบห่อหรือกล่องเปล่าย่อมจะถือว่า ของส่งถึงตำบลที่กำหนดให้ส่งแล้ว ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 หา ได้ไม่
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะมิได้ ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยได้ส่งมอบสินค้าหรือวันที่ควรจะส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งแต่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ฟ้องคดีเกินกว่า 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ส่งมอบสินค้าให้จำเลยในฐานะผู้ขนส่งฎีกาของจำเลยจึงแตกต่างไปจากที่จำเลยเคยให้การต่อสู้คดีไว้หาใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยไม่สามารถขนส่งสินค้า ของโจทก์ไปให้ลูกค้าได้ตามสัญญาเพราะสินค้าสูญหาย ไปค่าเสียหาย ที่โจทก์เรียกร้องมาในคำฟ้องก็คือราคาสินค้าตามที่กำหนดไว้ใน ใบกำกับสินค้าหากจำเลยเห็นว่าราคาที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินไป จำเลยก็อาจให้การต่อสู้คดีและนำสืบให้เห็นเช่นนั้นได้โจทก์หาจำต้องระบุรายละเอียดมาในคำฟ้องว่าราคาสินค้าที่เรียกร้องเป็นราคาต้นทุนเท่าใด กำไรเท่าใดไม่ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ตามใบตราส่งที่จำเลยออกให้โจทก์เห็นได้ว่า จำเลยรับขนส่งสินค้า ซึ่งระบุว่าเป็นพลอย เป็นสินค้ามีค่าได้กำหนดราคาสินค้าและเสีย ค่าขนส่งพิเศษสำหรับสินค้ามีค่าจำเลยจึงมีหน้าที่ที่จะต้องขนส่งพลอย ตามที่ระบุไว้ในใบตราส่งไปให้ผู้รับตราส่งตามที่ได้สัญญาไว้แก่โจทก์ หน้าที่ของจำเลยมิใช่มีเพียงแต่ขนส่งกล่องสินค้าโดยไม่ต้องคำนึงว่าสินค้าในกล่องจะมีอยู่หรือไม่ เมื่อสินค้าสูญหายไปไม่ถึงผู้รับตราส่ง จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามมาตรา 616 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะอ้างว่าจำเลยรับสินค้ามาในสภาพที่อยู่ในหีบห่อเรียบร้อยจำเลย มิได้รู้เห็นในการบรรจุสินค้า จึงไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่ ทั้งข้ออ้างดังกล่าวก็ขัดแย้งกับคำให้การของจำเลยซึ่งยอมรับว่าได้ทำสัญญารับขนพลอย ตามรายการที่โจทก์ฟ้องแต่อ้างว่าได้ส่งสินค้าไปถึงจุดหมายปลายทาง โดยไม่มีการสูญหายแล้ว
แม้ราคาสินค้าที่โจทก์เรียกจากจำเลยจะรวมกำไรค่าประกันภัย และค่าขนส่งด้วยแต่ก็เป็นราคาสินค้าที่โจทก์ขายให้แก่ผู้ซื้อซึ่งโจทก์ มีสิทธิได้รับหากมีการ ขนส่งถึงมือผู้ซื้อและราคาจำนวนนี้ได้ระบุไว้ ในใบตราส่งซึ่งถือเสมือนสัญญารับขนระหว่างโจทก์จำเลยทั้งจำเลย ก็มิได้นำสืบหักล้างว่าโจทก์มิได้เสียหายตามจำนวนดังกล่าวโจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าเสียหายตามจำนวนที่เรียกร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิด พ.ร.บ.กำหนดราคาสินค้าฯ มิอาจริบทรัพย์สินที่ใช้ในการดำรงชีพได้
น้ำตาลทรายอันเป็นสินค้าควบคุมตามประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาดที่จำเลยไม่นำออกจำหน่าย หรือเสนอขายตามปกติ และปฏิเสธไม่ยอมจำหน่ายนั้น หาใช่ทรัพย์สินที่ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด อันพึงจะต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 31 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2226/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์ในความผิด พ.ร.บ.กำหนดราคาสินค้าฯ เงินจากการขายของกลางไม่เข้าข่ายทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด
พระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ.2522มิได้บัญญัติเรื่องริบทรัพย์ไว้โดยเฉพาะ จึงอยู่ในบังคับแห่งหลักว่าด้วยการริบทรัพย์ทั่วไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33
จำเลยจำหน่ายปูนซีเมนต์เกินกว่าราคาที่กำหนดไว้ตามประกาศคณะกรรมการกลาง ความผิดของจำเลยอยู่ที่การฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการกลางตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ปูนซีเมนต์ซึ่งจำเลยได้ขายไปแล้วมิใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33(1) เงินที่ได้จากการขายปูนซีเมนต์จึงริบไม่ได้
เมื่อไม่ริบของกลางและมิได้ปรับจำเลย ก็ไม่มีทางที่จะสั่งจ่ายเงินรางวัลได้
จำเลยจำหน่ายปูนซีเมนต์เกินกว่าราคาที่กำหนดไว้ตามประกาศคณะกรรมการกลาง ความผิดของจำเลยอยู่ที่การฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการกลางตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ปูนซีเมนต์ซึ่งจำเลยได้ขายไปแล้วมิใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33(1) เงินที่ได้จากการขายปูนซีเมนต์จึงริบไม่ได้
เมื่อไม่ริบของกลางและมิได้ปรับจำเลย ก็ไม่มีทางที่จะสั่งจ่ายเงินรางวัลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องเคลือบคลุม – การแสดงรายละเอียดสินค้าและราคายังไม่ชัดเจน – คำฟ้องไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้เบิกสินค้าต่าง ๆ ไปจากโจทก์นำไปขายคิดเป็นเงินทั้งสิ้น 1,551,387.40 บาท แต่จำเลยได้ส่งสินค้าคืนหักค่าใช้จ่ายค่าของแถม และส่งเงินสดให้โจทก์แล้วเป็นเงิน 1,412,710.30 บาท จึงเหลือเงินที่จำเลยยังไม่ได้ส่งให้โจทก์รวม 138,677.10 บาท และเงินค่าสินค้าที่จำเลยเบิกไปขายซึ่งยังไม่ได้ส่งให้โจทก์ยกมาจากปีก่อนอีกรวม 39,728 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 177,955.10 บาท ปรากฏตามพยานหลักฐาน (ใบรับของแผนกแคชเซล) ซึ่งโจทก์จะได้นำส่งศาลในวันพิจารณาต่อไป ดังนี้ โจทก์มิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่าสินค้าที่จำเลยที่ 1 เบิกรับไปจากโจทก์ไปขายนั้น เป็นสินค้าอะไร จำนวนและราคาเท่าใด ได้ส่งสินค้าอะไร จำนวนและราคาเท่าใดคืน จึงรวมเป็นเงินที่จำเลยส่งคืนแล้วและจำนวนเงินที่จำเลยยังไม่ได้ส่งให้โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้อง ทั้งมิได้แนบสำเนาเอกสารที่เกี่ยวกับสินค้าที่จำเลยรับไปและส่งคืนมาท้ายคำฟ้อง ที่โจทก์บรรยายฟ้องต่อไปว่าปรากฏตามพยานหลักฐาน (ใบรับแผนกแคชเซล) ซึ่งโจทก์จะได้นำส่งศาลในชั้นพิจารณาต่อไปนั้น แม้ภายหลังโจทก์จะส่งพยานหลักฐานดังกล่าวต่อศาล พยานหลักฐานนั้นก็มิใช่เป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องจะเอามาพิจารณาประกอบคำฟ้องหาได้ไม่ คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเป็นคำฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นส่วนหนึ่งของราคาสินค้า ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า
การที่โจทก์ตกลงทำสัญญาขายสินค้าให้แก่ลูกค้าเป็นราคาเงินสด แต่กำหนดให้ลูกค้าชำระราคาด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินที่ยังไม่ถึงกำหนดก็ได้ ในกรณีที่ชำระราคาด้วยตั๋วสัญญาใช้เงิน ลูกค้าจะต้องชำระดอกเบี้ยสำหรับราคาสินค้านั้นให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ให้แก่โจทก์ด้วยนั้น การที่โจทก์คิดดอกเบี้ยจากลูกค้าอีกจำนวนหนึ่งเพิ่ม ขึ้นจากราคาเงินสดเป็นการนำดอกเบี้ยมาเป็นหลักกำหนดราคาขายเชื่อนั่นเอง แม้ลูกค้าบางคนจะออกตั๋วสัญญาใช้เงินสำหรับดอกเบี้ยเป็นอีกฉบับหนึ่งต่างหากจากตั๋วสัญญาให้เงินสำหรับราคาเงินสด หรือโจทก์ได้ออกใบเสร็จรับเงินสำหรับดอกเบี้ยเป็นอีกฉบับหนึ่งต่างหากจากใบเสร็จรับเงินราคาสินค้าก็ไม่ทำให้ดอกเบี้ยนั้นเป็นดอกเบี้ยของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกชำระราคาสินค้า ดอกเบี้ยที่โจทก์ได้รับจึงเป็นส่วนหนึ่งของราคาสินค้าที่โจทก์ขายเพื่อ เป็นราคาสินค้าอันเป็นรายรับตามวิธีคำนวณรายรับตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 จัตวา (3) ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคิดดอกเบี้ยในสัญญาซื้อขายเชื่อเป็นส่วนหนึ่งของราคาสินค้าเพื่อคำนวณภาษีการค้า
การที่โจทก์ตกลงทำสัญญาขายสินค้าให้แก่ลูกค้าเป็นราคาเงินสด แต่กำหนดให้ลูกค้าชำระราคาด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินที่ยังไม่ถึงกำหนดก็ได้ ในกรณีที่ชำระราคาด้วย ตั๋วสัญญาใช้เงิน ลูกค้าจะต้องชำระดอกเบี้ยสำหรับราคาสินค้า นั้นให้แก่โจทก์ ในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ให้แก่โจทก์ ด้วยนั้น การที่โจทก์ คิดดอกเบี้ยจากลูกค้าอีก จำนวนหนึ่งเพิ่มขึ้นจากราคาเงินสด เป็นการนำดอกเบี้ยมา เป็นหลักกำหนดราคาขายเชื่อนั่นเอง แม้ลูกค้าบางคนจะ ออกตั๋วสัญญาใช้เงินสำหรับดอกเบี้ย เป็นอีกฉบับหนึ่งต่างหาก จากตั๋วสัญญาใช้เงินสำหรับ ราคาเงินสด หรือโจทก์ได้ออกใบเสร็จรับเงินสำหรับดอกเบี้ย เป็นอีกฉบับหนึ่งต่างหากจาก ใบเสร็จรับเงินราคาสินค้า ก็ไม่ทำให้ดอกเบี้ยนั้นเป็น ดอกเบี้ยของตั๋วสัญญาใช้เงิน ที่ออกชำระราคาสินค้า ดอกเบี้ยที่โจทก์ได้รับจึงเป็น ส่วนหนึ่งของราคาสินค้า ที่โจทก์ขายเชื่อ เป็นราคาสินค้า อันเป็นรายรับตามวิธี คำนวณรายรับตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 จัตวา (3) ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า